The king of War - บทที่ 822 อู๋เทียนอิ้วทำเรื่องอีก
ที่เย่ม่านส่งข้อความมาให้เมื่อสักครู่นี้ เหมือนเป็นการสั่งเสีย ทำให้หยางเฉินมีความรู้สึกไม่สบายใจ
เขาจึงฉุกนึกขึ้นมา คิดว่าน่าจะพาเสี้ยวเสี้ยวไปเยี่ยมเย่ม่านด้วย
“หยางเฉิน!”
หยางเฉินเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นมา
เขาหันตัวกลับ ก็เห็นเด็กหนุ่มสวมหน้ากากปิดปากสีดำใส่หมวกแก๊ป จ้องหน้าเขาด้วยดวงตาแดงเดือด
ฟังจากเสียง หยางเฉินก็จำฝ่ายตรงข้ามได้ อู๋เทียนอิ้วในทีมงานเซี่ยเหอนั่นเอง
เพียงแต่ว่า อู๋เทียนอิ้วในตอนนี้ ได้ถูกบล็อกไปทั้งวงการ น่ากลัวชาตินี้คงไม่มีทางเป็นดาราได้อีกต่อไป
“มีเรื่องอะไร?”
หยางเฉินถามไปเสียงชาเย็น
อู๋เทียนอิ้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “โลกมันช่างกลมจริง คิดไม่ถึงจะมาพบแกได้ที่นี่ แกทำให้เส้นทางก้าวสู่ดาราของข้าพังทะลาย แล้วแกไม่คิดจะให้เหตุผลกับข้าเลยหรือ?”
“แกทำตัวของแกเอง หรือจะพูดอีกทีก็ว่าทำกรรมชั่วไว้ย่อมได้กรรมชั่วสนอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
หยางเฉินพูดเสียงหัวเราะ “แกคงจะไม่คิดหรอกนะ ว่าการที่แกต้องเป็นไปอย่างทุกวันนี้ เพราะข้าเป็นคนทำ?”
“แล้วไม่ใช่หรือไง?”
อู๋เทียนอิ้วพูดด้วยความโกรธ “หยางเฉิน แกไม่ต้องมาทำไขสือ ก็เพราะแกไปเปิดโปงคลิปและงานบันทึกเสียงของข้าในเน็ต ทำจนข้าพังไปหมด!”
หยางเฉินให้รู้สึกได้ว่า อู๋เทียนอิ้วในขณะนี้ โกรธมากไปถึงขนาดไหน
อู๋เทียนอิ้วที่เป็นไปในวันนี้ เพราะเขาเป็นคนทำจริง แต่เขาไม่จำเป็นจะต้องมีความรับผิดชอบในทางจิตสำนึกใด ๆ กับเศษเดนมนุษย์ประเภทนี้ อย่าว่าแต่แค่ปิดทางขึ้นไปสู่ดวงดาวของมันเลย ถึงปลิดชีวิตมันทิ้ง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเหตุ
หยางเฉินหัวเราะประชดใส่ “ไม่ผิด คลิปวิดีโอกับเสียงบันทึกล้วนใช่ข้านี่แหละเป็นคนเปิดโปง”
“ข้ายังจะบอกแกด้วย ยังมีพวกดาราขาใหญ่ที่สมัครเข้าสังกัดทีมงาน ก็ข้านี่แหละวางเกมไว้”
“ยังไม่ใช่แค่นั้นนะ แม้แต่ซิงเฉินมีเดีย ก็เป็นสินทรัพย์ของข้าเอง”
“ตลอดกระทั่งแนวโน้มกระแสวิพากษ์ ก็ข้านี่แหละชี้นำ จะเล่นกับข้า แกจะเทียบได้ไหม?”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด อู๋เทียนอิ้วถึงกับอึ้ง
พักใหญ่ อู๋เทียนอิ้วหัวเราะก๊ากออกมา
“หยางเฉิน ฝีมือคุยโม้ของแกนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ?”
อู๋เทียนอิ้วหัวเราะแล้วพูดต่อ “ข้าก็รู้อยู่ว่าการเปิดโปงคลิปวีดีโอกับเสียงบันทึกนั่น แกเป็นคนทำทั้งนั้น ยังมีเรื่องกระแสวิจารณ์ ก็แกที่เล่นงานข้าอยู่เบื้องหลัง ข้าเชื่อหมด”
“ทว่า แกอย่ามามองข้าเป็นไอ้โง่ แกมันตัวอะไร?สามารถเรียกดาราขาใหญ่ระดับหยวนหย่าฉีกับเห้าเฉินมาได้เชียวรึ?”
“แล้วยังโม้ให้ข้าฟังอีก ว่าซิงเฉินมีเดียเป็นของแก?ทำไมไม่พูดเลยว่า แกเพิ่งซื้อกิจการของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของซิงเฉินมีเดีย นั่นก็ได้เป็นสินทรัพย์ของแกแล้วด้วยเล่า?”
หยางเฉินแค่นหัวเราะไปอย่างเสียไม่ได้ “แกก็พูดถูกต้องจริง ๆ ด้วยนะ ข้านี่แหละประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปตัวจริง”
“เอาอีก!โม้ต่อได้อีก!”
อู๋เทียนอิ้วไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด “แกน่าจะบอกด้วยว่า แม้แต่ตระกูลซุนก็ทำอะไรแกไม่ได้เลย?”
หยางเฉินผงกหัว “ตระกูลซุนก็ทำอะไรข้าไม่ได้จริง ๆ นะ และถ้าให้ผู้นำตระกูลซุนเจ้าบ้านซุนซวี่มาเจอข้านะ ยังจะต้องคุกเข่าขอขมาจากข้าด้วย”
“หยางเฉิน แกหุบปากเลย!”
อู๋เทียนอิ้วให้รู้สึกฟังต่อไม่ได้แล้ว คำรามใส่ว่า “ข้าก็รู้อยู่ว่าแกมันไอ้คนจนกระจอก ต่อให้ไปรีดบังคับ แกก็คงหาเอาเงินออกมาไม่ได้เท่าไหร่แน่”
“แต่ไม่เป็นไร เซี่ยเหอที่เป็นผู้หญิงของแกกำลังจะดัง หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จ หล่อนคงได้เบียดก้าวขึ้นเป็นดาราดังระดับต้น ๆ ปี ๆ หนึ่งจะมีรายได้เป็นร้อยล้าน มันเป็นเรื่องแค่เล่น ๆ”
“แกไม่มีเงิน ก็ให้เซี่ยเหอจ่าย แต่วันนี้แกจะต้องจ่ายค่าชดใช้ให้ข้าห้าสิบล้าน ไม่งั้นข้าเอาพวกแกตาย”
เดิมทีหยางเฉินก็มีอารมณ์แค่เพียงจะหยอกอู๋เทียนอิ้วเล่น ๆ แต่พอได้ยินอู๋เทียนอิ้วข่มขู่มาแบบนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนขรึมลง
“แกข่มขู่ข้าหรือ?”
หยางเฉินหยีตาถาม
อู๋เทียนอิ้วแค่นเสียงฮึ พูดไปว่า “ก็จะข่มขู่แกแล้วจะมีอะไร?ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าถูกแกถล่มยับ จะให้แกชดใช้ห้าสิบล้าน แล้วทำไมจะไม่ได้?”
หยางเฉินส่ายหน้า “แกจะขอชดเชยพอได้ แต่ถ้าจะข่มขู่กันนั้นไม่ได้ สภาพตอนนี้ของแก ในสายตาข้านี่นะ หมาบ้าตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าแกรีบไสหัวออกไป ก็แล้วกันไป แต่ถ้ายังจะเที่ยวไล่กัดไม่เลือก ข้าจะทำให้แกเจ็บแสบหนักขึ้นไปอีก”
“หยางเฉิน แกชอบแกล้งมั่วจนหลงแล้วมั้ง?จะทำให้ข้ายิ่งเจ็บ ใช้อะไรมาว่านั่น?แค่พูดออกจากปากแกนี่อะนะ?”
อู๋เทียนอิ้วหัวเราะเย้ยต่อเนื่อง “ข้าจะบอกแกนะ ก่อนหน้านี้ข้ามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของข้า ฉะนั้นตอนที่โทรศัพท์ไปหาเขา เขาเลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
“แต่มาตอนนี้ พวกเราเข้าใจกันดีแล้ว หล่อนบอกข้าแล้ว หล่อนจะดูแลปกป้องข้าในเขตุพื้นที่เยี่ยนตูนี้ ใครกล้าทำข้า นั่นเท่ากับไปทำกับหล่อน วันนี้ถ้าแกไม่ชดใช้ให้ข้าห้าสิบล้าน แม้ข้าจะไม่ทำอะไรแก แต่พี่สาวข้าคนนี้คงจะไม่ปล่อยแกแน่”
หยางเฉินตอบไปอย่างเห็นไม่เป็นเรื่อง “ก็ดีนี่ ในเมื่อพี่สาวลูกพี่ลูกน้องแกคนนี้แน่มาก งั้นก็ให้หล่อนมาหาข้าละกัน”
พูดจบ หยางเฉินหันหลังกลับเดินออกไป แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว กลับหยุดลงในฉับพลัน พูดไปอีกว่า “ใช่แล้ว แกบอกพี่สาวแกได้นะ ข้าชื่อหยางเฉิน เป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถ้าหล่อนต้องการมีเรื่องกับข้า ไปที่เยียนเฉินกรุ๊ปได้”
พูดจบคราวนี้ เขาหันหลังเดินจากไป
“แกหยุดตรงนั้นเลย!”
กว่าอู๋เทียนอิ้วจะหาตัวหยางเฉินเจอนั้นแสนยาก มีหรือจะปล่อยไปง่าย ๆ ได้?
เขาคำรามเสียงลั่น รีบถลันตามเข้าไป คว้าจับแขนหยางเฉินไว้ได้
“วันนี้แกไม่จ่ายค่าชดเชยให้ข้า ก็ไม่ต้องไปไหน!”
หยางเฉินหรี่ตามอง “แกแน่ใจนะ ว่าจะไม่ให้ข้าไป?”
“พูดมากอะไรไร้สาระ?รีบจ่ายเงินมา!” อู๋เทียนอิ้วจี้ติดเป็นตัวจอมตื๊อ
หยางเฉินเบี้ยวริมฝีปากขึ้นน้อย ๆ ในฉับพลัน ออกแรงไปนิดหน่อย แขนที่ถูกหยางเฉินคว้าไว้ถูกดึงกลับมา
ติดตามอย่างรวดเร็ว ด้วยมือที่พุ่งใส่ไปที่หน้าอู๋เทียนอิ้ว
หน้ากากปิดปากและหมวกที่ใส่ของอู๋เทียนอิ้วถูกกระชากออก เผยให้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา
“นั่นมันไอ้สารเลวในวงการบันเทิงที่ถูกบล็อกไปทั่วเน็ต เจ้าอู๋เทียนอิ้ว!นั่นไง!”
“อ้ายสาด นั่นร่างทรงแท้ของมันเลย!”
“ไอ้เดรฉานหน้าคนใจสัตว์ตัวนี้ หน้าตาไงอัปลักษณ์อย่างนี้นะ ยังคิดหวังจะแอ้มเซี่ยเหอที่งามเปรียบนางฟ้านั่น?”
“อู๋เทียนอิ้ว แกนี่กล้าคิดจะฝังมลทินใส่เทพธิดาของพวกข้า กูเอามึงตายแน่!”
……
อู๋เทียนอิ้วยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็โดนกลุ่มหนุ่ม ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นล้อมกรอบไว้ตรงกลาง ใส่หมัดลงตีนกันยกใหญ่
มองดูอู๋เทียนอิ้วบนพื้น ครวญครางร้องขออย่างโหยหวน หยางเฉินถึงกับงง “แฟนคลับพวกนี้คลั่งไคล้เซี่ยเหอขนาดนี้กันเลยเชียวหรือ?”
หยางเฉินไม่คิดจะดูเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ รีบออกจากไปอย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง อู๋เทียนอิ้วก็มีรถพยาบาลมารับตัวไป
ถ้าไม่มีใครโทรศัพท์แจ้งตำรวจ น่ากลัวอู๋เทียนอิ้วคงจะถูกยำเละไปเป็นแน่
ที่ในโรงพยาบาล อู๋เทียนอิ้วหน้าตาปูดบวมเขียวช้ำ สองพยาบาลสาวกำลังทำแผลให้
“เจ็บ เจ็บ เจ็บ!พวกเธอเบา ๆ หน่อยซิ! เบา เบา!”
“โอ๊ย!เจ็บ!พวกแกทำแผลเป็นไหมนี่?เบาหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“โอ๊ย!เจ็บ!บัดซบนี่ เบา ๆ หน่อยซิ!”
……
ภายในหัองปฐมพยาบาล อู๋เทียนอิ้วร้องครวญครางโวยวายสลับกันไม่หยุด
ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ สุดท้ายก็ทำแผลจนเสร็จ
หน้าตาปูดบวมขียวช้ำของอู๋เทียนอิ้ว ตอนนี้เพิ่มความขาวซีดเข้าไปอีกที่สีหน้า
เขาก็คงจะร้องครวญจนเหนื่อย นอนซมอยู่บนเตียง รู้สึกแต่ว่าเรี่ยวแรงหายหมด
และในขณะนั้นเอง สองพยาบาลสาวที่ทำแผลให้เขาเมื่อครู่นี้ คุยกันกระซิบกระซาบ “ไม่คิดเลยว่า พวกเราต้องมาทำแผลให้ไอ้ผู้ชายกากเดนคนนี้ ตะกี้นี้ทำแผลให้มันรู้สึกจะเบามือไปนะ”
“อือฮึ น่าจะเบาไปหน่อยจริง ๆ หรือว่า พวกเราแต่งแผลให้เขาอีกหน่อยดีไหม?”
“ความคิดไม่เลวนะ!”