The king of War - บทที่ 889 เหน็บแนมและยั่วยุ
“ทั้งสองท่าน พวกคุณจะออกไปจากซินเฉ่ากรุ๊ปเอง? หรือจะให้พวกเราจับพวกคุณโยนออกไป?”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ข้างหน้า ถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“คุณกำลังรนหาที่ตาย!”
หม่าชาวโกรธจัดและกำลังจะเคลื่อนไหว
“หยุด!”
หยางเฉินดึงหม่าชาวไว้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้แค่ทำตามคำสั่งและไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แต่เป็นเซียวจื่อฉิง
“เซียวจื่อฉิง คุณจะต้องเสียใจภายหลัง”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
พูดจบเขาก็กดเบอร์โทรออกไป “ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ให้ผมที เบอร์ของหลิวฉี ผู้จัดการของซินเฉ่ากรุ๊ป”
“ฮ่าฮ่า คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ยังขอให้คนตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของ ผู้จัดการหลิวด้วยเหรอ?”
เซียวจื่อฉิงยิ้มเยาะ “หยางเฉิน อย่าคิดว่าคุณได้ดีตอนนี้ก็คิดว่าเจ๋งมากนะ ฉันจะบอกคุณให้ ซินเฉ่ากรุ๊ปมีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ ต่อให้คุณเป็นคนของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ยังทำอะไรซินเฉ่ากรุ๊ปไม่ได้”
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณต้องการติดต่อผู้จัดการหลิว ฉันจะให้เวลาคุณสิบนาทีเพื่อดูว่าคุณสามารถติดต่อผู้จัดการหลิวได้หรือไม่”
หยางเฉินมองไปที่เซียวจื่อฉิงเหมือนกับกำลังมองคนโง่
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหยางเฉินก็ดังขึ้น เขาได้รับเบอร์โทรศัพท์แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของหยางเฉิน ใบหน้าของเซียวจื่อฉิงก็ชะงักงันในทันใด อย่าบอกนะว่า หยางเฉินได้หมายเลขโทรศัพท์ของหลิวฉี มาแล้วจริงๆ?
หยางเฉินไม่ได้สนใจเซียวจื่อฉิง เขากดเบอร์โทรของหลิวฉีโทรออกไป
ไม่นาน โทรศัพท์ก็มีคนรับ เสียงอันเย็นชาดังขึ้น “ฮัลโหล!”
“ผมหยางเฉินนะ ตอนนี้ผมอยู่ในล็อบบี้ชั้นหนึ่งของซินเฉ่ากรุ๊ปแล้ว คุณลงมาได้เลย!”
หยางเฉินกล่าว
“บัดซบ!”
แต่ใครจะรู้หลังจากได้ยินสิ่งที่หยางเฉินพูด หลิวฉีก็โกรธทันที “คุณเป็นใครน่ะ? บอกชื่อของคุณมา ต้องการให้ผมลงไปพบคุณข้างล่างเหรอ?”
“ตอนนี้ผมไม่ว่าง ถ้าคุณยังกล้าโทรมากวนผมอีก ผมจะฆ่าคุณ”
พูดจบหลิวฉีก็วางสายไป
หยางเฉินมีสีหน้าสับสน เดิมทีคิดว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นประธานซินเฉ่ากรุ๊ป แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าหยางเฉินคือใคร
ลำโพงสนทนาของโทรศัพท์มือถือของหยางเฉินนั้นเสียงดังมาก เมื่อได้ยินการสนทนานี้เซียวจื่อฉิงก็อดหัวเราะไม่ได้ “หยางเฉิน คุณเห็นตัวเองสำคัญมากเหรอ? จะให้ผู้จัดการหลิวลงมาพบคุณด้วยตัวเอง คุณนี่มันหน้าไม่อาย”
หม่าชาวก็โกรธเช่นกัน “พี่เฉิน ผมจะไปลากคอไอ้สารเลวนั่นลงมาเดี๋ยวนี้ กล้าดียังไงมาพูดกับคุณแบบนี้ รนหาที่ตายชัดๆ”
เดิมทีหยางเฉินไม่ต้องการที่จะสร้างความวุ่นวายในซินเฉ่ากรุ๊ป แต่ก็คิดไม่ถึงว่าผู้จัดการหลิว จะหยิ่งผยองถึงขนาดนี้
“รออีกเดี๋ยว!”
หยางเฉินพูดจบก็โทรหาหลิวฉีอีกครั้ง
“บัดซบ! นี่แกประสาทไปแล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าแกกล้ามารบกวนฉันอีก ฉันจะฆ่าแก แกกล้าดียังไงถึงโทรหาฉันอีก”
ทันทีที่หลิวฉีรับสาย เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้หยางเฉินได้แนะนำตัวด้วยซ้ำ เขาตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง “ได้ แกรอฉันอยู่ตรงนั้น ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”
โทรศัพท์ถูกตัดสายอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆ…”
เซียวจื่อฉิงระเบิดเสียงหัวเราะโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ของเธอ
“หยางเฉิน คุณไม่รู้แน่เลยว่า ผู้จัดการหลิวเคยได้แชมป์มวยมาหลายครั้ง ถ้าคุณกล้าที่จะรบกวนผู้จัดการหลิวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก คุณจบแน่ คุณใกล้จะจบเห่แล้ว”
เซียวจื่อฉิงมีสีหน้าตื่นเต้นมาก แทบรอไม่ไหวที่จะเห็นหยางเฉินถูกหลิวฉีอัดจนน่วมและจับโยนออกไปจากซินเฉ่ากรุ๊ป
“จริงเหรอ?”
หยางเฉินยิ้มประชดประชัน “บางที คนที่จบเห่อาจจะเป็นผู้จัดการหลิวของคุณก็ได้”
“ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้!”
