The king of War - บทที่ 758 กวาดล้าง
เห็นคนอยู่ข้างนอกเต็มมืด ซุนซวี่กับหลินเทียนเจ๋อ ยังมีซ่งชิงซาน ต่างตะลึงงัน แววตาส่อเห็นถึงความรู้สึกแบบว่าทำอะไรไม่ถูก
ด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนยืนสั่นกันทั้งตัว
ที่เห็นยืนอยู่ด้านหน้าสุด ก็คือหวังเฉินตระกูลอวี๋เหวิน เย่หวาตระกูลเย่ อีกยังมีหวงเจิ้งตระกูลหวง
และคนที่ยืนอยู่ตรงกลางของบรรดาคนที่ยืนอยู่ นั่นแหละคนที่ทำให้พวกเขาเห็นถึงความน่ากลัวมากที่สุด
“หยาง คุณหยาง ท่าน ท่านทำไมก็มาด้วยหละ?”
ซุนซวี่พูดตัวสั่น เวลาพูด เสียงที่ออกมาสั่นตะกุกตะกัก
ไม่บอกไม่ได้ว่า หยางเฉินได้ทิ้งเงามืดไว้ในส่วนลึกของความทรงจำของเขาไว้เป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงขนาดพอเห็นหยางเฉินเข้า ต้องให้กลัวถึงขนาดนี้
หลินเจ๋อเทียนกับซ่งชิงซานก็ยืนสั่นงันงกกันไม่หยุด ถ้าไม่ประคองตัวอยู่กับราวระเบียง น่ากลัวแต่ละคนคงฝืนยืนกันไม่ไหวแล้ว
หยางเฉินกวาดตามองแต่ละคนอย่างไร้ความรู้สึก สีหน้าเรียบเฉย แต่ความโกรธในใจ เหมือนกำลังแผดเผาจนร่างของเขาจะลุกไหม้
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาออกคำสั่งไป ไม่ให้คนของตระกูลเย่เข้าไปต้านรับกับตระกูลที่เป็นเพื่อนรักของเขา น่ากลัวกองกำลังฝ่ายของเขานี้ จะต้องสูญเสียอย่างหนัก
เวลานี้ แม้กระทั่งอวี๋เหวินเกาหยางกับเย่ม่าน ยังมีหวงเทียนเซิง อีกทั้งเฉินเห้า กวนเสว่ซง หานเยี่ยน ผู้นำเหล่านี้ ก็ยังอยู่ในห้องไอซียู
ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนร้ายของเซวหยวนป้า แต่ซุน หลิน ซ่ง สามตระกูลนี้ก็คือผู้ร้ายตัวจริง
เห็นหยางเฉินไม่ปริปากพูด สามผู้นำตระกูล ยิ่งดูหาที่รองรับไม่ได้ ในใจหวาดกลัวกันถึงที่สุด
“พวกแกเป็นคนในแปดตระกูลเยี่ยนตู แต่ไปคบคิดกับคนนอกมาเล่นงานเศรษฐีคนพื้นที่ โทษนี้คือตาย!”
สายตาของหวงเจิ้งกวาดมองไปที่พวกซุนซวี่ทั้งสามคนทีละคน พูดเสียงเย็นเยือก
เย่หวาก็เดินขึ้นหน้ามา แววตาเต็มไปด้วยใจมุ่งฆ่า พูดเสียงเฉียบ “วันนี้ก็คือวันสิ้นซากของตระกูลพวกแกทั้งสาม”
ตามติดมา หวังเฉินก็เดินออกมา แววเย้ยหยันติดไว้ที่มุมปาก สายตากวาดมองสามผู้นำตระกูล ยิ้มกวน ๆ พูดไปว่า “สวรรค์มีทางเดินให้แต่แกไม่ไป นรกไม่ได้เปิดประตูกลับดันทุรังจะเข้า ในเมื่อพวกแกอยากจะตาย งั้นพวกเราก็จะช่วย!”
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน……”
ทันใดนั้นเอง กลุ่มผู้แกร่งกล้านับพันที่ยืนอยู่ข้างนอกโรงแรม ตะโกนร้องขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เสียงสนั่นสะเทือนดินปานจะถล่มฟ้า
บนสีหน้าแต่ละคน ล้วนเต็มไปด้วยความพร้อมทำศึก
ไม่เพียงสามตระกูลเศรษฐีที่กล่าวข้างต้น ยังมีตระกูลเฉินและตระกูลหาน กับอีกหนึ่งตระกูลกวนที่เพิ่งเข้ามาตั้งตัว ต่างจ้องจะกินเลือดกินเนื้อพวกซุนซวี่กลุ่มนี้
“หลังจากวันนี้ไป เยี่ยนตูจะไม่มีตระกูลซุน ตระกูลซ่ง ตระกูลหลิน!”
และในเวลานั้นเอง หยางเฉินเอ่ยปากพูดออกไปในทันใด
เพียงประโยคเดียว ก็ได้ออกเป็นคำสั่งตายให้กับสามตระกูลที่รุ่งเรืองหาใครเปรียบได้ในอดีต
“หยางเฉิน แกมันเป็นตัวอะไร?เอาคุณสมบัติอะไรมาทำตัวเป็นผู้บงการความเป็นตายความของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูพวกเราได้?”
หลินเทียนเจ๋อชี้นิ้วใส่หยางเฉิน ถามเสียงคำรามออกไป
เขารู้ว่าหยางเฉินพลังฝีมือแกร่งกล้ามาก และเขาก็กลัวหยางเฉินอยู่ แต่ในอีกใจ หยางเฉินก็แค่คนบ้านนอก
แววตาของซ่งชิงซานทอประกายความเคืองโกรธ พูดเสียงหยามไปว่า “ตอนที่ข้าลือลั่นในสังคม ประมาณได้ว่าพ่อแกยังเล่นขี้เยี่ยวคลุกฝุ่นอยู่เลย แกมันไอ้เด็กขนยังขึ้นไม่เต็ม กล้าดีงัยมาโวยวายต่อหน้าข้า?”
“แกกล้ามาสบประมาทคุณหยาง รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
แววตาหวงเจิ้งมู่หนาวเยือก สั่งบอดี้การ์ดข้างตัวที่เป็นผู้แกร่งกล้ามีหน้าที่คุ้มกันเขาโดยตรงว่า
“ฆ่าหลินเทียนเจ๋อ!”
ชายฉกรรจ์หุ่นล่ำใหญ่ ก้าวออกมาจากข้างหลังทันที
“เสือไม่ออกลาย พวกแกเลยคิดว่าไอ้แก่อย่างข้าเป็นแค่แมวป่วยนะ ในเมื่อพวกแกอยากรนหาที่ตาย ข้าก็จะช่วย!”
หลินเทียนเจ๋อโบกมือที่ใหญ่หนา “ฉื้อถู้ จัดการ!”
“ฉื้อถู้!”
เห็นชายวัยกลางคนที่เดินออกมาจากหลังหลินเทียนเจ๋อ ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
“ที่แท้ เจ้าฉื้อถู้ ไปอยู่ในสังกัดแก ถึงยังว่าแกไปเอาความกล้ามาจากไหน ที่มาทำซ่าต่อหน้าคุณเฉิน แต่ว่า เจ้าฉื้อถู้ ตัวเดียวน้อย ๆ นี่ จะช่วยค้ำแกไปได้สักกี่น้ำเชียว?”
หวงเจิ้งแสยะยิ้ม พลันออกคำสั่งไปอีก “แกไปด้วย!”
ผู้แข็งแกร่งหุ่นล่ำใหญ่อีกคนหนึ่ง เดินออกมาจากข้างหลังหวงเจิ้ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยกล้ามที่ดูเหมือนจะระเบิด
เห็นฉากนี้เข้า สีหน้าหลินเทียนเจ๋อดูไม่ได้เอาเลยสุด ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “หวงเจิ้ง ข้าให้เพียงฉื้อถู้ ออกไปคนเดียว แกกลับส่งคนออกมาถึงสองคน แกจะหน้าด้านไปไหม?”
“แกจะมาคุยอะไรเรื่องหน้าด้านไม่ด้าน?”
หวงเจิ้งแค่นหัวเราะไปว่า “แกอาศัยตระกูลเซวอยู่เบื้องหลัง เอาคนไปถล่มบ้านข้า ถามว่าแกหน้าด้านไหม?”
“เวลานี้ พวกแกมันเป็นนักโทษอยู่ใต้กรอบของพวกข้า ไอ้นักโทษคนนึง ยังมีศักดิ์ศรีอะไรมาคุยเรื่องหน้าด้านไม่ด้านกับพวกข้า?”
“จัดการฆ่ามัน! ฆ่าไอ้ฉื้อถู้ นั่นซะ!”
ได้ยินหวงเจิ้งพูด หลินเทียนเจ๋อสีหน้าเครียดขรึมลงสุด ๆ
ฉื้อถู้ เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของตระกูลหลิน เดิมเขาคิดจะไว้ใช้ข่มขวัญคนที่มาในงาน แต่ไม่คิดว่าหวงเจิ้งเล่นส่งผู้แข็งแกร่งลงมารุมกันสองคน
ซ่งชิงซานกับซุนซวี่ก็มีสีหน้าที่ดูไม่ได้เอาเหมือนกัน พวกเขาเป็นสามในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แต่ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นสามในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเหมือนกัน
มองดูแล้วกำลังเรียกได้ว่าสูสีกัน แต่พวกเขาได้รับเชิญมาเลี้ยงฉลองชัยชนะจากเซวหยวนป้า จึงได้เพียงนำกำลังมาส่วนหนึ่งเท่านั้น
ในขณะนี้ คฤหาสน์ของพวกเขาถูกถล่มยึดไปแล้ว คนที่อยู่ประจำการที่คฤหาสน์ น่ากลัวที่สู้ตายก็ตายไป ที่ไม่ตายก็ยอมสวามิภักดิ์ไป
ที่เหลือจะใช้ได้ ก็คงพวกที่อยู่ด้วยกันที่นี่ไม่กี่คน
พูดได้เลยว่า ให้ติดปีกก็ยังหนีไม่พ้น!
