The king of War - บทที่ 834 คุกเข่าขอร้อง
ชัดเจนเลยว่าลงมืออย่างเหี้ยมโหด 3ฝ่ามือลงไป แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นมา
“คุณหยาง ผมรู้ว่าตอนนี้พูดอะไรก็คงสายไปแล้ว ขอเพียงแค่คุณยอมปล่อยหลานสาวผมไป เงื่อนไขทั้งหมดคุณเสนอมาได้เต็มที่ ผมรับปากหมด”
ซุนซวี่เปิดปากพูด
การกระทำของซุนซวี่ทำให้หยางเฉินแปลกใจมาก เพื่อซุนจื้อเจียว ซุนซวี่ไม่เพียงคุกเข่าอ้อนวอน ยังตบหน้าของตัวเอง ถ้าวันนี้หยางเฉินเสนอเงื่อนไขอะไรออกมาก็ตามแต่ หวังเพียงแค่ว่าหยางเฉินจะปล่อยซุนจื้อเจียว
ดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้สำหรับเขา สำคัญมาก
ไม่งั้น ซุนซวี่เพื่อผู้หญิงคนนี้แล้ว ทำได้ขนาดนี้
“คุณลุง ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ! ท่านจะคุกเข่าให้ไอ้หนุ่มนี่ได้ไง? ยังตบตัวเองอีก?”
ซุนจื้อเจียวพึ่งได้สติกลับมา รีบดึงซุนซวี่ขึ้น
“หุบปาก!”
ซุนซวี่พูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่คุกเข่าขอโทษหยางเฉิน ขอร้องให้เขาไว้ชีวิตเธออีก?”
ถึงตรงนี้ ซุนจื้อเจียวเหมือนพึ่งตื่นจากฝัน
หยางเฉินมีที่มาไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่งั้นจะทำให้ซุนซวี่ทำได้ถึงขนาดนี้ได้ไง?
เพียงแต่ ในสายตาเธอ หยางเฉินเป็นคนธรรมดามาตลอด เป็นแค่แฟนของเซี่ยเหอเท่านั้น
ถ้าหยางเฉินเป็นคนใหญ่คนโตอะไรนั่นจริงๆ เซี่ยเหอทำไมป่านนี้พึ่งจะดัง?
ดังนั้นเวลานี้ ในใจของเธอยากที่จะยอมรับความเป็นจริงที่ว่าหยางเฉินเป็นคนใหญ่คนโต บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
“คุกเข่า!”
ซุนซวี่โกรธและพูดอีกครั้ง
ถ้าไม่ใช่คุกเข่าอยู่ เขาคงลงมือด้วยตัวเอง ให้ซุนจื้อเจียวคุกเข่าขอโทษแล้ว
ซุนจื้อเจียวกัดริมฝีปากแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยคุกเข่าให้ใครมาก่อน
ในเวลานี้ ในใจเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและไม่ยินยอม ตอนมองหยางเฉิน ในสายตาเต็มไปด้วยความแค้น หยางเฉินมองซุนจื้อเจียวด้วยสายตาที่ดูถูก มองไปทางซุนซวี่ทันที หัวเราะเหอๆแล้วพูดว่า “ดูแล้ว หลานสาวคนนี้ของคุณจะแค้นผมมากนะ!”
“ให้ผมพูด เรื่องคุกเข่าก็ชั่งเถอะ ถึงเธอจะคุกเข่าขอร้องจริงๆ เกรงว่าคงจะไม่ใช่จากใจจริง”
“ถ้าผมทายไม่ผิด เธอคงคิดว่าจะแก้แค้นผมยังไง?”
หยางเฉินพูดจบ ซุนจื้อเจียวรีบพูดว่า “ไอ้หนุ่ม อย่าคิดว่าจับจุดอ่อนของลุงได้แล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้นะ”
“ฉันบอกให้ ต้องมีสักวัน ฉันจะทำให้นายรู้ว่าอะไรคือคำว่าเสียใจภายหลัง”
แม้แต่หยางเฉินก็คิดไม่ถึง มาถึงขั้นนี้แล้ว ซุนจื้อเจียวถึงกับยังกล้าข่มขู่ตัวเอง สีหน้าขรึมขึ้นมาทันที
ซุนซวี่สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ยืนขึ้นมาทันที
“เพี้ยะ!”
