The king of War - บทที่ 757 ทยอยกันเกิดเรื่อง
“ท่านผู้นำ เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ซุนซื่อกรุ๊ปถูกสั่งปิดแล้ว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินถูกควบคุมตัวไปแล้ว พร้อมแจ้งข้อหาว่า บริษัททำบัญชีปลอม”
“ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มสื่อของตระกูลซุน ก็ถูกสั่งปิด โดนคดีละเมิดลิขสิทธิ์”
“อีกยังซุนซื่อการบันเทิง ผู้จัดการใหญ่ถูกจับ ถูกเปิดโปงธุรกิจซื้อขายประเวณี ซุนซื่อการบันเทิงก็ถูกสั่งปิด”
……
กลุ่มใต้อานัติตระกูลซุนถูกเปิดโปงเรื่องเลวร้ายของตระกูลซุนหลายกรณี
ทว่า เขายังสาธยายเรื่องเลวร้ายของตระกูลซุนยังไม่ทันจบ ซุนซวี่เข่าอ่อนไปข้างหนึ่ง ก้นจ้ำเบ้าทรุดนั่งลงกับพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา “ต้องเป็นเขา ต้องเป็นเขาแน่ ๆ!”
ในขณะนั้นเอง ในสมองของซุนซวี่ผุดเงาร่างของหยางเฉินขึ้นมา นอกจากหยางเฉินแล้ว เขายังคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า จะมีใครทำได้ขนาดนี้
ส่วนหลินเทียนเจ๋อกับซ่งชิงซานพอได้ฟังถึงเรื่องที่ตระกูลซุนกำลังประสบอยู่ ทั้งสองหายใจเข้าสุดเฮือก ตระกูลซุน ตอนนี้ต้องล่มสลายดับสูญเป็นแน่
ในขณะเดียวกัน ความสังหรณ์ใจที่ไม่ค่อยดีอะไรซักอย่าง แวบเข้ามาในสมองของพวกเขาในทันใด
ทุกครั้ง ลูกน้องในสังกัดของตระกูลซุนมีข่าวร้ายแจ้งเข้ามา ติดตามมา มักจะเป็นข่าวของตระกูลหลินกับตระกูลซ่ง พวกเขากำลังคิดกลัวอยู่ว่า นาทีต่อไป ลูกน้องของพวกเขาจะเข้ามา
ทว่า เรื่องที่ยิ่งกลัวจะเกิด ก็มักยิ่งจะเกิด
“ท่านผู้นำ แย่แล้ว ตระกูลหลินเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“ท่านผู้นำ แย่แล้ว ตระกูลซ่งเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
……………..
เหตุการณ์ที่เกิดกับตระกูลหลินและตระกูลซ่งโดยรวมแล้วเหมือนกัน กิจการหลัก ๆ ในเครือตระกูล ล้วนถูกสั่งปิด ยังมีเรื่องการหลบเลี่ยงโกงภาษี และธุรกิจมืดต่าง ๆ ถูกเปิดโปง
ชั่วเวลาสั้น ๆ แค่สองชั่วโมง ตระกูลซุน ตระกูลหลิน ตระกูลซ่ง ทั้งสามตระกูลใหญ่ ล่มสลายหายกลายเป็นประวัติศาสตร์
ในห้องโถงงานจัดเลี้ยง คนของตระกูลอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าแตกตื่นกันไปในขณะนั้น
ที่พวกเขามากันในวันนี้ ก็เพื่อจะเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาพึ่งบารมี ที่ไหนได้ แข้งขายังไม่ทันได้เกาะ ขาขาดกันไปเสียแล้ว
ดูตามสถานการณ์ในเวลานี้ นอกเสียจากเจ้าชายเซวที่จะเข้ามาช่วย มิฉะนั้นแล้วสามตระกูลนี้ ก็มีแต่ทางที่จะต้องล่มสลายไปเป็นแน่แท้
“องค์ชายเซว!รีบโทรฯ.หาเจ้าชายเซวเดี๋ยวนี้เลย มีแต่เขาจึงจะช่วยพวกเราได้!”
ซุนซวี่คำรามขึ้นมาในฉับพลันนั้น
หลินเทียนเจ๋อกับซ่งชิงเทียนก็ได้มองเห็นความหวัง รีบพูดเสริม “ใช่แล้ว ตอนนี้มีแต่ท่านเจ้าชายเซวเท่านั้นที่จะช่วยตระกูลพวกเราได้!”
