The king of War - บทที่ 874 งานแต่งงานหม่าชาว
หม่าชาวพูดอย่างอารมณ์แล้ง “แค่หนึ่งพันล้านควักไม่ได้ มันน่าขายขี้หน้าตระกูลไป๋เสียจริง”
พูดจบ ก็ไม่ไปใส่ใจกับไป๋จวิ้นเหา สั่งไปที่รปภ.นายหนึ่ง “จับไอ้หมอนี่ไปขังไว้ก่อน ห้านาทีให้หลังยังไม่จ่ายเงินมา ก็ต้องจ่ายเป็นสองพันล้าน ก็รอต่อไปอีกสักห้านาที ถ้ายังไม่จ่ายมาอีกละก้อ ไม่ต้องไปเสียเวลา จัดการแยกเอาส่วนที่ห้าของมันออก”
“ส่วนที่ห้า?”
พวกรปภ.ยังมีปฏิกิริยาตอบรับไม่ทัน
แต่หม่าชาวก็ได้ยิ้มยียวนมองไปตรงเป้าส่วนกลางของร่างกายของเขา พวกรปภ.จึงได้รู้ทะลุโปร่ง โพล่งออกมาได้ว่า “ที่แท้จะจัดการให้มันเป็นขันทีนี่เอง”
ฉินยีกับเลขาและบรรดาพนักงานสาว ๆ พอได้ยินที่รปภ.พูดเรื่องไปในแนวหยาบโลน แต่ละคนหน้าแดงกันทั่ว
“พี่ชาว ท่านวางใจได้ พวกเรารู้ว่าควรจะต้องทำยังไง”
รปภ.นั่นรีบพูด
เมื่อครู่ก่อนนี้ถูกองครักษ์ตระกูลไป๋เล่นงานกันเกือบตาย ยังอัดพี่น้องร่วมงานเจ็บสาหัสไปหลายคน พอหม่าชาวเอ่ยปากสั่ง พวกเขามีหรือจะออมมือให้
หม่าชาวมองหน้าไป๋จวิ้นเหาเหมือนอยากจะห่วงใย “แกก็ไปตามบุญที่เคยสร้างไว้แล้วกันนะ”
พูดจบ เขาก็ก้าวเดินจากไป คงจะไปพบหยางเฉิน
“กลับมานะ แกกลับมาเดี๋ยวนี้!”
ไป๋จวิ้นเหาเห็นหม่าชาวนึกจะไปก็ไป ใจร้อนรนขึ้นมา รีบตะโกนเรียกไป
แต่ทว่า หม่าชาวไม่ใส่ใจเอาเลย ตรงเดินเข้าลิฟท์ไป
“ไอ้หนู ผ่านไปสองนาทีแล้วนะ ยังอีกสามนาที ค่าชดใช้จะเพิ่มเท่าตัวแล้วนะ”
รปภ.หลายคนเฝ้ามองไป๋จวิ้นเหาด้วยสายตาเหยียด ๆ
พวกเขาเป็นเพียงพนักงานชั้นล่างสุด ไม่รู้เรื่องว่าใครคือไป๋จวิ้นเหา พวกเขารู้แต่ว่า พวกเขามีประธานที่เจ๋งสุด ๆ
“ยังอีกสองนาที!”
“ยังอีกหนึ่งนาที!”
“59!58!57……”
รปภ.ล้อมไป๋จวิ้นเหาไว้อยู่ เริ่มทำการนับถอยหลัง
ทุกครั้งที่รปภ.ออกเสียงมาหนึ่งตัวเลข ไป๋จวิ้นเหาหน้าก็จะซีดลงไปหนึ่งระดับ
“ไม่ต้องนับ!ไม่ต้องนับ!ข้าขอร้องพวกคุณอย่านับเลย!ข้าจ่าย!ข้ายอมจ่ายละ!ข้าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เดี๋ยวนี้ละ ยังไม่ได้อีกหรือ?”
ในที่สุดไป๋จวิ้นเหาจิตประสาทแตกกระเจิง
ก็แม้แต่องครักษ์ที่ว่าเก่งฉกาจที่สุดของเขาสองคนยังโดนถล่มแพ้ยับไป ตอนนี้ยังนอนฟุบอยู่หน้าประตูเยี่ยนเฉินกรุ๊ป จะลุกยืนยังลุกไม่ขึ้น แล้วตัวเขาเองจะไปทำอะไรได้?
ขณะนั้น หม่าชาวก็ได้เข้าไปถึงห้องทำงานของหยางเฉินแล้ว
“พี่เฉิน!”
พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง หม่าชาวก็เอ่ยปากเล่า “เมื่อกี้นี้……..”
