The king of War - บทที่ 804 ถูกใส่ร้ายป้ายสี
“แต่ผู้ชายที่ถูกหลิ่วเหมยจับแขนไว้ทำไมดูมีคุณธรรม ไม่เหมือนขโมยเลย!”
“ใครจะรู้ล่ะ? ไม่มีใครเขียนคำว่าโจรไว้บนหน้าตัวเองหรอก”
“ดูท่าทางเราจะมีอคติกับหลิ่วเหมยมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีคุณธรรม ฉันจะเปลี่ยนจากแอนตี้มาเป็นแฟนคลับ”
“ฉันก็เปลี่ยนจากแอนตี้มาเป็นแฟนคลับเหมือนกัน”
…
เพียงชั่วครู่ คนเหล่านั้นที่เพิ่งบอกว่าจะขับไล่หลิ่วเหมยออกจากกองละคร ในเวลานี้ได้พากันยืนอยู่ข้าหลิ่วเหมย
เมื่อได้เห็นภาพนี้ หลิ่วเหมยก็สีมีหน้าภาคภูมิใจ พูดเบาๆ ว่า “หยางเฉิน คุณเห็นแล้วหรือยัง? ตอนนี้ทุกคนคิดว่าฉันเป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรม”
“ขโมยอย่างคุณต่างหากที่ถึงคราวซวยแล้ว”
“คุณว่า ถ้าคุณถูกตำรวจจับตัวไป ฉันแอบดำเนินการอย่างลับๆ เพื่อเปิดเผยความจริงที่ว่าคุณเป็นแฟนของเซี่ยเหอ”
“พอถึงตอนนั้น เรื่องนี้น่าจะถูกค้นหาอย่างมากมายจริงไหม? หัวข้อฉันคิดเอาไว้แล้ว ให้เรียกว่า: สุดช็อก! นางรองที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ แฟนของเธอดันเป็นขโมย!”
พอเห็นสีหน้าพึงพอใจของหลิ่วเหมย หยางเฉินก็ไม่ได้โกรธอะไรแต่กลับหัวเราะ “ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะรอหัวข้อค้นหายอดนิยมนะ”
“คุณจะถูกค้นหาในอันดับต้นๆ แต่คุณจะมองไม่เห็น เพราะคุณกำลังจะถูกจับไปแล้ว ขโมยไวน์ชั้นดีราคาหนึ่งล้าน ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณติดคุกไปหลายปีแล้วจริงไหม?”
หลิ่วเหมยกระซิบบอก
หยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการเปลี่ยนตัวพระเอกอย่างอู๋เทียนโย่วเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็แค่ลดค่าตัวนิดหน่อย เขาคิดไว้แบบนี้
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างหลิ่วเหมยดุร้ายมาก เธอไม่เพียงต้องการส่งเขาไปติดคุกเท่านั้น แต่ยังต้องการทำลายชื่อเสียงของเซี่ยเหอด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็อย่าโทษตัวเองว่าไม่เกรงใจเลย
“หลิ่วเหมย ผมรักคุณ! คุณคือเทพธิดาของผม!”
“หลิ่วเหมย ขอโทษนะ! เมื่อก่อนพวกเราโทษคุณด้วยความเข้าใจผิด ต่อไปคุณคือไอดอลของฉัน”
“เทพธิดาแห่งความยุติธรรม พวกเรารักคุณ!”
…
ในเวลานี้ ทั่วโรงพยาบาลได้เต็มไปด้วยเสียงสรรเสริญเยินยอหลิ่วเหมย หลิ่วเหมยยิ้มร่าราวกับดอกไม้
คิดไม่ถึงว่า จะได้พบกับหยางเฉินที่โรงพยาบาล แถมยังสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองได้อีกด้วย
เธอเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ติดอันดับการค้นหาอันดับต้นๆ ความคิดเห็นที่ด่าเธอเหล่านั้นจะถูกแฟนคลับด่ากลับไป
ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังโด่งดังขึ้นมาอย่างเต็มที่จากเรื่องนี้ด้วย
หากแนวโน้มต่างๆ เป็นไปเช่นนี้ เกรงว่าความนิยมในตัวเธอจะแซงหน้าเซี่ยเหอไปแล้ว
ในขณะที่หลิ่วเหมยกำลังมีความสุข ชายในเครื่องแบบหลายคนก็เดินเข้ามา
“ใครเป็นคนแจ้งความ?”
ชายผู้นำเอ่ยปากถาม
“คุณตำรวจ ฉันเป็นคนแจ้งเอง ฉันจับหัวขโมยได้คนหนึ่ง พวกคุณรีบพาตัวเขาไป”
หลิ่วเหมยรีบพูดขึ้นมา
“คุณหยาง!”
ชายผู้นำเมื่อเห็นหยางเฉิน ก็มีสีหน้าตกใจ
หยางเฉินคิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นกงเจิ้งที่จัดการดูแลสถานที่ก่อสร้างของโครงการในเมืองจิ่วโจว
“สวัสดีครับ หัวหน้ากง!”
หยางเฉินยิ้มอย่างขมขื่น
พอเห็นหยางเฉินกับกงเจิ้งรู้จักกัน หลิ่วเหมยก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“คุณหยาง เกิดอะไรขึ้นครับ?” กงเจิ้ง ถาม
“คุณตำรวจ เจ้าหมอนี่คือหัวขโมย เมื่อคืนวานมามั่วกินข้าวกับพวกเรา ตอนกลับไปยังแอบขโมยไวน์ชั้นดีมูลค่านับล้านไปด้วย”
หลิ่วเหมยรีบเอ่ยขึ้น
กงเจิ้งขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่า หยางเฉินเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ชายเศรษฐีมีฐานะนับแสนล้าน จะขโมยไวน์ที่มีมูลค่าล้านเดียว?
มันจะเป็นได้อย่างไร?
“คุณผู้หญิงครับ คุณแจ้งความเท็จมันผิดกฎหมาย!” กงเจิ้งกล่าวอย่างเป็นทางการ
“คุณตำรวจคะ ฉันไม่ได้แจ้งความเท็จ ฉันพูดความจริงทุกอย่าง! เพื่อนๆ ของฉันเหล่านี้เป็นพยานให้ฉันได้”
หลิ่วเหมยรีบชี้ไปที่นักแสดงคนอื่นๆ และรีบบอกว่า “พวกคุณรีบบอกคุณตำรวจคนนี้ไปว่า เมื่อคืนวานหยางเฉินขโมยไวน์ชั้นดีมูลค่านับล้านไปหรือเปล่า?”
“ใช่ๆๆๆ เมื่อคืนวานพวกเรารับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารแซ่เฉิน เป็นพยานให้ได้”
“ตอนที่หยางเฉินออกไป ได้ถือโอกาสเอาไวน์ชั้นดีมูลค่านับล้านไปด้วยในนามของพี่เทียนโย่ว”
“คุณตำรวจคะ หยางเฉินเป็นหัวขโมย พวกคุณรีบจับเขาไปสอบสวน ต้องสอบอะไรบ้างแหละ”
กลุ่มนักแสดงในทีมงานละครหลายคน ต่างพากันเอ่ยปากคุย
ตอนนี้หลิ่วเหมยเป็นคนดังที่อยู่ข้างกายอู๋เทียนโย่วพวกเขาไม่กล้าล่วงเกินต่อกัน
หลิ่วเหมยเงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่รายล้อมอยู่ แล้วกล่าวว่า “ฉันขอแนะนำให้ทุกคนรีบตรวจดูกระเป๋าของตัวเอง อย่าทำอะไรหายล่ะ”
“วิธีการของหัวขโมยเหนือชั้นมาก ตอนนี้ฉันจับเขาไว้แล้ว เขาหนีไปไหนไม่พ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วเหมย แทบทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างตรวจดูสิ่งของในกระเป๋าด้วยสัญชาตญาณ
หยางเฉินมองอย่างเย็นชา และไม่ได้อธิบายอะไร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งเขาอธิบายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพาลโกรธแค้นมากขึ้น
กงเจิ้งขมวดคิ้วแน่นทันที เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหยางเฉินจะขโมยไวน์ชั้นดีมูลค่านับล้าน
เขาเป็นคนที่รู้ละเอียดมาก หยางเฉินเป็นประธานของกิจการมูลค่าหลายแสนล้าน จะไปขโมยไวน์ชั้นดีที่มีมูลค่าล้านกว่าทำไม?