เซียวจื่อฉิงกลั้นยิ้มและพูดเยาะเย้ย “คุณไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจะขอร้อง ผู้จัดการหลิว ว่าไม่ต้องเกรงใจฉัน อัดคุณให้พิการไปเลย ให้คุณนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดชีวิต”
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ แค่เรื่องเล็กๆ ก็แค้นฝังลึกมาได้ถึงขนาดนี้
“พี่เฉิน ให้ผมฆ่านังผู้หญิงชั่วนี่เถอะ”
หม่าชาวโกรธจนตัวสั่น ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินอยู่ตรงนี้ เขาก็ฆ่าเซียวจื่อฉิงด้วยมือตัวเองไปตั้งนานแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ผู้หญิงคนนี้จะหัวเราะได้อีกไม่นาน”
หยางเฉินพูดพลางมองเซียวจื่อฉิงอย่างเฉยเมย
มันไม่คุ้มเลยที่จะมาพาลโกรธผู้หญิงแบบนี้
“คนไหนหยางเฉิน? รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเงาร่างที่แข็งแกร่งกำยำก็เดินเข้ามา พอออกจากลิฟต์ก็คำรามเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ตัวหยางเฉิน
ดวงตาของเซียวจื่อฉิงเต็มไปความยั่วเย้า ราวกับได้เห็นภาพหยางเฉินถูกหลิวฉีทุบตี แล้วจับโยนออกไปจากซินเฉ่ากรุ๊ปแล้ว
หลิวฉียังสังเกตเห็นหยางเฉินและหม่าชาวที่ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา จึงถามขึ้นว่า “แกน่ะเหรอ ไอ้สารเลวที่บอกให้ฉันลงมาหา?”
“แกกำลังรนหาที่ตาย!”
หม่าชาวเลิกคิ้วขึ้นและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“บัดซบ! แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ในที่ของฉัน? ไม่รู้ที่ตายซะแล้ว”
หลิวฉีโบกมือแล้วพูดว่า “หักแขนขาของไอ้ระยำนี่ จับโยนออกไปจากซินเฉ่ากรุ๊ปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ผู้จัดการหลิว จะหักแขนหักขาพี่น้องของผมโดยไม่แยกแยะถูกผิดเลยเหรอ?”
หยางเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณในฐานะผู้จัดการของซินเฉ่ากรุ๊ป ถ้ามีคนมาหาคุณ คุณไม่กลัวที่จะทำให้ธุรกิจของบริษัทเสียเวลาเหรอ?”
เดิมทีหยางเฉินสามารถโยนสัญญาและระเบียบการปฏิบัติที่ทางตระกูลเซวจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วให้กับหลิวฉีได้ทันที
แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาต้องการดูว่าชายผู้จองหองคนนี้มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในซินเฉ่ากรุ๊ปต่อไปหรือไม่
หม่าชาวไม่ใช่คนที่ชอบดูแลบริหารกิจการ พูดอีกอย่างก็คือ ตราบใดที่หลิวฉีเหมาะสม ต่อไปเขาจะมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่างในซินเฉ่ากรุ๊ป
หม่าชาวก็เป็นเพียงเจ้านายที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง
“การทำงานของฉัน จำเป็นต้องอธิบายให้แกฟังด้วยเหรอ?”
หลิวฉีกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ฉันเป็นผู้จัดการของซินเฉ่ากรุ๊ป นอกจากท่านประธานแล้ว ฉันมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง!”
“หยางเฉิน ผู้จัดการหลิวเป็นรุ่นบุกเบิกซินเฉ่ากรุ๊ป มิฉะนั้นทางบริษัทจะไม่แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้จัดการหรอก”
“ฉันแนะนำให้คุณรีบคุกเข่าขอความเมตตา บางทีผู้จัดการหลิวอาจจะเห็นแก่หน้าฉันและไว้ชีวิตคุณ”
“มิฉะนั้น อีกไม่นานแขนขาของคุณอาจถูกหักและจับโยนให้ปลากินได้”
เซียวจื่อฉิงกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เอ๊ะ? เซียวจื่อฉิง คุณรู้จักไอ้โง่นี่ด้วยเหรอ?”
หลิวฉีโอบเซียวจื่อฉิงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วถามขึ้น
สไตล์การทำงานของเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นเช่นนี้ พนักงานเหล่านั้นที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครแสดงความประหลาดใจใดๆ ราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าหลิวฉีเป็นคนแบบไหน
เซียวจื่อฉิงก็ไม่ได้รังเกียจที่มือใหญ่ๆ ของหลิวฉีจะมาถูกเนื้อต้องตัวเธอ เธอแค่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ผู้จัดการหลิวคะ เมื่อวานที่ฉันถูกไล่ออกจากเมืองในฝัน ก็เพราะฝีมือไอ้สารเลวคนนี้นี่แหละ”
“อะไรนะ?”
หลิวฉี โกรธมาก “ไอ้สารเลว! กล้าดียังไงมาทำร้ายผู้หญิงของฉัน แกคงเบื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่แล้วสินะ?”
“จัดการไอ้โง่สองคนนี้ หักแขนหักขาทิ้งให้หมด แล้วจับโยนออกไปข้างนอก!”
หยางเฉินส่ายหน้า เขาเคยเห็นคนบ้า แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าขนาดนี้มาก่อน
แม้แต่สมาชิกของตระกูลเดอะคิงก็ไม่เคยหยิ่งผยองกับเขาแบบนี้
“ผมคือหยางเฉิน ประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป คุณแน่ใจหรือว่าต้องการทำกับเราแบบนี้?”
หยางเฉินหรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย