The king of War - บทที่ 868 ขวางรับลูกปืน
หยางเฉินพูดสีหน้าเฉยเมย “ผมเพียงแต่ขัดลูกตาที่เห็นชายฉกรรจ์สามสี่คน รังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นคนอื่น ผมก็ต้องช่วย”
ได้ยินที่พูด กวนเยว่หน้าสลดลง
การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้กวนซินรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง
“ไอ้หนุ่ม ในเมื่อแกไม่ใช่อาจารย์ของกวนเยว่ งั้นข้าก็ขอเตือนเจ้า ขออย่าได้มายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องจะดีกว่า
กวนซินพูดด้วยสีหน้าชาเย็น “กวนเยว่เป็นคนที่คุณปู่ข้าออกคำสั่งมาเอง ให้พวกข้ามาจับตัวกลับไป ถ้าแกขืนเข้ามายุ่ง นั่นก็คือมายุ่งเรื่องของคุณปู่ข้า”
“คุณน่าจะรู้นะ คุณปู่ข้าเป็นใครนะ?”
การลงมือของหยางเฉินเมื่อครู่นี้ ก็ได้สร้างความสะท้านใจกับกวนซินแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นที่เข้ามายุ่งเรื่องของหล่อน เธอคงสั่งบอดี้การ์ดจัดการไปแล้ว
หยางเฉินพูดเรียบ ๆ ไปว่า “ไม่ต้องอ้างเอากษัตริย์กวนมาข่มข้าหรอกนะ วันนี้ถึงแม้ให้ตัวท่านเองประทับอยู่ที่นี่ ข้าก็จะต้องยุ่ง”
“หากกวนเยว่ยินยอมไปกับพวกคุณ แน่นอนว่าผมไม่มีข้อค้านเด็ดขาด แต่เมื่อหล่อนไม่ยอม ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะเอาตัวหล่อนไปได้”
กวนเยว่ที่ได้รับการปกป้องอยู่ข้างหลังหยางเฉิน มองเงาหลังของหยางเฉิน สายตาเต็มด้วยความประทับใจ
อยู่ในบ้านตระกูลกวนมานานปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนออกหน้ามาปกป้องตัวหล่อน
สีหน้ากวนซินอึมครึมสุด ๆ ในขณะเดียวกันก็สะท้านกลัวเอามาก สงสัยที่เยี่ยนตูนี้มีบุคคลระดับนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
อายุก็ยังน้อยอยู่ ก็แฝงไว้ซึ่งอานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยทีเดียว
ทำให้หล่อนคิดเลยเถิดไปว่า หยางเฉินจะเป็นองค์ชายองค์ไหนในตระกูลราชวงศ์หรือเปล่า
“พูดมาแบบนี้ หมายถึงแกจะปกป้องกวนเยว่ใช่ไหม?”
กวนซินตะคอกถาม
หยางเฉินไม่พูด เพียงแต่ผงกหัว
“หวังว่าแกจะปกป้องหล่อนได้ตลอด”
กวนซินสะบัดมือโบก “กลับ!”
กลายเป็นว่าหล่อนพาเอาสี่บอดี้การ์ดนั้นจากออกไป
“อาจารย์ ต้องขอประทานอภัย หนูทำให้ท่านเดือดร้อน”
กวนเยว่พูดด้วยใจเต็มด้วยความไม่สบายใจ
หยางเฉินส่ายหน้าอย่างไม่ได้เห็นเป็นเรื่อง “ไม่มีอะไรเดือดร้อนไม่เดือดร้อนหรอก ข้าก็คงช่วยได้เท่านี้แหละ ในเมื่อคนตระกูลกวนเข้ามาถึงเยี่ยนตูแล้ว ถ้าเธอขืนอยู่ที่นี่ น่ากลัวคงต้องถูกจับส่งตัวกลับได้ทุกเวลาเป็นแน่ เธอรีบไปเถอะ”
กวนเยว่เดิมทีก็ตั้งใจจะไปให้พ้นเยี่ยนตูแล้ว เพียงแต่ว่ามาเจอเอากวนซิน ไม่งั้นป่านนี้คงได้ออกพ้นไปแล้ว
“ได้ค่ะ หนูจะไปจากเยี่ยนตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
กวนเยว่ผงกหัว พลันก็ได้ใช้สีหน้าที่จริงจังพูดว่า “อาจารย์ กวนซินคนนี้ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่มีพันธะต้องถูกจัดให้แต่งงานออกไป”
“หล่อนเป็นคนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ท่านช่วยหนูไว้เมื่อกี้นี้ ก็ถูกหล่อนขึ้นบัญชีไว้แล้ว ท่านต้องระวังผู้หญิงคนนี้ให้ดี”
หยางเฉินผงกหัว “ได้ ข้ารู้แล้ว!”
