The king of War - บทที่ 821 นักฆ่าหงเฉิน
คุณอาหลีเป็นผู้อาวุโสสูงที่สุดในสายของเย่ชัง ศักดิ์ศรีในตระกูลเย่ก็ใหญ่อยู่ พูดได้ว่ามีคุณอาหลีสนับสนุน เพิ่มความมั่นใจให้เย่ชังได้ไม่น้อย
นัยน์ตาที่ดูฝ้ามัวของคุณอาหลี จู่ ๆ ฉายแววการฆ่าออกมา หยีตาแล้วพูดว่า “เมื่อทันทีที่เราลงมือ ก็คือเดินเข้าไปสู่ทางสิ้นสุด ถึงแม้เย่ม่านจะเปิดทางออกให้ แต่สายตระกูลของพวกเรานี้ คงต้องดับสูญสลายหมด”
“และแก เย่ชัง เย่ม่านจะไม่มีทางเปิดทางรอดใด ๆ ให้แกทั้งสิ้น พูดถึงแกเป็นเฉพาะ ต้องชนะสถานเดียวแพ้ไม่ได้!”
“แกเป็นสายเดียวกันกับพวกเรา ห่างกับตำแหน่งผู้นำตระกูลใกล้มากที่สุด จึงเป็นที่คาดหวังของพวกเราทุกคน”
ได้ยินที่คุณอาหลีพูด เย่ชังสีหน้าเข้มหนักขึ้นเป็นอย่างมาก ผงกหัว “ครับคุณอาหลี ผมเข้าใจครับ!”
คุณอาหลีผงกหัว “สำหรับพวกเรานี่ ตอนนี้ที่คิดกันยากที่สุดคือสภาพที่แท้จริงของเย่ม่าน ในเมื่อไม่สามารถมั่นใจได้ เราก็ต้องตั้งสมมติฐานที่อาการเย่ม่านไม่ได้หนัก”
“เป็นการหมายถึงว่า เย่ม่านแกล้งปล่อยข่าวว่าอาการสาหัสออกมา ก็เพื่ออาศัยช่วงเวลานี้ ส่องดูว่าใครกำลังจ้องจะชิงเอาตำแหน่งผู้นำตระกูล”
“ฉะนั้นจึงจะบอกว่า พอเราก้าวออกมายืนแล้วเวลานี้ ก็จะต้องถูกเย่ม่านมองเป็นศัตรูคู่อริ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราทำไมไม่คิดกำจัดเย่ม่านทิ้งก่อนหละ?”
พอพูดคำพูดนี้ออกไป ทุกคนต่างหวาดผวากันสันหลังหนาว
เย่ชังก็ยังรู้สึกสะท้านสั่นไปทั้งตัว “คุณอาหลี ถ้าพวกเรามุ่งหวังเพียงชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล นั้นยังคงมีทางเหลือชีวิตรอด แต่ถ้าถึงคิดลงมือกับเย่ม่าน นั่นโทษจะต้องถึงตายสถานเดียว!”
คุณอาหลีหัวเราะเสียงเยือก “ใครบอกแกว่าพวกเราจะลงมือกับเย่ม่าน?”
“อื๋อ?”
เย่ชังสะอึก “คุณอาหลีหมายถึง?”
“มือ ฆ่า !”
คุณอาหลีพูดชัดทีละตัว
“ป้าบ!”
เย่ชางตบโต๊ะพรวดลุกยืนขึ้นในฉับพลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ใช่เลย ทำไมข้าไม่คิดถึงเลยว่าน่าจะหามือฆ่า?”
“คุณอาหลี ยอดเยี่ยมเลยไม้นี้!”
“เย่ม่านเป็นหินก้อนใหญ่ขวางทางพวกเราอยู่ ถ้าหล่อนตายไปแล้ว ในตระกูลเย่จะมีใครชิงกับเราได้อีก?”
“มือฆ่าออกหน้า ถึงถ้าจะพลาด ก็สาวเรื่องมาไม่ถึงพวกเรา”
ทุกคนต่างเข้าใจกันแจ่มแจ้ง แต่ละคนแสดงออกถึงความตื่นเต้น
“เพียงแต่ว่า ในเมื่อจะจ้างมือฆ่า ก็ต้องหาให้ได้พวกในวงการ ให้ถ้าว่าปฏิบัติการผิดพลาด ก็ต้องสาวมาไม่ถึงพวกเรา”
เย่ชังก็ยังรู้สึกกังวล เกิดมือฆ่าที่หามาไม่มีจรรยาบรรณในอาชีพ
“พวกแกน่าจะเคยได้ยินชื่อหงเฉินนะ?”
คุณอาหลีพูดเสียงทุ้มลึก “ในวงการนักฆ่า หงเฉิน จัดว่ามีชื่อเสียงมาก นักฆ่าในทีมงานของเขา เป็นนักฆ่ามืออาชีพที่มีจรรยาบรรณมากที่สุด หากแม้นว่างานเกิดพลาดท่า นักฆ่าจะกัดถุงยาพิษที่อยู่ในปากปลิดชีวิตตัวเองทันที”
“แต่ว่า การจะให้คนของหงเฉินออกมาทำงานให้ ค่าตัวจะสูงมาก อย่างระดับผู้นำในแปดตระกูลเยี่ยนตู ก็ต้องมีหนึ่งหมื่นล้านเป็นอย่างน้อย!”
ทุกคนต่างทำหน้าตื่น ปฏิบัติการลอบฆ่าครั้งหนึ่ง ถึงขนาดตั้งหนึ่งหมื่นล้าน
แต่ว่าเมื่อคิดไปถึงฐานะของเย่ม่าน พวกเขาก็ต้องยอมเข้าใจ
คนระดับนี้ ทั้งเยี่ยนตู ก็มีแค่แปดคนเท่านั้น และจะมีนักฆ่าสักกี่คนที่กล้าจะรับงานระดับนี้?
“เป็นที่วางใจได้ ผลงานภาระกิจที่หงเฉินรับไปนั้นร้อยทั้งร้อยต้องสำเร็จ ถ้ามือฆ่าคนแรกทำพลาด ก็จะมีมือฆ่าที่เก่งขึ้นไปอีกทำต่อ ๆ ไป ทำจนบรรลุภาระกิจ”
คุณอาหลี “ข้าจึงไม่เชื่อ ต่อให้เย่ม่านมีสามเศียรหกกร แล้วขนาดหงเฉิน จะทำอะไรหล่อนไม่ได้”
“คุณอาหลี ผมยินดีจ่ายหนึ่งหมื่นล้าน มาว่าจ้างนักฆ่าจากหงเฉิน”
เย่ชังพอได้ยินถึงผลงานเต็มร้อยทั้งร้อย รีบตัดสินใจไปในทันทีให้ว่าจ้างนักฆ่าจากหงเฉิน
ในขณะเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งเยี่ยนตู ในห้องผู้ป่วยเดี่ยวVIP ตามปกตินั้นเย่ม่านจะนอนอยู่ประจำ ตอนนี้กลับเดินไปยืนอยู่ริมช่องหน้าต่าง
สองตาของหล่อนมองทอดออกไปไกล ในทิศทางด้านบ้านตระกูลเย่
นอกจากบนใบหน้าจะดูซีดเซียวของคนป่วยให้เห็นอยู่ นอกนั้นก็เหมือนคนปกติทั่วไปไม่มีอะไรต่าง
ฟูว์…….
สายลมแผ่ว ๆ พัดมาในทันใดนั้น เงาร่างคนในชุดดำปรากฏขึ้นข้างหลังหล่อน
“ท่านผู้นำ!”
ร่างคนชุดดำค้อมหัวเล็กน้อย รอบตัวแผ่พลังอานุภาพที่แกร่งกล้า
วันนี้อากาศอึมครึมดูน่ากลัว ภายในห้องผู้ป่วยเหมือนถูกคลุมด้วยควันหมอก ร่างชุดดำที่ยืนอยู่ ดูเหมือนเป็นเงาดำ
“หลายวันนี้ เธอหมกอยู่ในห้องฉันนี่”
เย่ม่านไม่ได้หันหน้ากลับไป เพียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ครับ!”
คนชุดดำพูดจบ ถอยหลังกลับไป
พอเย่ม่านหันหน้าไป ไม่มีคนชุดดำให้เห็นแม้แต่เงา?
แต่เย่ม่านก็รู้ชัดเจน คนชุดดำนี้ซ่อนตัวอยู่ในห้อง แต่หล่อนไม่สามารถมองเห็นได้
“หวังว่า การมุ่งหวังในตำแหน่งเจ้าบ้านของพวกคุณ คงจะคำนึงถึงความสัมพันธ์ของสายเลือดกันอยู่บ้างนะ!”
เย่ม่านพูดพึมพำอยู่เบา ๆ ในตาฉายแววหนาวเยือกสองสายดูเห็นเป็นรูปร่าง
ทางอีกด้านหนึ่ง แมมบ้าแดงกรุ๊ป ในห้องทำงานผู้จัดการใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุด
ฉินซีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะกองเต็มไปด้วยเอกสาร หล่อนกำลังก้มหน้าอ่าน
พัก ๆ หล่อนก็จะมีการขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้คาอยู่นาน แล้วก็ปล่อยคลายออก
หยางเฉินก็นั่งอย่างสงบอยู่บนโซฟาข้าง ๆ ตาจ้องมองที่ผู้หญิงคนที่กำลังทำงาน แววตาเปี่ยมด้วยความรัก
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขามีสัญญาณเตือนข้อความเข้า พอเปิดดู ส่งมาจากเย่ม่าน
“หยางเฉิน ถ้าฉันเกิดเป็นอะไรไป เธอจะต้องดูแลเสี่ยวซีกับเสี้ยวเสี้ยวให้ดีนะ ให้ถือว่านี่เป็นคำกำชับจากแม่ยาย สั่งไว้กับลูกเขยนะ”
เพียงประโยคง่าย ๆ แต่ทำเอาหยางเฉินอดไม่ได้ต้องขมวดคิ้วย่น
เย่ม่านทำเหมือนกับเป็นการสั่งเสีย หรือจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น?