หยางเฉินไม่ได้มีความคิดจะลงมือด้วยตัวเอง เขาได้จัดการกับเซวหยวนป้าไปแล้ว ถ้าส่วนที่เหลือ ยังต้องให้เขาไปลงมือเองอีก แล้วตระกูลหวงจะมีความหมายอะไรเหลือให้ดูอีก?
ผู้แข็งแกร่งสองคนที่หวงเจิ้งสั่งให้ออกไป พุ่งใส่ฉื้อถู้ ทางซ้ายและขวากันคนละข้าง
ฉื้อถู้ ในชุดเสื้อผ้าสีแดงเพลิง นัยน์ตาแดงก่ำ แถมย้อมผมเป็นสีแดง ดูแดงไปทั้งตัว
เขาขยับขาวาดออกไป ดูเห็นเป็นสายลมหมุนสีแดง พุ่งไปอย่างเฉียบพลัน ควงหมัดพุ่งออกไป บรรยากาศที่รายล้อมสั่นสะท้านไปโดยรอบ
“หาที่ตาย!”
ผู้แข็งแกร่งตระกูลหวงเห็นดังนั้น ไม่ส่อวี่แววจะถอยหลบ แววตาส่อเต็มในการพร้อมสู้ ควงหมัดซัดออกไปเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งตระกูลหวงอีกคนหนึ่ง ก็ควงหมัดพุ่งตามเข้าใส่ฉื้อถู้
“ปึง!”
หมัดของทั้งสองฝ่ายกระแทกใส่กัน เกิดเป็นเสียงทุ้มหนัก เสี้ยววินาทีต่อมา เงาสีดำร่างหนึ่ง กระเด็นออกไปพร้อมเลือดที่พุ่งออกจากปาก
ที่ลอยกระเด็นออกไปเป็นผู้แข็งแกร่งตระกูลหวง
ผู้แข็งแกร่งตระกูลหวงอีกคนเห็นดังนั้น สายตาส่อให้เห็นความสะท้านกลัวขึ้นมา หมัดที่กำลังพุ่งออกไปดูเหมือนเกิดความลังเล
เพราะช่วงเพียงคิดที่จะถอยนั้นเอง จึงสรุปชัดถึงความพ่ายแพ้ของเขาทันที
“ปึง”
ตามด้วยเสียงกระดูกแตกหักดังฟังชัด ผู้แข็งแกร่งคนที่สองของตระกูลหวง ก็ได้ถูกฉื้อถู้ซัดกระเด็นลอยไป
ในฉับพลันนั้น ทั้งบริเวณเงียบเป็นตาย!
คนทั้งหมดที่อยู่ต่างมองงง ๆ กับคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ฉื้อถู้ที่อยู่ในชุดสีแดงคนนั้น
แม้แต่หลินเทียนเจ๋อเอง ก็ยังตะลึงอยู่กับที่ เหมือนยังไม่เชื่อว่า ฉื้อถู้คนเดียวปะทะกับคนสองคน กลับเอาชนะมาได้จริง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ดี !ดี !ดี !”
พักใหญ่ หลินเทียนเจ๋อจึงได้สติ หัวเราะออกมาลั่น ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ยอดฝีมือของผู้แข็งแกร่งตระกูลหวง มันก็ไอ้แค่นี้เอง!”
สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจของหลินเทียนเจ๋อมองไปที่หวงเจิ้งที่หน้ากำลังบูดบึ้ง พูดด้วยยิ้มเยาะเย้ย
ซุนซวี่และซ่งชิงซานดูเหมือนได้มองเห็นความหวัง ทั้งสองก็ให้รู้สึกตื่นเต้นเต็มหน้า
“พวกแกมันก็พวกกะเลวกะราดรวมตัวกัน คิดแต่ว่ามีคนมาก แล้วก็จะทำอะไรกับพวกเราได้?”
เพราะได้เห็นฉื้อถู้ประสบชัยชนะ หลินเทียนเจ๋อยิ่งกร่างขึ้นมา เหมือนได้กลับไปอยู่ในสมัยตระกูลหลินที่รุ่งเรืองในอดีต ยกนิ้วชี้กราดใส่ทุกคนว่า “พวกแกไหนตะกี้ขู่กันว่าจะฆ่าพวกกูไม่ใช่หรือ?มาสิ!อย่าอยู่เฉย!เอาเลย!”
“ในเมื่อแกเร่งร้อนอยากจะรีบตาย งั้นข้าก็จะช่วยแกให้ได้สมดังใจ!”
และในขณะนั้นเอง หยางเฉินได้เอ่ยปากพูกออกมาในทันที