เวลาที่กวนซินพูดจา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
พอรู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของหยางเฉิน ก็ตัดใจได้ในทันทีที่จะไม่เอาตัวกวนเยว่กลับ เป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ทันทีในขณะนั้นเอง อารมณ์สังหรณ์ในอันตรายที่ร้ายแรง ครอบงำเข้ามาในความรู้สึกของหยางเฉิน
“อาจารย์ ระวัง!”
หยางเฉินเพิ่งจะจับบล็อกได้ถึงทิศทางของอันตรายที่ส่งเข้ามา กวนเยว่พลันกรีดร้องขึ้นมา โถมตัวพุ่งเข้าใส่หยางเฉิน
“ปัง!”
หลังของกวนเยว่ เลือดพุ่งกระเซ็นออกเป็นสาย ร่างที่โถมเข้ามาล้มทับหยางเฉินเต็ม ๆ
“กวนเยว่!”
หยางเฉินคำรามลั่น อุ้มร่างของกวนเยว่ขึ้นมา
เขาไม่เคยคิดเลย เด็กผู้หญิงที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันเพียงสองครั้ง จะยอมเป็นเป้าขวางทางปืนให้เขาได้
ที่จริงแล้ว เมื่อครู่นี้เขาก็ได้บล็อกทิศทางของมือปืนแล้ว ถึงกวนเยว่จะไม่เข้ามาขวางกั้น เขาก็สามารถหลบพ้นวิถีกระสุนได้ คิดไม่ถึงว่า กวนเยว่มาขวางรับกระสุนไว้
ในขณะนั้น หลังของกวนเยว่แดงชุ่มไปด้วยเลือด สีหน้าซีดลงอย่างสุด ๆ
“อาจารย์ ระวัง!”
กวนเยว่พูได้แค่จบประโยค แล้วก็หลับตาลง
“ปัง ปัง ปัง!”
ตามมาติด ๆ เสียงปืนยังดังขึ้นอีกหลายนัด
แต่ละนัด ล้วนพุ่งเป้าใส่หยางเฉิน
หยางเฉินอุ้มกวนเยว่ไว้ ขาขยับก้าวไม่ได้หยุด เงาร่างดุจซีต้าที่ปราดเปรียว หลบกระสุนที่สาดใส่ไปหลายนัด
อื้ออึงไปด้วยเสียงกรีดร้องคนในบริเวณโดยรอบ
จนกระทั่งอุ้มกวนเยว่เข้าไปในที่ที่มีกำบังเป็นที่ปลอดภัย แล้วกวาดมองหากลุ่มมือปืน ก็ไม่มีให้พบเห็นแล้ว
“ไอ้พวกบัดซบ อยากตายกันแล้วพวกมึง!”
มองดูอาการที่เป็นตายไม่รู้ได้ของกวนเยว่ หยางเฉินโกรธระเบิดสุด ๆ
ตอนนี้เขาต้องห่วงกวนเยว่มากที่สุด ก็ไม่สนใจพวกมือปืนแล้ว รีบเร่งพากวนเยว่ไปโรงพยาบาล
โดยปกติที่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง หยางเฉินใช้เวลาด้วยอารมณ์สั่งเพียงสิบนาที ก็มาถึงโรงพยาบาลชุมชนเยี่ยนตู
กวนเยว่ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน หยางเฉินเฝ้ารออยู่ข้างนอก สีหน้าอึมครึม
“พี่เฉิน!”
ไม่นานนัก หม่าชาวก็มาถึง เอ่ยปากถาม “พี่เฉิน พี่ไม่เป็นอะไรนะ?”
หยางเฉินส่ายหน้า “ไปสืบดูที มีใครบ้างแน่ ๆ ที่จ้องจะฆ่าข้า?”
เขาไม่ได้ใช้อารมณ์โกรธแบบนี้มานานแล้ว ใครมันบังอาจลอบฆ่าเขาต่อหน้าชุมชน จนลูกหลงโดนกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยข้าง ๆ
ถ้ากวนเยว่ไม่เป็นไรมากก็แล้วไป ถ้าเกิดเป็นอะไรรุนแรง เขาจะไปแสดงความรับผิดชอบกับคนบ้านตระกูลกวนยังไง?
เวลาผานไปจากวินาทีเป็นนาที หยางเฉินยังคงเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน กวนเยว่ถูกส่งเข้าไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววอะไรออกมา
ในขณะนั้น หม่าชาวก็เข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“พี่เฉิน สืบได้เรื่องแล้ว!”
หม่าชาวพูดเสียงทุ้มลึก “คนที่ยิงใส่พี่ เป็นมือฆ่าของหงเฉิน ฉายาจ้าวมือปืน ถนัดปืนสั้น เห็นว่าในระยะร้อยเมตร เข้าเป้าร้อยทั้งร้อย”
“หงเฉินอีกแล้ว!”
หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสะกดไฟโกรธไว้
หม่าชาวพูดต่อไปว่า “หงเฉินถ้าลงได้รับงานแล้ว หากงานล้มเหลว ก็จะมีคนที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกเข้ามาสานต่อเพื่อให้แล้วเสร็จภารกิจ มือสังหารคนก่อนพลาด ก็ตายด้วยน้ำมือของพี่แล้ว ”
“ไอ้จ้าวมือปืนคนนี้ อันดับชั้นในหงเฉิน จะเหนือกว่าคนก่อนนี้ขึ้นไปอีกไม่น้อย”
“จ้าวมือปืนพลาดในครั้งนี้ เชื่อว่ามันต้องยังจะมาเล่นงานพี่อีก”
หยางเฉินหยีตา “ข้ากลัวแต่มันจะไม่มาเล่นงานข้าอีก”
ในขณะนั้นเอง ประตูห้องพยาบาลฉุกเฉินเปิดออก
“ลูกกระสุนได้ผ่าออกแล้ว ดีว่าไม่โดนอวัยวะสำคัญภายใน และไม่ไปโดนกระดูก เด็กสาวคนนี้โชคดีจริง ๆ”
อ้ายหลินรุดหน้าเข้ามาหาหยางเฉิน เอ่ยปากพูด “คนไม่เป็นไรแล้ว คุณวางใจได้!”
วันนี้จังหวะพอดีอ้ายหลินเข้าเวร ก็จึงได้ลงมือผ่าตัดให้กวนเยว่เอง
ได้รู้ว่ากวนเยว่ปลอดภัยแล้ว หยางเฉินวางใจลงได้ในระดับหนึ่ง
“พี่อ้ายหลิน ขอบคุณมากครับ!”
หยางเฉินกล่าวด้วยความขอบคุณ
กวนเยว่ก็เพราะเข้ามาเป็นเกราะป้องกันกระสุนให้เขา ถึงได้โดนยิง
ไม่ว่าในเวลาขณะนั้น เขาจะหลบพ้นหรือไม่พ้นก็ตาม กวนเยว่กล้าตัดสินใจทำขนาดนี้ มันก็เป็นที่พิสูจน์ได้ถึง น้ำใจที่ประเสริฐมากของเด็กผู้หญิงคนนี้
คนที่เกิดมาในตระกูลเดอะคิง ไปถึงที่ไหน ก็เป็นที่รู้สึกของผู้พบเห็นว่าอยู่สูง หล่อนทำตัวลงมาได้แบบนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ
“พี่เฉิน เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลยนะ ในเมื่อหล่อนอยากให้พี่เป็นอาจารย์ พี่ก็รับไว้เสียเลยดีไหม?”
ในห้องคนไข้ หม่าชาวก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับกวนเยว่แล้ว สำหรับกวนเยว่ เขาก็ให้ความรู้สึกชื่นชมอยู่มาก
หยางเฉินถอนหายใจ เดิมเขาไม่คิดจะเข้ามายุ่งเรื่องของกวนเยว่เลย
เนื่องจากว่ากวนเยว่เป็นหลานสาวของกษัตริย์กวน กษัตริย์กวนจะให้ไปแต่งงานกับทายาทรุ่นหลังของตระกูลราชวงศ์ ถ้าหากเขาเข้าไปยุ่ง ไม่เฉพาะกระทบกระทั่งกับตระกูลเดอะคิงตระกูลหนึ่งเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงอีกหนึ่งตระกูลราชวงศ์ด้วย
ปัจจุบันนี้ เขาก็ได้มีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเฉาและตระกูลเซวแล้ว ถ้าขืนไปกระทบกระทั่งกับอีกหนึ่งตระกูลเดอะคิงพาลไปถึงตระกูลราชวงศ์ด้วย นั่นหมายถึงรวมเป็นสี่ตระกูลระดับสุดยอดเลยทีเดียว
ทั่วทั้งจิ่วโจว ตระกูลราชวงศ์กับตระกูลเดอะคิงรวมกันก็มีเพียงเก้าตระกูล หยางเฉินไปบาดหมางกันทีเดียวถึงสี่ตระกูล น่ากลัวหาใครมาเป็นคนที่สองคงจะไม่มีแน่
“กวนเยว่ยอมเข้าขวางทางลูกสุนปืนที่ยิงใส่ข้าได้ มาตอนนี้ข้าคิดยังจะไม่รับหล่อนเป็นศิษย์ คงจะไม่ได้แล้ว”
หยางเฉินพูดอย่างเสียไม่ได้แล้ว
หม่าชาวรู้ดีอยู่ในความเป็นคนที่มีจิตวิญญาณในคุณธรรมที่สูงส่งของหยางเฉิน จึงไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายในคำตอบของหยางเฉิน