The king of War - บทที่ 806 เส้นทางในวงการบันเทิงของหลิ่วเหมยจบสิ้นลง
“พาเธอไป!”
กงเจิ้งโบกมือสั่งการ ชายสองคนรีบเข้ามาพาตัวหลิ่วเหมยออกไป
ในเวลานี้สมาชิกคนอื่นๆ ของกองละครต่างมองตาค้าง
ตอนแรกยังคิดว่า วันนี้หลิ่วเหมยจะสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองได้ คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังทำให้ภาพลักษณ์แย่ลงไปอีก
“จบสิ้นแล้ว! เส้นทางในวงการบันเทิงของหลิ่วเหมย จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์”
หลายคนในกองละครต่างพากันถอนหายใจ
“ตอนนี้เกรงว่าจะมีเพียงพี่เทียนโย่วเท่านั้นที่สามารถช่วยหลิ่วเหมยได้” สมาชิกคนหนึ่งของกองละครกล่าวขึ้น
หยางเฉินมองไปยังหลายคนอย่างหยอกเย้า “พวกคุณคิดจะใส่ร้ายผมด้วยเหรอ?”
“เปล่า! เปล่านะ! พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้น!”
หลายคนรีบร้อนออกไป
“คุณหยาง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องเมื่อคืนก่อนจะนำพาปัญหามากมายมาให้คุณแบบนี้”
เฉินอิงเหากล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
หยางเฉินส่ายหน้าเบาๆ “พาผมไปเยี่ยมพ่อของคุณหน่อย”
เฉินเห้าผู้เป็นพ่อของเฉินอิงเหา ก่อนหน้านี้ได้ถูกลอบสังหารและได้รับการช่วยเหลือหลายชั่วโมงกว่าจะช่วยเอาไว้ได้
“คุณหยาง คุณมาได้ยังไง?”
ทันทีที่หยางเฉินก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วยของเฉินเห้า เฉินเห้าก็ประหลาดใจมาก พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง
“รีบนั่งลง!”
หยางเฉินก้าวไปข้างหน้าและกดหยางเฉินลงกับเตียงอย่างรีบร้อน
“คุณได้รับบาดเจ็บ เพราะผมดึงให้คุณเข้ามาเดือดร้อนด้วย ผมมาเยี่ยมคุณมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
หยางเฉินกล่าว
เฉินอิงเหารินน้ำให้หยางเฉินแก้วหนึ่งและพูดว่า “พ่อ พ่อไม่รู้อะไร ที่พ่อสลบไปหลายวัน คุณหยางมาเยี่ยมทุกวันเลยนะ”
ได้ยินดังนั้นสายตาของเฉินเห้าก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ในสายตาของเขา หยางเฉินเป็นบุคคลใหญ่โต หากไม่เห็นแก่หน้าเฉินซิงไห่พ่อของเขา จะให้โอกาสตระกูลเฉินได้มาที่เมืองเยี่ยนตูได้อย่างไร?
และบุคคลใหญ่โตเช่นนี้ มาเยี่ยมเขาทุกวันด้วยตัวเอง
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณหยาง ผมไม่เป็นอะไรแล้ว หมอบอกว่า อีก 10-15 วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
เฉินเห้าพูดอย่างตื่นเต้น
หยางเฉินพยักหน้า “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
หลังจากอยู่ในห้องผู้ป่วยของเฉินเห้าครู่ใหญ่ หยางเฉินก็กลับ แล้วเลยไปเยี่ยมหวงเทียนเชิง อวี๋เหวินเกาหยาง กวนเสว่ซง รวมถึงหานเยี่ยนด้วย
ผู้นำของตระกูลเศรษฐีที่คบหากับหยางเฉิน ล้วนเดือดร้อนไปกับหยางเฉินด้วย ต่างถูกลอบสังหาร
แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกันกับหยางเฉินแล้ว ก็ควรคิดได้ว่าหากตระกูลของตัวเองต้องการก้าวสูงขึ้นก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย
อีกด้านหนึ่ง ในห้องผู้ป่วยของอู๋เทียนโย่ว
สมาชิกของกองละครล้วนอยู่ที่นี่ อู๋เทียนโย่วได้รู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว ในเวลานี้สีหน้าของเขาย่ำแย่จนถึงขีดสุด
“ไอ้เศษสวะ! เป็นพวกเศษสวะทั้งนั้น!”
อู๋เทียนโย่วพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ไม่รู้เหรอว่า ที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ? การก่อเรื่องในที่สาธารณะ ถ้าสำเร็จก็ดีไป แต่ถ้าล้มเหลวชื่อเสียงจะป่นปี้!”
“หลิ่วเหมยเธอใจร้อนอย่างสร้างภาพลักษณ์เทพธิดาแห่งความยุติธรรม บ้าไปแล้วเหรอ? เรื่องที่ไม่มีหลักฐานยังกล้าเอาไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้าต่อหน้าผู้คน?”
สมาชิกคนหนึ่งของกองละครรีบกล่าวขึ้น “พี่เทียนโย่ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตำหนิหลิ่วเหมย คุณรีบคิดหาวิธี ไม่อย่างนั้นหลิ่วเหมยจะต้องจบสิ้นแน่ๆ”
“วิธีแก้ปัญหา?”
อู๋เทียนโย่วยิ้มเยาะ “พวกคุณคิดว่าตอนนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ให้เธอได้อีกเหรอ?”
“ใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คน เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง แล้วยังถูกจับกุมต่อหน้าคนอื่น เรื่องแย่ๆ พวกนี้รวมกันแล้ว ต่อให้มีเทพมาจากไหน ก็ช่วยเธอไม่ไหวแล้ว”
อู๋เทียนโย่วกัดฟันกรอดพลางพูดว่า “คุณหาเหาใส่หัวชัดๆ!”
“ผมเคยบอกว่า ขอแค่พรุ่งนี้พวกเรานัดกันหยุดงานไม่ไปกองถ่าย ทางกองถ่ายก็จะต้องตามหาพวกเราแน่ อาจถึงขนาดว่ารับปากจะเพิ่มค่าตัวให้พวกเราด้วย”
“แต่เธอดึงดันจะออกหน้า รีบร้อนเปลี่ยนภาพจำที่ทุกคนมีต่อเธอ กลายเป็นว่าขโมยไก่ไม่ได้เสียข้าวสารอีกกำมือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋เทียนโย่วคนของกองละครต่างพากันเงียบ
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าสิ่งที่อู๋เทียนโย่วพูดนั้นถูกต้อง หลิ่วเหมยในตอนนี้ เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอได้จบสิ้นลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว และอาจถึงกับถูกปลดออกจากกองละครด้วย
เป็นไปตามคาด ทันทีที่อู๋เทียนโย่วพูดจบ เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง หลังจากฟังไปไม่กี่คำ หน้าก็ถอดสีทันที
“พี่เทียนโย่ว เกิดอะไรขึ้นคะ?”
หลังจากอู๋เทียนโย่ววางสายลง หลายคนก็รีบถามขึ้น
อู๋เทียนโย่วกล่าวว่า “หลิ่วเหมยถูกกองละครปลดออกแล้ว!”
แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาได้ว่าหลิ่วเหมยอาจจะถูกกองละครปลดออก แต่ตอนที่ได้ทราบข่าวก็ยังรู้สึกยากที่จะยอมรับ
“พี่เทียนโย่ว หลิ่วเหมยเป็นนางเอกของเรา เธอจะถูกปลดออกได้ยังไง?”
“ใช่แล้ว ถ้าไม่มีหลิ่วเหมย แล้วละครของพวกเราจะทำยังไง?”
“ละครออนไลน์ที่พวกเราถ่ายทำอยู่คงไม่ถูกระงับใช่ไหม?”