เขาตบไปหนึ่งที่ไปที่หน้าของซุนจื้อเจียว โมโหแล้วพูดว่า “คุกเข่าลง! ขอโทษ!”
ซุนจื้อเจียวถูกตบจนถอยหลังไปหลายก้าว บนใบหน้าปรากฏรอยแดงรูปมือขึ้น มุมปากก็มีเลือดออกมาเล็กน้อย
ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด แม้ว่าซุนซวี่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แถมดีต่อเธอมาก
เธอโตมาขนาดนี้ ซุนซวี่แม้แต่ด่าก็เคยด่าแค่ไม่กี่ครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าลงมือตี
วันนี้ ถึงกับตบเธอ ยังใช้แรงขนาดนี้
“คุณลุง คุณ คุณถึงกับตบฉัน?”
ซุนจื้อเจียวพูดด้วยอาการสั่นเทา
“ไอ้สารเลว! ฉันให้เธอคุกเข่าขอโทษ เธอหูหนวกเหรอ?”
คุณโมโหพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ที่พ่อเธอตายเพื่อฉัน อาศัยที่เธอกล้าล่วงเกินเพื่อนของคุณหยาง ก็เพียงพอที่ฉันจะกำหนดโทษให้เธอตายแล้ว!”
“โชคดีที่ฉันยังสามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ รีบคุกเข่าขอโทษ สำนึกผิดต่อคุณหยางซะ”
“ไม่งั้น เธอจะสามารถมีชีวิตรอดผ่านวันนี้ไปได้รึเปล่า ยังเป็นปัญหา”
ในน้ำเสียงของซุนซวี่ เต็มไปด้วยการข่มขู่
ซุนจื้อเจียวสั่นไปทั้งตัว ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ซุนซวี่นั้นรักเธอ แต่กลับไม่เคยล้อเล่น ประโยคสุดท้ายเมื่อกี้ของเขา ก็แสดงให้ซุนจื้อเจียว เห็นชัดแล้ว ถ้าเธอไม่คุกเข่าขอโทษสำนึกผิด ซุนซวี่คงจะลงมือฆ่าเธอด้วยตัวเอง
“ตุบ”
ซุนจื้อเจียวก็ไม่กล้าเถียงอีก แม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม ก็ยอมคุกเข่าทั้งสองข้างลง
เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “คุณหยาง ขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรลงมือกับผู้หญิงของคุณ ให้ท่านมีจิตใจกว้างขวาง ปล่อยฉันไปเถอะ!”
แม้ว่ากำลังขอโทษ แต่ท่าทางกลับกันไม่สอดคล้องกัน ไม่มีความจริงใจสักนิด
หยางเฉินไม่สนใจคำขอโทษของผู้หญิงคนนี้สักนิด เขากลัวว่าถ้าไม่ใช่ว่าเซี่ยเหอรู้จักเขา เกรงว่าตอนนี้คงถูกย่ำยีแล้ว
ที่น่าเจ็บใจก็คือ ผู้หญิงคนนี้ถึงกลับกล้าข่มขู่เขา
หยางเฉินมองยังไม่มองซุนจื้อเจียว แต่มองไปทางซุนซวี่แล้วพูดว่า “ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ฉันเอาแน่ คุณจะลงมือด้วยตัวเองหรือจะให้ฉันลงมือ?”
เมื่อได้ยิน ซุนซวี่เข่าอ่อนทันที แล้วคุกเข่าลงอีกครั้ง
“คุณหยาง เธอคือสายเลือดสุดท้ายที่น้องชายแท้ๆของผมหลงเหลือไว้ ถ้าหากเธอตายไป น้องชายของผมก็จะไม่มีผู้สืบทอดอีกต่อไปแล้ว!”
ซุนซวี่วิงวอนขอร้อง “ขอร้องท่านช่วยไว้ชีวิต ขอเพียงท่านยอมปล่อยเธอ ให้ผมทำอะไร ผมก็ยอม”
หยางเฉินดูเหมือนแค่พูดผ่านๆ แต่ทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นการข่มขู่ที่รุนแรง
ถ้าหากหยางเฉินเพียงแค่พูดผ่านๆจริงๆ ซุนซวี่คงจะไม่คุกเข่าทันทีเพื่อขอความเมตตา
“คุณหยาง ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันรู้ว่าฉันผิดจริงๆ ต่อไปฉันไม่กล้าคิดไม่ดีกับเซี่ยเหออีก ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะนะ”
ซุนจื้อเจียวก็รีบอ้อนวอน
“ปังปังปัง!”
