The king of War - บทที่ 962 เลือกข้าง
“หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม เอาแต่จะให้พวกนายเลือกข้าง งั้นพวกนายก็เลือกข้างมาสิ!”
“คนอย่างเจียงสยงไม่เคยเอาเปรียบพวกนาย ไม่ว่าใครในบรรดาพวกนายทำผิด มีครั้งไหนที่ฉันไม่อภัยให้พวกนายบ้าง”
“ในเมื่อพวกนายลืมเรื่องในอดีตหมดแล้ว แถมยังพุ่งเป้าเล่นงานฉัน บีบบังคับให้ฉันหมดหนทาง งั้นหลังจากพวกนายเลือก ก็อย่ามาเสียใจภายหลังอีก”
หลังเจียงสยงพูดออกมา ในบรรดาคนที่รวมหัวหน้ารองกับหัวหน้าสามอยู่ในนั้น ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี
ตอนนี้เจียงสยง ยืนหลังตรง บนตัวมีออร่าของผู้สูงส่งตั้งแต่หัวจรดเท้า
จู่ๆ หัวหน้าทั้งห้า รู้สึกเหมือนทำอะไรผิด เดิมทีเจียงสยงควรเป็นผู้นำตระกูลเจียงอยู่แล้ว
“ผู้นำ เราไม่ได้พุ่งเป้าเล่นงานคุณ แต่คุณหาหมอไม่เก่งมาตามใจชอบ นี่เป็นการไม่รับผิดชอบต่อตัวเอง การไม่รับผิดชอบต่อตัวเอง คือการไม่รับผิดชอบต่อตระกูลเจียง”
หัวหน้าสี่เอ่ยขึ้น “เพราะคุณเป็นผู้นำตระกูล ถ้าคุณเป็นอะไรไปกะทันหัน ตระกูลเจียงต้องวุ่นวายแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลอื่นต้องมีโอกาส และเป็นหายนะร้ายแรงต่อตระกูลเจียง”
หัวหน้าห้าก็พูดว่า “ใช่ ถ้าคุณหาหมอเทวดาที่รักษาคุณมาได้จริง พวกเราไม่ยอมให้คุณวางมือให้คลื่นลูกใหม่อยู่แล้ว”
“เพราะคุณเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลาย เพียงคนเดียวของตระกูลเจียง ถ้าไม่มีคุณ ฐานะของตระกูลเจียง ในเมืองกษัตริย์กวน จะต้องตกต่ำลงอย่างแน่นอน”
หัวหน้าใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “จากความเห็นของผม จะให้โอกาสผู้นำอีกครั้ง เมื่อกี้หลงเฟยพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ หมอเทวดาที่หามาในครั้งนี้ จะรักษาผู้นำได้ ภายในหนึ่งเดือน”
“ผมว่าถ้าในหนึ่งเดือน หมอเทวดาน้อยรักษาอาการป่วยของผู้นำให้หายได้ หัวหน้าทั้งห้าอย่างพวกเรา จะร่วมมือกันช่วยผู้นำ ทำให้ตระกูลเจียงยิ่งแข็งแกร่ง รุ่งเรืองขึ้น”
“ถ้ารักษาผู้นำไม่หาย ผู้นำก็ต้องวางมือให้คลื่นลูกใหม่”
ทันใดนั้น หัวหน้าสามไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่
หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
“เด็กสาวอายุยี่สิบกว่าปี จะเป็นหมอเทวดาได้ยังไง”
หัวหน้ารองแสยะยิ้ม แล้วถามขึ้น
หัวหน้าสามท่าทีแข็งกร้าว “ฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอเป็นหมอเทวดา วันนี้เจียงสยงต้องลงจากตำแหน่ง!”
เจียงสยงพูดอย่างไม่ลังเลว่า “พวกนายเอาแต่พูด ไม่เชื่อว่าเธอเป็นหมอเทวดา งั้นหลายปีมานี้ พวกนายหาหมอเทวดามาให้ฉันมากมาย ก็รักษาฉันไม่ได้ ถึงขนาดที่การรักษาของพวกเขา ไม่มีประโยชน์กับฉันสักนิด”
“ทำไมยาที่เสียวหว่านให้ฉันกินติดต่อกันแค่สองเม็ด ถึงทำให้อาการของฉันคงที่ได้ วันนี้ฉันเกือบตาย แต่เธอช่วยชีวิตฉันกลับมา นี่ยังพิสูจน์ไม่ได้เหรอ ว่าเธอคือหมอเทวดา”
หัวหน้ารองส่ายหน้า “ใครจะไปรู้ว่าเธอทำได้ยังไง ไม่แน่อาจเป็นแค่ความบังเอิญ การรักษาของหมอเทวดาที่เชิญมาก่อนหน้านี้ อาจเพิ่งได้ผลกับคุณก็ได้”
“หัวหน้ารอง ตอนยังหนุ่ม คุณเคยผ่าตัดส่วนปอด แต่เพราะตอนนั้นเงื่อนไขการรักษาไม่ค่อยดี หลังผ่าตัดไม่ได้ทำให้อาการไอ มีเสมหะของคุณหาย และทำให้เสมหะสะสม จนขัดขวางทางเดินหายใจ ระบบหายใจไม่แข็งแรง”
“ตอนนี้อายุมากแล้ว อาการป่วยเกี่ยวกับปอดรุนแรงขึ้น ตอนนี้เป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น หัวหน้ารองน่าจะรู้แล้ว และเริ่มรักษาแล้วใช่ไหม”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด หมอที่คุณไปหา ผ่าตัดเอาปอดส่วนหนึ่งของคุณออกใช่ไหม”
“แต่สิ่งที่ฉันบอกคุณได้ก็คือ ถึงคุณผ่าตัด อย่างมากก็อยู่ได้อีกแค่สองปี”
ขณะนั้น เฝิงเสียวหว่านมองหัวหน้ารองแล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อเธอพูดออกมา สีหน้าของหัวหน้ารองตกใจมาก จู่ๆ ก็ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
เพราะเฝิงเสียวหว่านพูดถูก เขาปิดเรื่องนี้กับทุกคน นอกจากแพทย์เจ้าของไข้ ก็ไม่มีใครรู้
งั้นหมายความว่า เฝิงเสียวหว่านดูอาการของเขาออกจริงๆ
ตอนตรวจพบปัญหาพวกนี้ ต้องตรวจตั้งเยอะตั้งแยะ แถมวันที่สอง ถึงจะรู้ผล
แต่เฝิงเสียวหว่านเพิ่งเจอเขาวันแรก ถึงขนาดที่ไม่ได้แตะต้องตัวเขา ก็รู้อาการป่วยของเขา
หัวหน้ารองยังตกอยู่ในภวังค์ เฝิงเสียวหว่านมองไปยังหัวหน้าสี่ “หัวหน้าสี่ ประมาณสิบกว่าปีก่อน คุณเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสใช่ไหม แถมยังบาดเจ็บจนใกล้ตายด้วย”
“เธอรู้ได้ยังไง”
หัวหน้าสี่ถามขึ้นทันที
เฝิงเสียวหว่านไม่ได้อธิบาย และพูดต่อ “อวัยวะภายในของคุณ ได้รับบาดเจ็บภายในไม่เบา ไม่เพียงแค่นี้ ตอนคุณบาดเจ็บ คุณเอาหัวลงพื้น ทำให้มีเลือดคั่งในสมอง”
“ถึงอวัยวะภายในจะได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ส่วนที่มีเลือดคั่งในสมองคุณ อยู่ในส่วนความจำของคุณพอดี ทำให้ยากต่อการผ่าตัดมาก ถ้าผ่าตัด มีโอกาสรอดแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นจนถึงตอนนี้ หัวหน้าสี่ก็ยังไม่ได้ผ่าตัด”