หลายคนรู้สึกประหลาดใจมาก แต่รู้สึกเป็นห่วงว่าละครออนไลน์เรื่องนี้จะได้รับผลกระทบจากหลิ่วเหมยมากกว่า
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะได้เจอละครออนไลน์ที่เป็นกระแสยอดนิยมแบบนี้ ล้วนต้องการอาศัยละครเรื่องนี้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
หากละครเรื่องนี้ถูกแบนตั้งแต่แรกๆ พวกเขาก็ต้องเป็นนักแสดงปลายแถวต่อไป
มีเพียงนักแสดงประกอบอย่างพวกเขาที่ทำงานในโรงถ่ายเหิงเตี้ยนมานานหลายปี แต่ไม่มีวี่แววว่าจะก้าวหน้าในอาชีพ เพิ่งรู้ว่ากว่าดาราคนหนึ่งจะโด่งดังนั้นยากลำบากแค่ไหน
อู๋เทียนโย่วส่ายหน้า “ละครออนไลน์ไม่ได้หยุดถ่ายทำ และละครของพวกเราจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ตรงกันข้ามกลับทำให้ดังระเบิดเพราะเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป”
“กองละครตัดสินใจปลดหลิ่วเหมยในทันทีนับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถกำจัดผลกระทบเชิงลบที่หลิ่วเหมยนำมาให้ทีมงานละคร”
“แต่เมื่อหลิ่วเหมยถูกปลดออก และเสียงเชียร์ให้เซี่ยเหอมารับบทนางเอกในอินเทอร์เน็ตนั้นรุนแรงมาก ผมกลัวว่าทางกองละครจะให้เซี่ยเหอมารับบทนางเอกแทน”
ต้องยอมรับว่าอู๋เทียนโย่วนั้นฉลาดหลักแหลม หลิ่วเหมยเพิ่งเกิดเรื่อง เขาก็คาดเดาความเป็นไปได้มากมายได้ทันที
ส่วนคนอื่นๆ ก็นิ่งเงียบไม่พูดจา ใบหน้ามีความกังวลปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานตอนที่อยู่ในร้านอาหารแซ่เฉิน เซี่ยเหอได้พูดเอาไว้ว่า พวกเขาต้องสวดอธิษฐานให้ดีๆ ให้เซี่ยเหออย่าโด่งดังขึ้นมา
ตอนนี้ดูเหมือนว่า เซี่ยเหอมีแนวโน้มที่จะมารับบทนางเอก ด้วยหน้าตาและทักษะทางการแสดงของเธอ เกรงว่าหลังจากถ่ายเรื่องนี้จบแล้ว ก็จะดังเป็นพลุแตก
“พี่เทียนโย่ว จะปล่อยให้เซี่ยเหอมาเล่นบทนางเอกไม่ได้นะ!”
นักแสดงชายที่ชื่อเผิงฮุย กล่าวขึ้นในทันใด
“ใช่ จะปล่อยให้เซี่ยเหอกลายเป็นนางเอกไม่ได้ พวกเราเคยล่วงเกินเธอ ถ้าเธอเกิดโด่งดังขึ้นมา ต้องไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่”
คนอื่นๆ ต่างพากันพูดถึง ไม่มีใครที่ยอมให้เซี่ยเหอได้เป็นนางเอก
“พี่เทียนโย่ว ไม่งั้นคุณลองไปหาพี่สาวลูกพี่ลูกน้องดูสิ! ตอนนี้มีเพียงเธอออกหน้า ถึงจะสามารถขัดขวางไม่ได้ให้เซี่ยเหอรับบทนางเอกได้”
“ใช่แล้ว ถ้าเซี่ยเหอได้เป็นนางเอก วันดีๆ ของพวกเราก็ถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว”
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไอ้หน้าขาวหยางเฉินก็จะหยิ่งผยองมากขึ้น”
หลายคนพากันเอ่ยปาก
อู๋เทียนโย่วยังคงนิ่งเงียบ ครู่ต่อมาจึงพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ต่อให้ไม่มีหลิ่วเหมย เซี่ยเหอก็ไม่มีวันได้เป็นนางเอก”
“พวกเราทำตามที่นัดกันไว้ต่อไป พรุ่งนี้ไม่ไปกองถ่าย ผมอยากจะลองดูซิว่า กองถ่ายจะทำอะไรเราได้?”
“พอกองถ่ายมาตามหาพวกเรา พวกเราก็ฉวยโอกาสเสนอ ไม่ให้เซี่ยเหอเป็นนางเอก ไม่งั้นพวกเราจะหยุดงานตลอดไป”
ได้ยินดังนั้นหลายคนก็รีบพูดขึ้น “ดี พวกเราเชื่อพี่เทียนโย่ว”
วันถัดมา หยางเฉินยังคงมาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปตรงเวลาเช่นเคย