ทหารที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ก่อสร้างของเมืองจิ่วโจวมันแปลกมาก
ส่วนเรื่องที่พวกเขาบอกว่าในมือถือของนักข่าวได้ถ่ายติดความลับ มันเป็นคำพูดที่ไม่มีมูลความจริง
สถานที่ก่อสร้างทรุดโทรมแห่งหนึ่ง จะมีความลับอะไร?
ดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าเหตุผลที่คนเหล่านั้นไปที่สถานที่ก่อสร้างเมืองจิ่วโจว ก็เพราะหยางเฉินเรียกมา
คนที่มีพลังมากมายขนาดนี้ จะเป็นหัวขโมยไปได้ยังไง?
“คุณผู้หญิงท่านนี้ จะพูดอะไรต้องมีหลักฐาน หากคุณไม่มีหลักฐาน เราคงจะจับคนตามใจชอบไม่ได้”
กงเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา
ให้เขาจับตัวหยางเฉินไป นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากใส่เครื่องแบบนี้อีกแล้วถึงจะทำ
ตอนแรกที่กงเจิ้งมาถึงก็เรียกคุณหยาง หลิ่วเหมยรู้ว่าพวกเขารู้จักกัน ในเวลานี้เมื่อได้ยินกงเจิ้งพูดแบบนี้ เธอก็รู้แล้วว่า กงเจิ้งไม่ต้องการจับตัวหยางเฉินไป
“คุณตำรวจคะ เมื่อกี้คุณเรียกว่าคุณหยาง พวกคุณรู้จักกันใช่ไหม?”
หลิ่วเหมยยิ้มเยาะ เพื่อนในทีมละครของเราสามารถพิสูจน์ได้ หยางเฉินได้ขโมยเหล้าชั้นดีมูลค่านับล้านไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างพี่เทียนโย่ว
หรือว่านี่จะไม่ใช่หลักฐาน?
“แสดงหลักฐานชัดเจนคุณก็ไม่เอา ต้องการให้ฉันแสดงหลักฐานอะไรอย่างอื่นอีกเหรอ ทำให้ฉันลำบากไปอีก?”
“คุณตำรวจคะ คุณคงไม่ได้จะช่วยให้หยางเฉินพ้นความผิดเพียงเพราะคุณรู้จักเขาหรอกนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วเหมย ผู้คนที่รอบๆ ต่างฮือฮาขึ้นมา แล้วยังตะโกนอีกว่า “จับเขา! จับเขา!”
เพียงพริบตาเดียว ทั่วทั้งโรงพยาบาลก็มีเสียงตะโกนให้จับเขา
สีหน้าของกงเจิ้งมืดมนจนถึงขีดสุด เขาไม่ใช่ไม่จับหยางเฉินเพียงเพราะรู้จักกับเขา
ตามกฎแล้ว หลิ่วเหมยต้องมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหยางเฉินขโมยเหล้าชั้นดีมูลค่านับล้านไป เขาถึงจะจับกุม
แต่จังหวะการเคลื่อนไหวของหลิ่วเหมยทำให้ผู้คนรู้สึกโกรธ
ในเวลาเดียวกัน ก็มีชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยวีไอพี
“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง
ทันทีที่เขาพูดจบก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง เขาหน้าถอดสีทันที “ครับคุณหยาง!”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าตอนนี้หยางเฉินพบกับปัญหาแล้ว เขารีบวิ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลย
“คุณหยาง เกิดอะไรขึ้นครับ?”
เขาเบียดเข้าไปในฝูงชนแล้วถามขึ้น