The king of War - บทที่ 910 คนยังไม่ตาย
“โครม!”
เสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง รถบรรทุกพลิกข้าง และคว่ำลงอยู่กลางถนน
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก เมื่อเห็นรถบรรทุกพลิกข้าง ผู้เห็นเหตุการณ์ยังตั้งสติไม่ได้
“เสียวเสวี่ย!”
หม่าชาวไม่มีเวลามาสนใจว่าใครโยนท่อนเหล็กมา และหยุดไม่ให้รถบรรทุกชนรถเก๋งอีกครั้ง เขาพุ่งไปที่รถเก๋งเหมือนคนบ้า
“ปัง!”
รถผิดรูปผิดร่างไปแล้ว ไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ หม่าชาวใช้แรงเปิดประตูรถ
เห็น หมีเสวี่ยที่นั่งตรงเบาะหลัง เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด
“เสียวเสวี่ย!”
“เธออย่าทำให้พี่ตกใจ พี่เอง เธออย่าทำให้พี่ตกใจ รีบฟื้นสิ รีบฟื้นสิ!”
หม่าชาวมองใบหน้าที่เลอะไปด้วยเลือดสีแดงสด และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
ขณะนั้น อ้ายหลินก็วิ่งเข้ามา
“รีบหลีกไป อย่าขวางฉัน!”
อ้ายหลินตะโกนเสียงดัง “คนยังหายใจอยู่ คุณดูรอบๆ สิ ฉันมาช่วยคน!”
หม่าชาวขาดการยับยั้งชั่งใจไปแล้ว เมื่อเห็นเนื้อตัว หมีเสวี่ยเต็มไปด้วยเลือด เขาก็ขาดสติทันที
เมื่อได้ยินอ้ายหลินตะโกน เขาจึงใจเย็นลงมาก และรีบหลีกทางให้
“พี่อ้าย พี่ต้องช่วยเสียวเสวี่ยนะ เธอได้รับความลำบากมามากแล้ว ผมสูญเสียเธอไปไม่ได้จริงๆ!”
หม่าชาวพูดด้วยเสียงสะอื้น
อ้ายหลินเริ่มปฐมพยาบาลให้ หมีเสวี่ย เธอไม่มีเวลามาสนใจคำพูดไร้สาระ และตะโกนว่า “เรียกรถพยาบาล!”
“ได้ๆๆๆ!”
หม่าชาวรีบเรียกศูนย์ฉุกเฉิน
ขนาดหยางเฉินโผล่มาหลังเขาตั้งแต่ตอนไหน เขายังไม่เห็นเลย
ตอนนี้ หยางเฉินเห็น หมีเสวี่ยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด เขารู้สึกว่าไฟโกรธกำลังสุมอยู่ในอก
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องทำงาน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรตลอด
ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวอยู่บ้าน อีกทั้งรอบๆ ยอดเมฆา ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับสูงที่เขาเตรียมไว้อยู่
อีกทั้งยังมีเฉียนเปียวคอยคุ้มกันด้วยตัวเอง อย่างเงียบๆ เว้นเสียแต่ผู้แข็งแกร่งแดนราชา ไม่งั้นยอดเมฆาไม่มีทางมีอันตรายเด็ดขาด
มีเพียงฝั่งหม่าชาว วันนี้เป็นวันมงคลของเขา เพราะหม่าชาวเป็นผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงละเลยเรื่องการป้องกัน
เขาคิดได้เพียงว่า ฝั่งที่จะเกิดเรื่อง น่าจะเป็นฝั่งหม่าชาว ดังนั้นจึงรีบมาทันที
ใครจะไปรู้ว่าเขาเพิ่งมา จะเห็นรถบรรทุกพุ่งไปหารถเก๋งสีดำด้วยความเร็วสูง
อยากจะขวาง ก็ไม่มีปัญญา ดังนั้นจึงดึงท่อนเหล็กกั้นข้างทางออกมา และโยนออกไปทางรถบรรทุก จึงทำให้รถบรรทุกไม่ชนรถเก๋งเป็นครั้งที่สอง
“พี่เฉิน หาเจอแล้ว เป็นคนที่กวนซิน ของตระกูลคิงกวนส่งมา”
ขณะนั้น เซินปาที่สวมชุดดำก้าวเข้ามา และเอ่ยขึ้น
เขาสอบถามคนขับรถบรรทุกแล้ว เดิมทีกวนซินไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้ ดังนั้นจึงสืบได้ง่ายดายว่ากวนซินเป็นคนบงการ
“ในเมื่อเธออยากตาย ฉันจะสนองให้เอง!”
หยางเฉินสูดหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเอง
ตอนนี้ อากาศบริเวณรอบตัวเขา เหมือนจะลดลงหลายองศา เซินปาสั่นไปทั้งตัว เมื่อมองหยางเฉิน เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ แต่เป็นปีศาจ
“พี่เฉิน เหลือชีวิตของผู้หญิงต่ำตมคนนั้นให้ผม!”
ขณะที่หยางเฉินกำลังจะไป หม่าชาวที่ใจเย็นลง พูดขึ้นมาทันที
“ได้!”
หยางเฉินพูดเพียงคำเดียว และหันหลังเดินออกไป
บริเวณรอบๆ ไม่น่าจะมีใครที่ทำอันตรายหม่าชาวได้อีก ทางนี้มีหม่าชาวอยู่ก็ดี เรื่องแก้แค้น ให้เป็นหน้าที่เขาเอง
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์เดี่ยวสุดหรูแห่งหนึ่ง
กวนซินกับกวนหงเหว่ยกำลังรอข่าวดี ขณะนั้น มือถือของกวนซินดังขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้นตายหรือยัง”
หลังกวนซินรับสาย ก็เอ่ยถามขึ้น
แต่ไม่นาน สีหน้าของเธอก็ชะงักไป “นายว่าอะไรนะ คนยังไม่ตายเหรอ กำลังปฐมพยาบาลอยู่งั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง”
“รถเก๋งที่ หมีเสวี่ยนั่ง ได้รับการดัดแปลงแล้ว อะไหล่ต่างๆ เป็นเกรดที่ทหารใช้ ขนาดกระจกยังเป็นกระจกกันกระสุน”
“ถึง หมีเสวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ได้ตายในที่เกิดเหตุ แถมยังมีคนที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างอ้ายหลิน ช่วยชีวิตด้วยตัวเอง น่าจะช่วยชีวิตของผู้หญิงคนนั้นได้”
คนที่อยู่ในสายเอ่ยขึ้น
“ไอ้เลว! คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะเตรียมการไว้แล้ว!”
กวนซินสีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก คนฉลาดอย่างเธอ คิดได้ทันที รถคันนั้นต้องเป็นรถที่หยางเฉินเตรียมไว้
จากที่เธอรู้จัก หมีเสวี่ย เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา จะนั่งรถที่ดัดแปลง เป็นเกรดที่ทางทหารใช้ได้อย่างไร
“แต่หยางเฉินรู้แล้วว่าคุณบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขากำลังไปหาคุณ ระวังด้วยนะคุณกวน!”
อีกฝ่ายพูดขึ้นอีก
รอยยิ้มบนใบหน้ากวนซินกลับมาอีกครั้ง แต่ภายในรอยยิ้ม เต็มไปด้วยความอาฆาตรุนแรง “ถึงบทจะไม่เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้ แต่ผลกลับเป็นไปตามบทของฉัน”
“ในเมื่อนายจะมาหาฉัน งั้นฉันจะรอนายที่นี่!”
