The king of War - บทที่ 872 ว่าแกเป็นพวกไม่ได้เรื่อง
ตั้งแต่ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป หล่อนแม้จะพบประสบการณ์มามากมาย นอกจากหยางเฉิน ยังไม่เคยพบเห็นยอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนี้
ทันทีนั้น ปากอ้าค้างเล็กน้อย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เดิมที่กลุ่มรปภ.กำลังเดินเข้าหาไป๋จวิ้นเหากับองครักษ์รวมสามคนนั้น ตอนนี้ก็หยุดชะงักด้วยจิตสำนึก พลังของสององรักษ์กับท่าทีของไป๋จวิ้นเหาที่สำแดงออกมา ได้สะกดพวกเขาไว้
“คนสวย ผมขอแนะนำให้คุณพิจารณาข้อเสนอก่อนหน้านี้ของผม หรือไม่ก็ไปโรงแรมกับผม เพื่อคุยเรื่องวิถีชีวิตด้วยกัน”
ไป๋จวิ้นเหายิ้มยียวนพูด “ดูคนสวยอายุยังอ่อนมาก น่าจะยังไม่ได้แต่งงานมัง?”
“อ้อใช่ ผมเกือบจะลืมแนะนำตัวไปเสียแล้ว”
“ผมชื่อไป๋จวิ้นเหา มาจากตระกูลไป๋แห่งตระกูลเดอะคิง วันนี้ที่มาเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ก็เพื่อจะมารวมรูปธุรกิจของพวกคุณ”
พอไป๋จวิ้นเหาแนะนำตัวเสร็จ ฉินยีก็ยิ่งตื่นตระหนกอีกอย่างมาก
พนักงานคนอื่น ๆ แม้จะไม่รู้ว่าตระกูลคิงคืออะไร และไม่เข้าใจถึงความหมายในตระกูลคิง แต่ฉินยีเป็นถึงรองประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป สับผัสด้วยกับหลายเรื่อง หล่อนย่อมรู้ดีว่าตระกูลคิงหมายถึงอะไร
ที่แท้เขาเป็นคนตระกูลเดอะคิง มิน่าถึงได้วางตัวเย่อหยิ่งโอหังได้นัก
“คิดจะรวมรูปกิจการเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ฝันไปเถอะ!”
ถึงแม้จะกริ่งเกรงในฐานะศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม แต่ฉินยีก็ไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวให้ใครได้ อีกยังเข้าใจดีถึงสถานะของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสำหรับหยางเฉิน มีความสำคัญอย่างไร
ด้วยเพราะเข้าใจถึงจุดดังกล่าว ฉะนั้นถึงแม้จะต้องประจันหน้ากับคนของตระกูลเดอะคิง หล่อนก็ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย เพราะหยางเฉินไม่มีทางที่จะขายเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแน่นอนเด็ดขาด
“แม่นางคนสวยจะไม่ให้หน้ากันสักนิดเลยทีเดียวหรือ ข้านี่เป็นทายาทของตระกูลเดอะคิงนะ ยอมลงมาชอบเธอนี่ มันเป็นเกียรติแก่เธออย่างสูงเลยนะ”
ไป๋จวิ้นเหาหัวเราะออกเสียงดัง “ขอให้เธอปรนนิบัติข้าให้ได้เป็นที่พอใจ ไม่แน่ว่าไก่เดินดินอย่างเธอจะแปลงกายขึ้นเป็นพญาหงษ์ ก้าวสู่ตำแหน่งราชินีในอนาคต ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ”
“หุบปากของแกไปเลย!”
ฉินยีตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราด ขบเขี้ยวพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “รีบไสหัวออกไปให้พ้นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเลย!”
วาจาก้าวร้าวบีบคั้นของไป๋จวิ้นเหา ทำเอาฉินยีเหลืออดจนสติแตก
“รปภ. จัดการ ไล่พวกนี้ออกไปให้พ้น!”
ฉินยีออกคำสั่งทันที
ตอนนี้หล่อนคิดแต่จะไล่ให้ไป๋จวิ้นเหาออกไปจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ด้วยอารมณ์สุดเดือด ถึงขนาดลืมนึกไปถึงฐานะศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม มองข้ามไปกับสถานะพลังฝีมือขององครักษ์ของฝ่ายตรงข้าม
“ขอพวกท่านได้กรุณาออกไปทันทีด้วยเถอะครับ!”
ผู้เป็นหัวหน้ารปภ.ก้าวออกหน้าขึ้นไป มองหน้าพูดกับไป๋จวิ้นเหา
เขาคิดลองจะไม่ใช้กำลัง เพื่อขอให้ฝ่ายตรงข้ามออกไป เขาที่เขาไม่ทันได้รู้ การทำแบบนี้ มีแต่หาเรื่องเจ็บใส่ตัว
ไป๋จวิ้นเหามองยังไม่มองหัวหน้ารปภ.นั้นเลย องครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังของเขา เห็นแค่ขยับขา ร่างก็แวบออกไปเห็นเป็นแต่รูปเงา
“ปึง!”
เสียงดังสนั่น หัวหน้ารปภ.นั้นยังไม่ทันได้สัมผัสถูกแม้แต่เงาของตัวองครักษ์ตระกูลไป๋ ร่างของตัวเองก็กระเด็นลอยออกไปยังกับลูกฟุตบอล
หัวหน้ารปภ.ที่ถูกกระแทกลอยออกไปในพริบตานั้น สลบหลับไปตั้งแต่อยู่กลางอากาศ
ทุกคนยังอยู่ในการตกตะลึง เรื่องที่ยิ่งน่าทำให้พวกเขาตกตะลึงก็ตามมาอีก
องครักษ์คนที่กระแทกหัวหน้ารปภ.กระเด็นลอยออกไปนั้น ไม่ได้หยุดการโจมตีเพียงแค่นั้น พุ่งตามติด ๆ ใส่รปภ.อีกคนหนึ่ง
และองครักษ์ที่ยืนข้างหลังไป๋จวิ้นเหาอีกคนหนึ่ง ก็พุ่งตามออกมา
“ปึง ปึง ปึง!”
ทุกคนรู้สึกแต่ว่าในสายตาที่เห็นนั้นลายตาไปหมด ช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ รปภ.สิบกว่านายที่อยู่ในบริเวณนั้น ตอนนี้ล้มกลิ้งระเนระนาดลุกกันไม่ขึ้น
ซ้ำร้ายยังมีรปภ.อีกหลายคน สลบเหมือดไปคาที่
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างตื่นตกใจงงกันไปสุด ๆ ความกลัวกำลังจะสั่งให้พวกเขาจะต้องรีบหนีออกจากที่นี่
หลังจากตื่นตระหนกไปชั่วครู่ ฉินยีคอย ๆ สงบสติอารมณ์ลงมา มองรปภ.ที่นอนเจ็บอยู่ ในใจให้รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนออกคำสั่งรปภ.ให้ไล่คนพวกนี้ออกไป พวกรปภ.จะต้องมาถูกย่ำยีแบบนี้ด้วยหรือ?
“คนสวย รปภ.ของพวกคุณดูเหมือนไม่พอไว้ให้ใช้แคะขี้ฟันเลยนะ!”
ไป๋จวิ้นเหาทำเสียงหัวเราะ “ตอนนี้ เธอยังคิดจะไล่ข้าออกไปอีกไหม?”
“คุณจะเอายังไงกันแน่?”
ฉินยีตาแดงก่ำ หล่อนเจ็บใจจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาแล้ว
หล่อนคิดจะแก้ไขปัญหานี้ แต่กลับพบว่าอาศัยความสามารถของหล่อนนั้นไม่มีทางทำได้เลย ซ้ำยังทำให้เหล่ารปภ.ถูกทำร้ายไปมากมาย
“ช่วยไม่ได้ ประธานของพวกคุณมันจองหองเกินไป ข้าอุตส่าห์มาหาด้วยตัวเอง เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมมาพบข้า ยังกลับจะมาไสหัวข้าออกไป”
ไป๋จวิ้นเหาทำผายมือออก พูดเสียงหัวเราะ “ที่จริง ข้าคิดว่าจะลุยขึ้นไปเอง จัดการกระทืบประธานพวกแกให้เละเป็นหมา แต่เห็นแม่คนสวยอย่างเธอนี่เข้า ข้าเลยฉุกคิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”
“ข้าจะไม่ขึ้นไปกระทืบประธานของเธอละ แต่เธอจะต้องไปเป็นเพื่อนคุยปัญหาชีวิตกับข้าที่โรงแรมสักคืน หลังจากนั้นก็ให้ประธานของพวกเธอมากราบตีนขอขมากับข้า ข้าก็คงพอจะไม่เอาเรื่องกับพวกเธอได้นะ”
ฉินยีขบกรามแน่น หล่อนรู้ถึงความเก่งกาจของหยางเฉิน แต่ไอ้คนที่อยู่ข้างหน้านี้ เป็นถึงทายาทของตระกูลเดอะคิง ข้างตัวมันก็มีองครักษ์ที่มีพลังฝีมือแกร่งกล้าเอามาก ๆ
หล่อนก็กังวลว่าหยางเฉินจะแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ จิตใจให้รู้สึกร้อนรุ่มอย่างยิ่ง
คิดอยากให้หยางเฉินออกมาแก้บัญหา ก็กลัวหยางเฉินจะถูกทำร้าย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในขณะที่จิตใจฉินยีหงุดหงิดทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น พลันก็มีเสียงกังวานห้าวดังขึ้นมา
ปรากฏร่างบึกบึนของหม่าชาว ก้าวเดินเข้ามาในเยี่ยนฉินกรุ๊ป
“พี่ชาว!”
ฉินยีให้รู้สึกดีใจขึ้นมาในฉับพลัน เหมือนได้พบตัวเสาหลัก ชี้ไปที่ไป๋จวิ้นเหาว่า “พี่ชาว ไอ้พวกนี้มาก่อกวน บอกว่าเป็นคนตระกูลไป๋แห่งตระกูลเดอะคิง”
หม่าชาวกวาดตามองไปทั่วบริเวณ ทันทีก็เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น พลันสีหน้าเครียดลงสุด ๆ
“คนแซ่ไป๋ตระกูลเดอะคิงหรือ?”
เขาหัวเราะเหยียด ๆ ออกมา มองไปที่ไป๋จวิ้นเหาพูดว่า “บ้านแซ่ไป๋ไปมีไอ้ตัวล้างผลาญประเภทนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?กล้าดีมาก่อกวนที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป พวกแกเงินมีมากเกินจนไม่มีที่ใช้แล้วหรืองัย?”
“แก แกพูดว่าอะไรนะ?แกด่าข้าว่าเป็นตัวล้างผลาญตระกูลเรอะ?”
ไป๋จวิ้นเหาโกรธอย่างสุด ๆ ขึ้นมาในทันที ชี้หน้าหม่าชาวตะคอกถาม
“ทำไม?ว่าแกเป็นตัวล้างผลาญ หรือไม่ถูก?อ้อ ข้าเข้าใจละ แกกำลังหมายถึงว่า แกมันพวกไม่ได้เรื่อง”
หม่าชาวทำหน้าแสยะ พูดเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“บัดซบ!แกบังอาจกล้ามาด่าข้า รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ไป๋จวิ้นเหาโกรธเต็มที่ในฉับพลัน คำรามเสียงลั่น “จัดการให้มันเละไปเลย!”
เสียงพูดขาดคำ สององครักษ์คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาพุ่งเข้าใส่หม่าชาว
“พี่ชาวระวัง!”
ฉินยีร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที
พลังอันแข็งกล้าของสององครักษ์เมื่อสักครู่นี้ หล่อนเห็นมากับตา ใจให้กังวลกลัวหม่าชาวจะถูกทำร้าย
แต่ทว่า กว่าที่หล่อนจะเตือนออกไป ทุกอย่างก้ช้าไปแล้ว
ด้วยเพราะความเร็วของสององครักษ์ตระกูลไป๋นั้น เหมือนแค่เพียงพริบตา ทั้งสองก็เข้าถึงตัวหม่าชาว ต่างพุ่งหมัดเข้าใส่หม่าชาวพร้อมกัน
บรรดาพนักงานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่มุงดูอยู่ หลายคนหลับตาแน่นด้วยสำนึกจิต ไม่กล้ามองเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด
ภาพก่อนหน้านี้ที่สององครักษ์ตระกูลไป๋ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ถล่มรปภ.ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแพ้ยับลงไปถึงสิบกว่าคน
ให้หม่าชาวแข็งกล้าไปอีกสักแค่ไหน จะไปต้านรับองครักษ์ระดับแกร่งขนาดนี้ได้หรือ?
“พี่ชาว….”
ฉินยีกรีดร้องออกมา สองตาจ้องนิ่งไปที่หม่าชาว ตายังไม่กล้ากพริบ คิดกลัวในใจว่าหม่าชาวจะแพ้ไปด้วย
“ปึก!”
“ปึก!”
ในวินาทีที่ตามมา เสียงทุ้มหนักที่เกิดจากการกระแทกกันของวัตถุแน่นหนักดังติดต่อกันสองครั้ง
หมัดของสององครักษ์ อัดใส่หน้าอกของหม่าชาวพร้อมกัน
แต่ความตื่นตระหนกของฉินยีมีมากเกินกว่าอีกเท่าทวี เพราะหล่อนไม่ได้เห็นหม่าชาวลอยกระเด็นออกไปเหมือนลูกบอลถูกเตะ กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีการขยับให้เห็น
เหมือนหมัดทั้งสองที่อัดใส่ เป็นการช่วยเกาที่คันให้เขา