หยางเฉินจ้องฉินซีอยู่พักใหญ่ จึงตอบข้อความกลับไป เพียงสั้น ๆ ตัวเดียว “ครับ!”
ส่งข้อความตอบกลับเย่ม่านแล้ว เขาก็ส่งข้อความออกไปอีก “ช่วยดูแลปกป้องเย่ม่านด้วยตัวเองสักหลายวัน”
ตลอดเวลาทั้งช่วงเช้า หยางเฉินเป็นเพื่อนอยู่กับฉินซีที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป
ฉินซีก็ยุ่งเอามาก ๆ เลยจริง ๆ ก็ด้วยเป็นวันแรกที่เข้ามานั่งแทนเป็นผู้จัดการใหญ่แมมบ้าแดงกรุ๊ป ต้องทำความเข้าใจในเรื่องหลายเรื่อง
ได้เวลาของมื้อเที่ยง หยางเฉินอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากทักเตือน “ที่รัก ต้องไปกินมื้อเที่ยงกันได้แล้วนะ”
“อ้าว?ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วหรือนี่?”
ฉินซีเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน มองดูนาฬิกา จึงได้แน่ใจว่าต้องกินมื้อเที่ยงแล้ว
“เวลาผ่านไปดูเร็วเหลือเกิน ฉันรู้สึกยังไม่ได้เข้าใจเรื่องเกี่ยวแมมบ้าแดงกรุ๊ปสักเท่าไหร่เลย ปุ๊ปปั๊ปผ่านไปครึ่งวันแล้ว”
ใบหน้าฉินซีดูทุกข์ร้อนเต็มใบหน้า
หยางเฉินรินน้ำร้อนใส่ถ้วย ยกส่งไปให้ฉินซี หัวเราะแล้วพูดว่า “พูดให้ชัด ๆ ต้องว่า แค่เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น นอกนั้น เป็นการประชุมทั้งนั้น”
และถ้าไม่ใช่เย่ชังก่อกวน ก็คงไม่ได้เสียเวลาไปขนาดนี้
“หยางเฉินคะ หลังอาหารเที่ยง คุณไปยุ่งกับงานของคุณนะ มานั่งเฝ้าฉันตรงนี้ ก็ไม่ได้เรื่องอะไร เสียเวลาคุณเปล่า ๆ”
ฉินซีเก็บทำความเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานเสร็จ เดินเข้ามาหาหยางเฉิน
ในตอนเช้า ด้วยเหตุการณ์ของแมมบ้าแดงกรุ๊ป ฉินซีไม่มีปัญญาจัดการได้ หยางเฉินจึงได้เข้ามาช่วยอย่างทันการณ์
เขานั่งเฝ้าอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอะไรต้องช่วยอีกจริง ๆ ก็จึงผงกหัว “ตกลง กินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จ ผมก็จะไป เลิกงานค่อยแวะมารับ”
“ตกลงค่ะ”
ฉินซียิ้มอย่างมีความสุข
เพราะฉินซีต้องรีบกลับที่ทำงาน จึงนั่งกินกันในร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้ ๆ แมมบ้าแดงกรุ๊ป นั่งกินเป็นเพื่อนกับหยางเฉินเสร็จ ก็เตรียมเดินออกไป
เห็นฉินซีกำลังจะไป หยางเฉินก็พูดขึ้นมาในทันที “บ่ายนี้ ผมไปรับเสี้ยวเสี้ยว แล้วค่อยมารับคุณ แล้วพวกเราไปเยี่ยมเจ้าบ้านเย่ด้วยกันนะ!”
ฉินซีชะงักขาหยุดก้าว มองหน้าหยางเฉินพักหนึ่ง ผงกหัวพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันรอคุณที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป”
พูดจบ หันหลังเดินจากไป
มองส่งฉินซีเดินเข้าไปในแมมบ้าแดงกรุ๊ปแล้ว หยางเฉินก็หันเดินจากออกไป
ถึงยังไงก็ตาม เย่ม่านก็เป็นแม่บังเกิดเกล้าของฉินซี คราวนี้ที่เย่ม่านถูกลอบทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉินซีก็เครียดเอาแทบบ้า