“แต่ในระยะนี้ ความจำของหัวหน้าสี่แย่ลงเรื่อยๆ เรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนหน้าหลายๆ เรื่อง วันที่สองก็นึกไม่ออกแล้ว”
“สิ่งที่ฉันบอกได้ก็คือ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ไม่นาน แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน คุณก็จะจำไม่ได้ สุดท้าย แม้แต่ว่าตัวเองเป็นใคร คุณก็จะไม่รู้อีก”
สีหน้าหัวหน้าสี่ซีดเผือด เหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก
“อาการของฉัน หมอเทวดาน้อยรักษาได้ไหม” หัวหน้าสี่รีบถามขึ้น
เฝิงเสียวหว่านมองเขาเนิบๆ “ได้ แต่ฉันไม่อยากรักษาคุณ”
“ฉัน……”
สีหน้าหัวหน้าสี่ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“หัวหน้าห้า ในระยะนี้ คุณนอนไม่หลับ กลางวันไม่มีชีวิตชีวา มีหลายช่วง แม้แต่สองชั่วโมง ก็ไม่สามารถนอนหลับได้ใช่ไหม”
เฝิงเสียวหว่านมองไปยังหัวหน้าห้า พูดอาการของหัวหน้าห้าออกมา
จากนั้น หัวหน้าสามกับหัวหน้าห้า ก็โดนเฝิงเสียวหว่านบอกอาการป่วยออกมา
หัวหน้าทั้งห้า อย่างน้อยๆ ก็เป็นคนอายุห้าหกสิบปี เป็นคนมีอายุ แน่นอนว่าต้องมีโรคมาก
แต่สิ่งที่พวกเขาตกใจก็คือ เฝิงเสียวหว่านไม่ได้แตะตัวพวกเขาสักนิด แต่กลับพูดอาการป่วยของแต่ละคน ออกมาได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม สีหน้าหลากหลายอารมณ์
“ฮ่าๆ ดีๆๆๆ!”
จู่ๆ เจียงสยงอารมณ์ดี เขาหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นหลานสาวหมอเทวดาเฝิง ผู้สืบทอดวิชาแพทย์เพียงคนเดียว ชื่อเสียงสมคำร่ำลือตามคาด!”
“ตอนนี้พวกนายคิดว่าหมอเทวดาน้อยที่ฉันเชิญมา เป็นหมอไม่เก่งไหม”
เจียงสยงสีหน้าเย้ยหยัน กวาดตามองหน้าหัวหน้าทั้งห้าทีละคน
ตอนนี้ เจียงสยงรู้สึกอารมณ์เบิกบานมาก
ตาเฒ่าพวกนี้ จ้องผลประโยชน์จากตำแหน่งผู้นำตระกูลมาหลายปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีท่าทีแข็งกร้าว คงโดนคนพวกนี้ไล่ออกจากตำแหน่งตั้งนานแล้ว
เรียกได้ว่า วันนี้เป็นวันที่เขาอารมณ์ดีที่สุด ในรอบหลายปี
“แค่กลอุบายไม่ดีเท่านั้น เจียงสยงต้องเป็นคนบอกอาการของพวกเราให้เธอรู้ ไม่งั้นเธอไม่ได้ตรวจให้เรา จะรู้อาการป่วยของเราได้ยังไง”
หัวหน้าสามพูดขึ้นมาทันที ดวงตาเหมือนเยี่ยว ฉายแววอาฆาต
ตอนนี้เขาอยากฆ่าเฝิงเสียวหว่านมาก
ถึงแม้เขารู้ว่าเจียงสยงไม่มีทางบอกอาการป่วยของพวกเขา ให้เฝิงเสียวหว่านรู้ แต่การจะทำอะไร จำเป็นต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม
เฝิงเสียวหว่านไม่ตาย จะต้องรักษาเจียงสยงหายแน่นอน ต่อไปถ้าจะแตะต้องทรัพย์สินของเจียงสยง คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
หัวหน้ารองก็พูดขึ้นว่า “ใช่ เธอต้องรู้อาการของพวกเรามาก่อนแน่นอน ถึงพูดออกมาได้แม่นยำขนาดนี้”