“ข้ารู้หมดแล้ว ทำได้ดีมาก ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ โอหังมากเอาการ แต่ถึงยังไงก็เป็นทายาทของตระกูลเดอะคิง ฆ่ามันทิ้งจะทำให้พวกเราเดือดร้อนมากมหาศาล ให้มันชดใช้นั่นแหละ เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย”
หม่าชาวยังไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกหยางเฉินพูดตัดบท
“ที่แท้พี่หยางรู้เรื่องหมดแล้ว!”
หม่าชาวหัวเราะแล้วพูด
หยางเฉินขยับเลื่อนจอคอมพิวเตอร์ออกมา หม่าชาวจึงได้เห็น บนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น เป็นภาพโถงชั้นล่างทั้งหมดของอาคาร
“แกมาหาข้า มีเรื่องสำคัญอะไรสินะ?”หยางเฉินถาม
หม่าชาวเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าออก พูดเสียงทุ้มลึก “พี่เฉิน ข้างนอกเขาลือกันให้ทั่ว ว่าพี่จะประกาศตัวเป็นเดอะคิงแห่งเยี่ยนตู และเพราะเรื่องนี้ ห้าตระกูลเดอะคิงที่จิ่วโจว ล้วนส่งคนกันเข้ามาที่เยี่ยนตูแล้ว”
หยางเฉินผงกหัว “ข้าก็รู้เรื่องนี้ และยังรู้ด้วยว่ามีคนตั้งใจปล่อยข่าวนี้ ก็เพื่อที่จะล่อคนตระกูลราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงออกมากัน”
“แต่เป้าหมายของพวกเขานั้น ไม่ใช่อยู่ที่ตัวข้า แต่เป็นตี้ชุน!”
หม่าชาวหน้าดูมึนงง “ตี้ชุน?”
เขายังเพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อตี้ชุน ก็เหมือนที่หยางเฉินได้ยินตี้ชุนเป็นครั้งแรก ก็ให้ฉงนเป็นเอาอย่างมาก
หลังจากที่ได้ยิน หม่าชาวก็มีสีหน้างงทื่อ “ไม่คิดว่า ในเยี่ยนตู กลับยังจะมีสถานที่ลึกลับแบบนี้อยู่ด้วย ผู้แช็งแกร่งคนใดคนหนึ่งในตี้ชุนเดินออกมา ก็สามารถเหยียบเยี่ยนตูได้อย่างราบคาบ ขนาดผม ก็ยังทำไม่ได้เลยมั้ง?”
“หรือจะว่า ผู้แช็งแกร่งของตี้ชุน แต่ละคนล้วนเก่งฉกาจได้ขนาดพี่เฉินหรือ?”
เท่าที่การสัมผัสรู้ของหม่าชาวจะเคยพบเห็นมา หยางเฉินคือความมีอยู่จริงของเรื่องเหลือเชื่อ เขายังไม่เคยเห็นมียอดฝีมือที่ไหนจะมาเก่งกาจกว่าหยางเฉิน
หยางเฉินส่ายหน้า สีหน้าคงอยู่ที่เรียบ ๆ “ตี้ชุนเก็บตัวเองมาถึงไม่เกินก็ต้องมีร้อยปีแล้ว ผู้แข็งแกร่งตัวจริงในหมู่บ้านจะแข็งแกร่งจริงขนาดไหน น่ากลัวคงจะไม่มีใครรู้ได้”
“แต่ว่าแกต้องรู้นะ โลกนี้นั้นกว้างใหญ่ไพศาล ในสายตาของแก อาจจะเห็นว่าข้านี้เก่งกาจที่สุด แต่อย่าลืมว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนเหนือกว่า คนที่เก่งกาจกว่าข้า เชื่อได้แน่ว่ามี และมีไม่น้อยด้วย”
“เพียงแค่ตี้ชุนหนึ่งเดียวนี้ พวกเรายังไม่เคยได้ยินกันเลย ใครจะไปรู้ได้ ในสังคมโลกนี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งตัวจริงที่เก็บซ่อนตัวอยู่มากน้อยอีกแค่ไหน?”