เธอพูดไป และโขกหัวบนพื้นอย่างแรงไม่หยุด
ไม่นาน หน้าผากของเธอก็เต็มไปด้วยเลือด และสีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัว
ครั้งนี้เธอรู้ว่ากลัวแล้วจริงๆ
ซุนซวี่ในฐานะหัวหน้าตระกูลซุนหนึ่งในแปดของตระกูลเมืองเหยี่ยนตู
ถ้าหากไม่ใช่ถูกบีบบังคับจนหมดหนทางจริงๆ มีหรือเขาจะคุกเข่าขอความเมตตา?
เห็นได้ชัดว่าภูมิหลังของหยางเฉินนั้นใหญ่มากจริงๆ อาจมาจากราชวงศ์หรือลูกหลานของราชวงศ์ก็ได้
ซุนจื้อเจียวแอบคิดในใจ
“เซี่ยเหอ คุณรีบช่วยฉันขอร้องแฟนของคุณหน่อย ขอให้เขาไว้ชีวิตฉันสักครั้งได้ไหม?”
“ฉันสัญญาว่า ต่อไปฉันจะไม่วางแผนหาเรื่องคุณอีก”
“ไม่เพียงเท่านี้ ฉันจะริเริ่มโปรโมทคุณโดยไม่มีค่าตอบแทน และใช้ทรัพยากรด้านความบันเทิงทั้งหมดของฉันเพื่อให้คุณเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก”
ซุนจื้อเจียวเห็นว่าหยางเฉินไม่พูด ก็รีบหันไปอ้อนวอนเซี่ยเหอ
เซี่ยเหอยังอยู่ช่วงตกตะลึง ในขณะะที่ซุนจื้อเจียวขอร้องเธอเพื่อขอความเมตตา ถึงจะค่อยๆตั้งสติกลับคืนมา
เธอรู้ว่าภูมิหลังของหยางเฉินแข็งแกร่งมาก แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่เจ้าบ้านตระกูลซุนหนึ่งในแปดของตระกูลเมืองเหยี่ยนตู ก็ยังกลัวเขาขนาดนี้
เซี่ยเหอไม่รู้ว่าหยางเฉินบอกว่าเขาต้องการให้ซุนจื้อเจียวตาย ตกลงพูดเล่นหรือพูดเรื่องจริง
ในเวลานี้ ในใจเธอก็กังวลและไม่สบายใจมาก บนใบหน้ามีความลังเลเล็กน้อย
ยังไงหยางเฉินก็มาเพื่อช่วยตัวเอง ถ้าหากตัวเองยืนออกมา โน้มน้าวหยางเฉินให้ปล่อยซุนจื้อเจียวไป จะเป็นการดูหมิ่นไม่ไว้หน้าหยางเฉินเกินไปหรือเปล่า?
อีกอย่าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะหยางเฉินมาทันเวลา เกรงว่าตัวเองคงจะถูกซุนจื้อเจียวทำลายย่ำยีไปแล้ว
หยางเฉินรู้ดีว่าเซี่ยเหอเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดี ไม่ต้องรอให้เซี่ยเหอเปิดปากพูด เขาเริ่มพูดก่อน “คุณต้องการให้ผมปล่อยเธอให้มีชีวิตอยู่ต่อใช่ไหม?”
เซี่ยเหอไม่กล้าสบตาหยางเฉิน ค่อยๆพยักหน้า โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หยางเฉินถอนหายใจ และพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “เซี่ยเหอ คุณต้องรู้ว่าคนประเภทที่ไม่มีขอบเขตแบบนี้
หากปล่อยพวกเขาไปครั้งเดียว พวกเขาก็อาจทำร้ายคุณอีกครั้ง”
“ครั้งนี้ผมมาทันเวลา แล้วถ้าหากมีครั้งต่อไปล่ะ แล้วผมจะไปหาคุณทันเวลาเพื่อช่วยคุณได้ทันทุกครั้งหรือเปล่า?”