กวนหงเหว่ยขมวดคิ้วทันที “เสี่ยวซิน เราควรรายงานเรื่องนี้ให้ปู่แกรู้ไหม”
ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกพะวงอยู่ตลอดเวลา
กวนซินหัวเราะ “พ่อ หยางเฉินคงทำให้พ่อตกใจ ตอนที่ไปหากวนเย่ว เพื่อออกหน้าแทนหนูก่อนหน้านี้สินะ”
“เขาเป็นแค่คนมีฝีมือด้านวิถีบู๊นิดหน่อยเท่านั้น เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเขา เราสืบมาจนหมดแล้ว พ่อคิดว่า คนกระจอกที่ไม่มีปูมหลังอะไรอย่างเขา จะทำเรื่องใหญ่อะไรได้เหรอ”
“อีกอย่าง เรื่องเล็กแบบนี้ ถ้าพ่อรายงานปู่ ปู่ต้องดูหมิ่นพ่อแน่ ต่อไปจะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้พ่ออีกไหม”
กวนหงเหว่ยพยักหน้า “มีเหตุผล ฉันคิดไม่รอบคอบเอง”
ถึงกวนซินพูดแบบนี้ แต่กวนหงเหว่ยก็ยังไม่วางใจ
กวนซินมองออกว่าพ่อกังวล เธอยิ้มแล้วพูดปลอบใจ “พ่อวางใจเถอะ ลูกสาวพ่อเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็รอแค่หยางเฉินมาตายเท่านั้น”
ขณะเดียวกัน หยางเฉินขับรถด้วยตัวเอง มุ่งหน้ามายังคฤหาสน์ที่กวนซินอยู่
โฟล์คเภาตันราวกับสายฟ้าสีดำ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าท่ามกลางรถที่เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ในหัวของเขามีแต่ภาพของ หมีเสวี่ยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ทำให้เขาโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา
หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธขนาดนี้ เพราะโกรธ จึงทำให้ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
หมีเสวี่ยเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่กลับมาพลอยลำบากเพราะตัวเอง หยางเฉินเคียดแค้นใจ ที่ตัวเองไม่สามารถปกป้องคนข้างกายได้
เขาถึงขนาดไม่กล้าคิด ถ้าเรื่องเดียวกัน เกิดขึ้นกับฉินซีและเสี้ยวเสี้ยว เขาจะทำอย่างไร
เดิมทีระยะทางสี่สิบนาที หยางเฉินใช้เวลาเพียงสิบห้านาที ก็มาถึงคฤหาสน์ที่กวนซินอยู่
“โครม!”
โฟล์คเภาตันชนกับประตูเหล็กในลานคฤหาสน์ ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น ประตูเหล็กถูกชนจนกระเด็นเข้าไป
กวนซินกับกวนหงเหว่ยที่กำลังรอหยางเฉิน อยู่ในลานคฤหาสน์ ตอนเห็นหยางเฉินปรากฏตัว แววตาของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
กวนซินเกือบโดนหยางเฉินบีบคอหัก กวนหงเหว่ยก็เกือบโดนเฉียนเปียวฆ่าตาย
เรียกได้ว่าเหตุที่สองพ่อลูกเคียดแค้นหยางเฉินขนาดนี้ สาเหตุใหญ่ก็คือ พวกเขาเกือบตายคามือหยางเฉิน
ตอนหยางเฉินเห็นทั้งสองคน ก็โมโหอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คนมีความแค้นเจอกัน เหมือนอากาศถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นดินปืนอันรุนแรง
“เธอต้องการฆ่า หมีเสวี่ยใช่ไหม”
ตั้งแต่หยางเฉินลงจากรถ แววตาอันแหลมคม จ้องไปยังกวนซินทันที น้ำเสียงเย็นชาสุดขีด
ข้างกายกวนซินกับกวนหงเหว่ยล้วนมีผู้คุ้มกันตระกูลกวน แต่ละคนจ้องหยางเฉินด้วยแววตาดุร้าย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีมือปืนสิบกว่าคน เล็งปากกระบอกปืนสีดำขลับ มาที่หัวหยางเฉิน