ทว่า หลังจากซ่งชิงซานโทรศัพท์ไปแล้ว หน้ากลับซีดเผือดลงไปสุด ๆ
“ผู้นำซ่ง เจ้าชายเซวท่านว่ายังไงบ้าง?”
“ท่านรู้เรื่องของพวกเราแล้วใช่ไหม?”
“เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เจ้าชายเซววางหมากไว้ เพื่อใช้เล่นงานหยางเฉิน ใช่หรือเปล่า?”
“ตอนนี้ ท่านจะรวบเก็บได้หรือยัง?”
ซุนซวี่กับหลินเทียนเจ๋อมองซ่งชิงซานด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
สีหน้าซ่งชิงซานดูไม่จืด ขบเขี้ยวกัดฟันพูดออกมาว่า “เจ้าชายเซว ได้กลับตระกูลเดอะคิงเซวแล้ว!”
“อะไรนะ?แกว่าอะไรนะ?”
ซุนซวี่ทะลึ่งพรวดขึ้นมา คว้าคอเสื้อซ่งชิงซาน ตะคอกถามด้วยอารมณ์เครียด “แกบอกว่าเจ้าชายเซวกลับตระกูลเดอะคิงไปแล้ว?”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?แกโกหกเราเล่นใช่ไหม?”
“ท่านเจ้าชายเซวบอกไม่ใช่หรือว่า ท่านเชิญพวกเราเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ?”
“พวกเราสู้รอมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว แต่เขากลับปล่อยทิ้งพวกเรา ตัวเองกลับตระกูลเดอะคิงเซวไปแล้ว?”
หลินเทียนเจ๋อก็พูดด้วยความโมโหว่า “เจ้าชายเซว ทำไมทำอย่างนี้?ก็เขาไม่ใช่หรือที่รับปากจะสนับสนุนพวกเราทั้งสามตระกูล ให้ก้าวขึ้นไปเป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่เหนือชั้นไปกว่าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู?”
“แล้วเขาจากไปได้ยังไง?ถึงจะไป แล้วทำไมไม่เห็นมีบอกกล่าวกันมั่งสักคำ?”
แววตาของซ่งชิงซานเต็มไปด้วยความผิดหวัง ความคิดของเขาเหมือนซุนซวี่และหลินเทียนเจ๋อ ระดับและฐานะอย่างเซวหยวนป้า ไม่มีเหตุผลที่จะมาหลอกพวกเขา
แต่ในขณะนี้ เรื่องจริงที่ปรากฏชัด เซวหยวนป้าทอดทิ้งพวกเขา กลับไปถึงตระกูลเดอะคิงเซวของเขาแล้ว
ไม่มีเซวหยวนป้า แล้วพวกเขายังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลกลับมาได้หรือ?
ไม่มีทาง!
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
“ท่านผู้นำตระกูลซุนครับ ต้องขอโทษจริง ๆ นะ พอดีเมียผมกำลังจะคลอดลูก ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลดูเขาหน่อย!”
ผู้นำตระกูลเศรษฐีวัยเจ็ดสิบปีคนหนึ่ง จู่ ๆ พูดขึ้นมา
พูดจบ ไม่ทันรอดูปฏิกิริยาของซุนซวี่ หันหลังพรวดพราดจากไป
“ผู้นำตระกูลหลินครับ ต้องขอโทษจริง ๆ พอดีเพิ่งคิดขึ้นมาได้ วันนี้เป็นวันแต่งงานของพ่อของหลานของปู่ของลูกผม ผมต้องรีบไปร่วมงานเขาแล้วนะครับ”
มีอีกคนที่รีบปลีกตัวหนีไป
“ผู้นำตระกุลซ่งครับ สงสัยผมกินอะไรแสลงเข้าไป ท้องไส้ผิดปกติรุนแรง คงต้องรีบไปให้หมอที่โรงพยาบาลจัดการให้แล้วแหละ”
ในชั่วแผล็บเดียว ห้องโถงที่เต็มไปด้วยความคึกคักเมื่อช่วงที่ผ่านมา บรรดาคนในตระกูลเศรษฐี ต่างพากันมีเหตุผลต่าง ๆ นาๆ หลบฉากจากไป
เวลาที่ผ่านไม่ถึงห้านาที คนนับร้อยในห้องโถง ต่างพากันจากไปเกลี้ยง เหลือเพียงคนในสามตระกูล
“เจ้าบ้านหลิน เจ้าบ้านซ่ง ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?คงจะนั่งรอตายไม่ได้มัง?”
