The king of War - บทที่ 797 อู๋เทียนโย่วเชิญไปรับประทานอาหาร
อีกฝ่ายรีบเอ่ยขึ้น แล้วถามต่อว่า “พี่เฉิน เมื่อไหร่คุณจะกลับมาหาพี่น้องที่ชายแดนเหนือ? พวกเราพี่น้องคิดถึงคุณมาก”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยางเฉิน เขาเอ่ยทักทายกับอีกฝ่ายด้วยความคิดถึงไม่กี่ประโยคแล้วค่อยวางสายไป
เมื่อหม่าชาวรู้ว่าจะมีคนหนุ่มมากความสามารถมาเขาก็ตื่นเต้นมาก หลังจากส่งหยางเฉินกลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ไปยังค่ายฝึกองครักษ์เงาต่อทันที
ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานในช่วงบ่าย หยางเฉินได้รับสายจากเซี่ยเหอ “หยางเฉิน คุณช่วยฉันอีกครั้งได้ไหม?”
เธอไม่รอให้หยางเฉินได้ซักถามอะไร เซี่ยเหอก็รีบอธิบายว่า “อู๋เทียนโย่วบอกว่าจะไม่มารบกวนฉันอีก แต่ฉันต้องรับปากเขาเรื่องหนึ่ง ก็คือให้เขาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อ เพื่อเป็นการขอโทษคุณ”
เมื่อได้ยินเซี่ยเหอบอกว่า อู๋เทียนโย่วต้องการเชิญเขาไปรับประทานอาหาร แถมยังจะขอโทษอีก หยางเฉินก็มีสีหน้าแปลกใจ
มีเพียงผู้หญิงที่บริสุทธิ์ใสซื่ออย่างเซี่ยเหอเท่านั้นที่จะเชื่อเรื่องโกหกเช่นนี้
ถ้าจะบอกว่าอู๋เทียนโย่วต้องการขอโทษเขาอย่างจริงใจ หยางเฉินไม่มีทางเชื่อเลย
“ได้สิ บอกเวลากับสถานที่ผมมา ผมจะไปให้ตรงเวลา”
หยางเฉินรับปาก
ประการแรกคือเพื่อเซี่ยเหอ ประการที่สองคืออยากจะดูว่า อู๋เทียนโย่วจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่
เมื่อเห็นหยางเฉินตอบตกลง เซี่ยเหอก็ดีใจและรีบพูดว่า “คืนนี้หนึ่งทุ่ม ที่ร้านอาหารแซ่เฉิน โอเคไหม?”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะไปรับคุณ”
หยางเฉินพูดจบก็วางสาย
จากนั้นหยางเฉินก็โทรหาลั่วปิง “ละครออนไลน์เรื่อง “เทพสงครามผู้ชนะ” ตอนนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“เทพสงครามผู้ชนะ” เป็นละครออนไลน์ที่เซี่ยเหอรับบทเป็นนางรอง
ในตอนเช้าลั่วปิงมองออกว่าหยางเฉินค่อนข้างสนใจละครเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงทำการบ้านมาดี
เขารีบบอกว่า “ละครเรื่องนี้ได้ถ่ายทำไปสองเดือนแล้ว แต่เนื่องจากซิงเฉินมีเดียได้ถ่ายละครฟอร์มใหญ่เรื่องอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นละครออนไลน์เรื่องนี้แม้จะถ่ายทำไปแล้วสองเดือน แต่ความจริงแล้วมันยังไม่ได้ถ่ายไปมากเท่าไหร่”
“ละครเรื่องนี้โด่งดังมาจากการที่ภาพของนางรองถูกเปิดเผยออกไป ซิงเฉินมีเดียจึงได้เตรียมเร่งถ่ายทำให้เร็วขึ้น”
“หากท่านประธานสนใจ ผมสามารถแจ้งให้ทางซิงเฉินมีเดียเร่งถ่ายทำให้เร็วมากขึ้นอีก”
หยางเฉินครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะบอกว่า “นั่นก็หมายความว่า ถ้าหากเปลี่ยนนักแสดงหลักชั่วคราว มันจะไม่มีผลกระทบต่อละครเรื่องนี้มากเท่าไหร่ใช่ไหม?”
