The king of War - บทที่ 909 อุบัติเหตุทางรถยนต์
หลังออกจากห้องทำงานหยางเฉิน ลั่วปิงส่ายหน้า แล้วพึมพำกับตัวเอง “ประธานเป็นอะไรไป ยังไม่เคยเห็นเขาใจลอยขนาดนี้มาก่อน”
ในห้องทำงาน หลังหยางเฉินบังคับให้ตัวเองอ่านเอกสารไม่กี่ฉบับ เขาก็อ่านต่อไปไม่ได้ ตัดสินใจไม่ทำงานอีก และเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่อีกด้าน
จากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วเมืองจิ่วโจว
ตอนนี้สิ่งก่อสร้างเกือบครึ่งในเมืองจิ่วโจว ล้วนเสร็จสมบูรณ์ มีเพียงอาคารไม่กี่อาคาร ที่โดนเซวหยวนจี๋ส่งคนมาทำลายจนเสียหายก่อนหน้านี้ ที่กำลังก่อสร้างขึ้นใหม่
“ฉันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย”
หยางเฉินไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมวิวของเมืองจิ่วโจว และพูดพึมพำกับตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ที่โรงแรมเยี่ยนตู
เหล่าแขกกลับไปใกล้หมดแล้ว ในโรงแรมเหลือเพียงญาติของตระกูลอ้าย และคนตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลอ้าย
“เสียวเสวี่ย ต่อไปเธอมาอยู่กับพวกเราสิ”
โรงแรมเยี่ยนตู หม่าชาวกับอ้ายหลินมาส่ง หมีเสวี่ยที่หน้าประตูด้วยตัวเอง อ้ายหลินจับแขน หมีเสวี่ยแล้วพูดอย่าง
สนิทสนม
อ้ายหลินไม่ได้มีพี่น้องแท้ๆ โตมาในตระกูลใหญ่ตั้งแต่เด็กๆ ในบรรดาพวกปากหวานก้นเปรี้ยวในตระกูล ก็เป็นพวกพี่น้องฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ทั้งนั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรขนาดนั้น
ตอนนี้หลังจากได้เจอ หมีเสวี่ย ถึงได้รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอกลับพอใจน้องสาวคนนี้มาก
หม่าชาวเต็มไปด้วยความตื้นตัน เขาแยกกับ หมีเสวี่ยมาสิบเอ็ดปีเต็มๆ ต่อไปคงต้องชดเชยให้น้องสาวอย่างเต็มที่
คิดไม่ถึงว่าอ้ายหลินจะเข้าใจเขาขนาดนี้ เป็นฝ่ายบอกให้ หมีเสวี่ยมาอยู่กับพวกเขา
หมีเสวี่ยส่ายหน้าเบาๆ “ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ พวกพี่เป็นสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน ฉันจะรบกวนพวกพี่ได้ยังไงกัน”
“เธอเป็นน้องสาวของเรา อยู่กับเราจะรบกวนได้ยังไงล่ะ”
อ้ายหลินรีบพูดว่า “อีกอย่าง เรือนหอที่พี่หยางมอบให้เราใหญ่มาก เธอก็รู้ ถ้าในห้องมีเพียงแค่ฉันกับพี่ชายเธอสองคน คงเหงาเกินไป”
หมีเสวี่ยหัวเราะคิกคัก “พี่สะใภ้ พวกพี่ก็รีบมีหลานให้ฉันสิ พวกพี่จะได้ไม่เหงาไง!”
อ้ายหลินหน้าแดงอย่างที่ไม่ค่อยเห็น
“พอแล้วๆ! ขอบคุณพี่สะใภ้ ตอนนี้ชีวิตฉันดีมาก พวกพี่วางใจเถอะ ไม่ต้องกังวลกับฉัน ต่อไปเราก็เจอกันบ่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ด้วยกันหรอก”
หมีเสวี่ยยิ้มแล้วพูด จากนั้นจึงโบกมือไปมา “พวกพี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ รีบไปต้อนรับแขกคนอื่นเถอะ ฉันขอตัวก่อน”
พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป
“เสียวเสวี่ย!”
เห็นว่า หมีเสวี่ยกำลังจะไป หม่าชาวจึงอดเรียกไม่ได้
หมีเสวี่ยหันมา “มีอะไรเหรอพี่”
“เสียวเสวี่ย ขอโทษนะ หลายปีมานี้ที่ทำให้เธอไม่ได้รับความยุติธรรม!”
หม่าชาวพูดจบ จู่ๆ ดวงตาแดงระเรื่อ พูดเหมือนจะร้องไห้ “แต่พี่สาบานกับเธอเลย ตอนนั้นหลังพี่หนีออกมา พี่จะช่วยเธอจริงๆ พี่แจ้งตำรวจ แต่พอตำรวจไปที่นั่น เธอโดนพาตัวไปแล้ว”
“หลายปีมานี้พี่คิดถึงเธอมาก ตามหาเธอมาตลอดจริงๆ แต่พี่หาเธอไม่เจอ พี่ช่างไร้ค่า ขอโทษนะ!”
หมีเสวี่ยสั่นไปทั้งตัว ยืนอยู่ที่เดิม มองใบหน้าอันจริงใจ น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด
แต่ใบหน้าเธอกลับมีรอยยิ้ม เธอมองหม่าชาวแล้วพูดว่า “พี่ ฉันรู้ว่าพี่ไม่เคยทิ้งฉัน หลายปีมานี้ ฉันก็คิดถึงพี่เหมือนกัน แล้วก็ตามหาพี่มาตลอด”
อ้ายหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบเช็ดน้ำตาเบาๆ
มองเด็กผู้หญิงที่แข็งแกร่งยืนอยู่ไม่ไกล อ้ายหลินเอ็นดูเธอมาก และเอ็นดูสามีตัวเองด้วย
“พอแล้ว ฉันไปก่อน ไว้นัดกินข้าวกันวันอื่นนะ!”
หมีเสวี่ยยิ้มอย่างสดใส พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
อ้ายหลินจึงจับมือสามีเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “อย่าโทษตัวเองเลย เสียวเสวี่ยให้อภัยคุณแล้ว”
“ต่อไปพวกเราทำดีกับเสียวเสวี่ยเป็นเท่าตัว พยายามชดเชยให้เธอทีละนิด แม้จะทดแทนกับความทุกข์ที่เธอเจอมาหลายปีไม่ได้ อย่างน้อยอนาคตของเธอ ก็ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ถูกไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา หม่าชาวจับมืออ้ายหลินแน่น และพูดด้วยสีหน้าตื้นตัน “ขอบคุณนะคุณภรรยา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าชาวเรียกอ้ายหลินว่าภรรยา เมื่อพูดคำนี้ออกมา กลับไม่เคอะเขิน และพูดคล่องปากด้วย
ใบหน้างดงามของอ้ายหลินแดงระเรื่อ แต่ไม่กระมิดกระเมี้ยน เธอจับมือหม่าชาวแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
แต่ทั้งสองเพิ่งหันหลัง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นสนั่น
สองสามีภรรยาหันมาแทบจะพร้อมกัน เห็นรถบรรทุกสีแดงคันหนึ่ง เหมือนกำลังสูญเสียการควบคุม และพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
และทิศทางที่รถบรรทุกพุ่งไป เป็นรถเก๋งสีดำที่ หมีเสวี่ยเพิ่งนั่งไปเมื่อครู่
“ไม่!”
เห็นว่ารถบรรทุกกำลังจะพุ่งชนรถเก๋งที่ หมีเสวี่ยนั่ง หม่าชาวเบิกตาโต และตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
อ้ายหลินก็เบิกตาโต สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาและสิ้นหวัง
“โครม!”
เสียงดังสนั่น รถบรรทุกชนเข้ากับรถเก๋ง
หม่าชาวเห็นเต็มสองตา รถเก๋งที่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองนั่ง ลอยอยู่กลางอากาศหลายรอบ และร่วงลงบนพื้นอย่างแรง
“พรวด!”
ทันใดนั้น หม่าชาวรู้สึกหมุนเคว้ง และกระอักเลือดออกมา
“เสียวเสวี่ย!”
หม่าชาวสั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตก ไหลทะลักออกจากเบ้าตา ทั้งหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
อ้ายหลินก็ช็อกมาก เธอเข่าอ่อนทรุดลงบนพื้น
อ้ายหลินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ มีหรือที่จะไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่สลดหดหู่
แต่ตอนนี้กลับเห็นรถที่ หมีเสวี่ยนั่ง โดนชนจนลอยไปไกลกว่าสิบเมตรด้วยตาตัวเอง
นี่เป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับหม่าชาว
จากนั้นมันยังไม่จบ หลังรถบรรทุกชนรถเก๋งที่ หมีเสวี่ยนั่งจนกระเด็น ไม่เพียงแต่จะไม่หยุด แต่กลับเร่งเครื่อง และพุ่งไปชนรถเก๋งอีก
“ไม่ๆๆๆ”
หม่าชาวตะโกนออกมา รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่ม เขาขยับเท้า จนตัวกลายเป็นสายฟ้า และพุ่งเข้าไป
“หม่าชาว!”
วินาทีนั้น อ้ายหลินก็ช็อก และตะโกนออกมาเสียงดัง
หม่าชาวจะใช้ร่างกายมาขวางรถบรรทุกหลายสิบตัน นี่เป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง
ขณะนั้น ในหัวของหม่าชาวมีเพียงความคิดเดียว ถึงตาย ก็ไม่ยอมให้รถที่ หมีเสวี่ยนั่งโดนชนเป็นครั้งที่สอง
การชนเมื่อกี้ บางทีคนอาจจะรอด
แต่ถ้าชนอีกครั้ง อย่าว่าแต่ หมีเสวี่ยเลย แม้แต่เขา ก็คงตาย
ตอนนี้เขาไม่สนอะไรแล้ว คิดเพียงแค่พยายามให้ถึงที่สุด
แต่ทว่าเขาปลดปล่อยความเร็วออกมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตามรถบรรทุกได้
สิบเอ็ดปีก่อนหน้านี้ เขาเคยรับปาก หมีเสวี่ย ว่าจะไม่ทิ้งน้องสาว แต่เขาก็ยังทิ้งน้องสาว
หลังจากสิบเอ็ดปี กว่าพี่น้องจะได้เจอกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเพิ่งได้เจอหน้ากัน ตัวเองยังไม่ทันได้ทำอะไรให้น้องสาว อย่าบอกนะว่าจะเสียน้องสาวไปอีก
“ไม่! อย่า! อย่า!”
เมื่อเห็นว่ารถบรรทุกใกล้จะชนรถเก๋งคันนั้นอีกครั้ง หม่าชาวตะโกนเสียงดัง
“ปัง!”
ทันใดนั้น ท่อนเหล็กอันหนึ่ง ลอยมาในอากาศอย่างรวดเร็ว
“เอี๊ยด……”
ตามมาด้วยเสียงล้อเสียดสีกับถนนจนแสบแก้วหู ทันใดนั้นในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นยางรุนแรง
ในขณะที่หม่าชาวช็อก ล้อหน้าของรถบรรทุก โดนท่อนเหล็กขวางเอาไว้ วินาทีที่หัวรถบรรทุกกำลังจะชนรถเก๋ง หัวรถไถลอย่างรุนแรง
รถบรรทุกทั้งคัน สูญเสียการควบคุม และหลบรถเก๋งได้พอดี