ซุนซวี่ขบเขี้ยวพูดมาในทันใด “เท่าที่ข้ารู้จักหยางเฉิน เขาจะต้องไม่ปล่อยพวกเราง่าย ๆเป็นแน่”
“ไม่แน่ว่า ตอนนี้เขากำลังเดินทางมาที่โรงแรมเยี่ยนตูแล้ว”
“ถ้าหากเรายังคิดหาวิธีรับมือไม่ได้ น่ากลัวว่า แม้ชีวิตก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้ว”
ได้ยินที่ซุนซวี่พูด ในตาของหลินเทียนเจ๋อกับซ่งชิงซานค่อยฉายเห็นแววออกมาบ้าง
“ใช่แล้ว พวกเราต้องคิดวางแผนที่รัดกุมให้มากที่สุด มาต้านรับการแก้แค้นของหยางเฉิน!”
หลินเทียนเจ๋อก็รีบเอ่ยปากขานรับ
“มาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราก็มีแต่ต้องร่วมแรงร่วมมือกันสู้แล้ว!”
ประกายหนาวเยือกฉายจากนัยน์ตาซ่งชิงซาน กัดฟันพูดว่า “แต่ว่า พวกเราได้แต่ร่วมมือกันออกไปให้พ้นจากเยี่ยนตู ไม่งั้น ลำพังกำลังจริงที่เรามีอยู่ ไม่มีทางสู้กับกลุ่มพวกของหยางเฉินได้แน่นอน”
“แต่ด้วยทุนทรัพย์ของสามตระกูลเศรษฐีอย่างพวกเรา ถึงจะออกไปจากเยี่ยนตู ใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถย้อนฟื้นคืนกลับมาที่นี่ได้อีก”
“ข้าถึงแม้จะไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ เจ้าชายเซวจึงออกไปจากเยี่ยนตู แต่ข้าว่าข้าคงเดาข้อเท็จจริงอะไรบางอย่างได้”
“จะต้องเป็นที่แน่ ๆ ว่าภายในตระกูลเซวมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ที่ต้องให้เจ้าชายเซวรีบกลับ ฉะนั้นเขาจึงจากไปอย่างฉุกละหุก”
“ขอเพียงพวกเราเกาะขาเจ้าชายเซวไว้ให้แน่น เจ้าชายเซวไม่มีทางทิ้งไม่ดูแลพวกเราอย่างแน่นอน ให้จัดการเรื่องของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องนำพาพวกเรากลับมาที่นี่ได้เป็นแน่!”
ฟังที่ซ่งชิงซานประมวลเรื่องราวมา แววตาที่หมดหวังของหลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่ ก็ได้ทอแสงแห่งความหวังขึ้นมาโดยพลัน
“ใช่เลย เจ้าบ้านซ่งพูดถูกต้อง เจ้าชายเซวในเมื่อต้องการเล่นงานหยางเฉิน ขอเพียงแต่ให้เขายอมช่วยพวกเรา รอให้เขาจัดการเรื่องของเขาเรียบร้อย เขาต้องช่วยพวกเรากลับมาเยี่ยนตูได้อีกอย่างแน่นอน!”
“ให้ถึงเวลาที่พวกเรากลับมาอีกครั้ง นั่นก็คือวาระสุดท้ายของหยางเฉิน!”
“อนาคตของเยี่ยนตู พวกเราสามตระกูลใหญ่ ครองความเป็นเจ้า!”
หลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่ตื่นเต้นกันเจียนจะเป็นบ้า
“ถ้าเอาอย่างนี้ งั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย ไม่งั้นเดี๋ยวหยางเฉินมาถึง พวกเราคิดจะไป จะสายเกินไป!”
ซ่งชิงซานรีบลุกขึ้นแล้วพูด
“เพื่อเป็นหลักประกันในความปลอดภัย พวกเรารีบจัดรวบรวมยอดฝีมือระดับสุดยอด ติดตามพวกเราไปกันเถอะ!”
ได้ยินดังนั้น หลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่ต่างใจชื้นขึ้น ต่างมุ่งหน้าเดินออกไปพลางยกโทรศัพท์สั่งการไปพลาง
แต่ทว่า พวกเขาทั้งหลายพอเดินถึงหน้าโรงแรมเยี่ยนตู ก็ปรากฏให้เห็นที่นอกโรงแรม มืดทมึนเต็มไปด้วยผู้คน