ลั่วปิงกล่าวว่า “ขอเพียงไม่เปลี่ยนตัวเซี่ยเหอซึ่งเป็นนางรอง ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“ดี ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่หยางเฉินได้รู้ในสิ่งที่เขาอยากรู้ เขาก็วางสายลง
ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป ลั่วปิงมีสีหน้าสับสน “ท่านประธานไม่ชอบนักแสดงหลักของละครเรื่องนี้เหรอครับ?”
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อเช้าหยางเฉินเพิ่งบอกให้เขาลดค่าตัวของพระเอกอู๋เทียนโย่วลงครึ่งหนึ่ง แล้วเพิ่มค่าตัวให้นางรองเซี่ยเหออีกเท่าตัว
ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ “ท่านประธานไม่พอใจอู๋เทียนโย่วมาก! หรือท่านประธานกำลังบอกผมเป็นนัยว่าให้เปลี่ยนตัวอู๋เทียนโย่ว?”
เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วปิงก็โทรหาผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบของซิงเฉินมีเดียทันที “เตรียมเปลี่ยนตัวอู๋เทียนโย่วได้ตลอดเวลา!”
นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมลั่วปิงถึงได้รับความสำคัญจากหยางเฉินอย่างเต็มที่
หยางเฉินพูดเพียงประโยคเดียว เขาก็สามารถคาดเดาเจตนาได้ ดังนั้นทุกครั้งที่หยางเฉินมอบหมายงานให้ เขาจะทำสำเร็จในทันที
แต่หยางเฉินกลับไม่รู้ว่า คำพูดของตัวเองเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้ลั่วปิงทำอะไรลับหลังมากมายขนาดนี้
หลังเลิกงาน หยางเฉินยังอยู่ในห้องทำงานอีกครึ่งชั่วโมง ก่อนจะขับรถไปที่โรงแรมหมี่ฟาง
“หยางเฉิน ขอโทษด้วยจริงๆ ต้องรบกวนคุณอีกแล้ว”
พอเซี่ยเหอเห็นหยางเฉินก็รู้สึกผิด
หากเธอไม่ต้องรีบกำจัดการรบกวนของอู๋เทียนโย่วเธอจะไม่ขอความช่วยเหลือจากหยางเฉินเด็ดขาด
หยางเฉินส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ผมได้ยินมาว่าละครออนไลน์ที่คุณถ่ายโด่งดังขึ้นมาได้เพราะคุณ”
“ได้ข่าวว่าคุณยังได้รับการยกย่องจากสื่อต่างประเทศว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในสหัสวรรษ?”
เซี่ยเหอรู้สึกเขินอาย หน้าแดงและพูดกดเสียงต่ำ “ก็แค่ชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้นเอง ไม่ได้เกินจริงขนาดนั้นหรอก ที่ละครเรื่องนี้ดังขึ้นมาก็เพราะบทละครดี”
หยางเฉินยิ้มๆ “การถ่อมตัวเกินไปก็เป็นการอวดดีอย่างหนึ่ง จะว่าไปแล้วคุณงามความดีของคุณในละครเรื่อง ผมคิดว่าต่อให้อู๋เทียนโย่วจะมีเส้นสายดีขนาดไหน ทางบริษัทก็ไม่มีทางแช่แข็งคุณหรอก”
“อีกอย่าง ซิงเฉินมีเดียจะผลักดันคุณอย่างมากในอนาคต บางทีละครเรื่องหน้าคุณอาจจะได้เป็นนางเอกก็ได้”
เซี่ยเหอถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นดาราใหญ่ ฉันเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อทำมาหากินเท่านั้น”
“แต่ตอนนี้มันได้สร้างผลกระทบอย่างมากสำหรับฉัน จะออกไปไหนก็ต้องสวมผ้าปิดปาก กลัวว่าจะมีผู้คนมาห้อมล้อม
นี่เป็นสิ่งที่น่าสังเวชที่สุดสำหรับดารา โดยเฉพาะดาราที่ได้รับความนิยมสูง ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย
“ถ้าไม่ชอบก็เลิกทำสิ”
หยางเฉินสตาร์ทรถ ขับรถไปคุยไป “หลังจากที่คุณถ่ายเรื่องนี้จบ คุณก็น่าจะสะสมเงินได้ก้อนหนึ่ง คุณสามารถลองเปิดบริษัทของตัวเองได้”
“แบบนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของคุณแล้ว”
สิ่งที่หยางเฉินไม่ได้พูดก็คือ เขาจะช่วยเซี่ยเหอด้วย
ด้วยฐานะปัจจุบันของเขา ไม่ว่าเซี่ยเหอจะเปิดบริษัทอะไร แม้ว่าจะเป็นโครงการเล็กๆ ก็รับประกันได้ว่าเซี่ยเหอจะไม่ขาดทุนแน่นอน
เซี่ยเหอนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แม้ว่าเธอจะใสซื่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอโง่
ถ้าเธอเปิดบริษัทของตัวเอง หยางเฉินต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เธอรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้หยางเฉินมากโขแล้ว จะไม่ยอมรบกวนหยางเฉินอีก
แต่หยางเฉินก็รู้สึกว่าตัวเขาติดหนี้เซี่ยเหอ ในตอนนั้นเซี่ยเหอยอมเสียสละความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อปกป้องเสี้ยวเสี้ยว บุญคุณครั้งนั้นหยางเฉินจะจำใส่ใจไว้ไม่มีวันลืม
ส่วนหยางเฉินเองก็ได้มอบเงินทุนช่วยเหลือแม่ของเซี่ยเหอโดยไม่ออกนาม แล้วยังให้อ้ายหลินมาช่วยผ่าตัดให้เธอ แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายดายแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินก็เอารถจอดลงที่ประตูร้านอาหารแซ่เฉิน
นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาที่นี่อีกแล้ว ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่มาที่นี่จะเกิดเรื่องตลอด
เซี่ยเหอเดินนำทาง ทั้งสองมาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูอย่างรวดเร็ว
“เซี่ยเหอ คุณมาแล้วเหรอ!”
ทันทีที่ทั้งสองมาถึงห้องส่วนตัว ก็เห็นภายในห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยผู้คน
เซี่ยเหอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองหยางเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ
อู๋เทียนโย่วบอกว่าต้องการเชิญหยางเฉินมากินข้าว แล้วยังจะขอโทษอีก แต่นึกไม่ถึงว่า เขาจะชวนคนอื่นมาด้วย
เซี่ยเหอรู้ว่าทุกคนที่นี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอู๋เทียนโย่ว
“เซี่ยเหอ ทำไมพวกคุณถึงพาคนนอกมาที่งานเลี้ยงทีมงานละครของเราล่ะ?”
ในเวลานี้ หญิงสาวที่แต่งตัวดีคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นั่นน่ะสิ พวกเราไม่ได้พาคนอื่นมาด้วย ก็บอกแล้วว่าเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ สำหรับทีมงานละคร”
หญิงสาวอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“เซี่ยเหอ ตอนนี้คุณชักจะดังใหญ่แล้ว! เลยต้องจ้างบอดี้การ์ดงั้นเหรอ? พี่น่ากับพี่เทียนโย่วยังไม่เห็นมีบอดี้การ์ดเลย”
หญิงสาวที่แต่งตัวดีคนแรกพูดยั่วเย้า
สักครู่คนอื่นๆ ในห้องก็พากันหัวเราะเซี่ยเหอ ในคำพูดเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
ส่วนอู๋เทียนโย่วก็นั่งอยู่บนที่นั่งหลักตลอด ไม่พูดไม่จา แค่มองด้วยสายตาเยาะเย้ย
“เขาไม่ใช่บอดี้การ์ด แต่เป็นแฟนของฉัน”
เซี่ยเหอมองไปยังอู๋เทียนโย่วด้วยความโมโหและถามทันทีว่า “อู๋เทียนโย่วไหนคุณบอกว่าจะเชิญแฟนของฉันมากินข้าวและถือโอกาสขอโทษเขาด้วยไง?”
“ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นงานเลี้ยงของทีมงานละครล่ะ?”