“ไม่ว่าจะยังไงแกจะต้องไม่ถือดีในตัวเองให้มากนัก เสพสุขกับสิ่งที่มีอยู่ในโลกได้ ในขณะเดียวกันก็อย่าละวางฝีมือในเชิงยุทธที่มีอยู่ในตัว”
หม่าชาวให้รู้สึกกริ่งเกรงในความน่าเคารพอย่างสูงขึ้นมา ผงกหัวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คำสั่งสอนของพี่เฉิงสุดยอด เป็นเพราะผมวิสัยทัศน์แคบไปมากเอง แต่ขอพี่ท่านได้วางใจ ต่อไปนี้ผมจะมุมานะขยันฝึกฝนให้แกร่งแข็งยิ่ง ๆ ขึ้น”
หยางเฉินผงกหัวรับ “ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกเราจะไม่ต้องตั้งใจไปหลบเลี่ยงเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น และก็ไม่ต้องไปเจาะจงตั้งใจมุ่งทำอะไร ทุกอย่างให้เป็นไปตามที่จะเกิด”
“ให้เป็นตระกูลหลวงก็ดี หรือจะตระกูลเดอะคิงก็แล้วแต่ พวกเขาไม่มากวนพวกเราก็แล้วไป แต่ถ้าลองปีนขึ้นมาขี้เยี่ยวรดใส่หัวพวกเราละก้อ ต่อให้เป็นตัวองค์เจ้าตระกูลราชวงศ์มาเอง พวกเราก็ไม่กลัว”
นี่คือจุดยืนที่หยางเฉินตั้งขึ้นมาในขณะเดี๋ยวนี้ ถ้าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกันกับเรื่องของตระกูลราชวงศ์กับตระกูลเดอะคิง เกรงว่าคงต้องไปทำให้คนข้าง ๆ เดือดร้อนตามไปด้วยเป็นแน่แท้
“พี่เฉิน ผมว่าข้อเสนอของผู้นำตระกูลอวี๋เหวิน พี่น่าจะนำมาพิจารณานะครับ หากแม้นว่าวันหนึ่งตี้ชุนถูกใครครอบงำไป เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะต้องมีผลกระทบกันไปอย่างกว้างขวาง”
จู่ ๆ หม่าชาวก็พูดขึ้นมา
เมื่อสักครู่หยางเฉินได้บอกเขาว่า อวี๋เหวินเกาหยางคิดจะให้เขารับตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้น เดิมเขาก็รู้สึกตื่นงงอยู่มาก แต่เมื่อได้ฟังหยางเฉินอธิบายให้ฟังแล้ว เขาจึงได้รู้ชัดถึงความสำคัญของตี้ชุน
จิ่วโจวในปัจจุบัน ประชาชนอยู่อย่างสันติมีความเป็นสุข ทุกอย่างสงบเรียบร้อย
แต่วันไหนถ้าตี้ชุนบังเกิดมา น่ากลัวความสุขศานต์นี้ คงยากที่จะดำรงให้คงอยู่ได้
หยางเฉินผงกหัว “เรื่องนี้ข้าจะขอตรึกตรองดู เอาละ ไม่คุยเรื่องนี้ละ มาคุยเรื่องงานแต่งงานวันมะรืนนี้ของแกเถอะ ตอนนี้เตรียมการไว้ยังไงแล้ว?”
หม่าชาวหัวเราะแหะ ๆ “พี่เฉินวางใจเถอะครับ ทุกอย่างวางเตรียมไว้เรียบร้อย รอแค่ถึงวันมะรืน ผมก็จะไปรับอ้ายหลินกลับมาที่บ้านแต่งงานกันอย่างเต็มภาคภูมิครับ”
“ในที่สุดก็รอจนได้ดื่มเหล้างานแต่งงานของแกในวันนั้นละ!”
ความดีใจของหยางเฉินนั้นเป็นด้วยจริงใจ
เรื่องงานแต่งงานของหม่าชาวกับอ้ายหลิน สำหรับเรื่องราวต่าง ๆในระยะนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่หยางเฉินตั้งใจรอคอยมา
แต่ทว่า ในขณะนี้ของพวกเขา ไม่คิดกันถึงเลยว่า งานมงคลแต่งงานมะรืนนี้ จะมีเรื่องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
หม่าชาวเพิ่งก้าวพ้นออกไป หยางเฉินก็โทรศัพท์ไป ถามว่า “งานแต่งงานของหม่าชาวจะถึงแล้ววันมะรืน เรื่องที่ผมสั่งให้จัดเตรียม เป็นยังไงบ้าง?
“พี่เฉิงวางใจได้ครับ ทุกอย่างเรียบร้อย ของขวัญชิ้นใหญ่ที่ท่านจัดเตรียม หม่าชาวต้องพึงพอใจอย่างเป็นที่สุดแน่ครับ”
เสียงมาในสายคือเฉิยนเปียว
หยางเฉินพอรู้เรื่องหม่าชาวจะแต่งงานกับอ้ายหลินในปลายปี ก็ได้ให้เฉิยนเปียวจัดเตรียมของขวัญชิ้นพิเศษชิ้นหนึ่ง ของขวัญชิ้นนี้ มีความหมายกับหม่าชาวอย่างใหญ่หลวง
เวลานี้พิธีของงานก็มีการเตรียมไว้เรียบร้อย รอเพียงวันมะรืนนี้
“ของขวัญชิ้นพิเศษก็ได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่ของขวัญธรรมดา ยังไม่มี”
พอหยางเฉินวางโทรศัพท์ ก็พึมพำกับตัวเอง