The king of War - บทที่ 979 เจียงหวาผู้ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม
ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลางสิบกว่าคน ล้มลงบนพื้นทั้งหมด
“บอกมา ใครส่งพวกนายมา”
หยางเฉินกวาดตามองทุกคน แล้วถามอย่างเย็นชา
“ไอ้หนุ่ม อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น ไม่งั้นนายจะเสียใจแน่นอน!”
หัวหน้าผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง กัดฟันพูดออกมา
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ไม่หวาดกลัวหยางเฉินสักนิด
เมื่อเห็นภาพนี้ หยางเฉินยิ่งรู้สึกตกใจ
คนพวกนี้ เป็นใครกันแน่
เดิมทีหยางเฉินยังเดาว่า คนพวกนี้มาตระกูลเจียง บางทีอาจเป็นเพราะเขา แต่ดูเหมือนตอนนี้ น่าจะไม่ใช่
ไม่งั้นอีกฝ่ายของไม่บอกหยางเฉินว่า อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น
“ในเมื่อไม่พูด งั้นคงทำได้แต่ส่งนายไปตาย”
หยางเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถีบลงไปทันที
“กรอบ!”
หัวหน้าผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง ถูกหยางเฉินถีบจนคอหักทันที สิ้นลมภายในพริบตา
ตระกูลเจียงเต็มไปด้วยความเงียบ ทุกคนช็อกเป็นอย่างมาก
ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน เหมือนมดที่อยู่ในมือหยางเฉิน โดนบดขยี้ด้วยเท้า ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง ตายไปแล้วหนึ่งคนงั้นเหรอ
“บอกฉันมา พวกนายเป็นใคร มาที่ตระกูลเจียงทำไม”
แววตาของหยางเฉินเป็นประกาย มองไปที่ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง อีกหนึ่งคน
“ไอ้หนุ่ม นายต้องเสียใจ! นายจะต้องเสียใจ!”
เมื่อโดนหยางเฉินจ้อง เหมือนอีกฝ่ายไม่กลัวสักนิด ตอนมองมายังหยางเฉิน แววตามีเพียงความอาฆาตและดูหมิ่น
วินาทีต่อมา เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง
เห็นเหล่าผ้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลาง ที่เหลือสิบกว่าคน ต่างพากันน้ำลายฟูมปาก และชักไม่หยุด
จากนั้น ทุกคนก็สิ้นลมหายใจ
คนของตระกูลเจียง พากันเบิกตาโต ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลางสิบกว่าคน ตายแบบนี้เหรอ
คนพวกนี้ ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง ระดับที่อยู่ในฝ่ายหลักของตระกูลเจียง!
เจียงสยงสีหน้าอึมครึม ผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นกลางสิบกว่าคน พูดว่าตายก็ตาย ถึงเป็นตระกูลเดอะคิง ก็ไม่มีทางรับการสูญเสีย ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก
“ตายหมดแล้ว!”
ขณะนั้น เฝิงเสียวหว่านเดินมาข้างหยางเฉิน พูดด้วยสีหน้าซีดเผือด “ในร่างกายของพวกเขาทุกคน มีหนอนดูดจิต”
“นั่นแสดงว่า พวกเขาโดนหนอนดูดจิต ที่อยู่ในร่างกายฆ่าตายเหรอ”
หยางเฉินถามอย่างตกใจ
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้าเบาๆ “หนอนดูดจิตรุนแรงตามธรรมชาติ ไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นพลังหัวใจได้ ยังสามารถดูดจิตได้เช่นกัน อีกทั้งหนอนดูดจิต ยังถูกควบคุมโดยพญาหนอนดูดจิต ส่วนพญาหนอนดูดจิต ถูกควบคุมโดยคนที่เชี่ยวชาญเรื่องพิษกู่”
“และระหว่างพญาหนอนกับหนอนดูดจิต จะไม่สามารถห่างไกลกันจนเกินไป ถ้าไกลเกินไป การติดต่อระหว่างพวกเขาจะถูกตัดขาด”
เมื่อฟังเฝิงเสียวหว่านอธิบาย คนในตระกูลเจียง ถึงกับอ้าปากค้าง
“ระยะห่างที่พญาหนอน ควบคุมหนอนดูดจิตไกลแค่ไหน”
หยางเฉินถามขึ้นอีก
“ยึดตามสภาพของพญาหนอน แต่พญาหนอนที่สามารถควบคุมหนอนดูดจิตเป็นสิบตัว ได้ภายในครั้งเดียว ต้องเป็นประเภทที่มีพลังแข็งแกร่ง ในสถานการณ์เช่นนี้ ระยะทางที่มีประสิทธิภาพ ที่พญาหนอนจะควบคุมพิษกู่ได้ น่าจะประมาณสิบกิโลเมตร”
เฝิงเสียวหว่านพูดตามความเป็นจริง
“เธอมีวิธีหาพญาหนอนหรือเปล่า”
หยางเฉินถามอย่างคาดหวัง
เฝิงเสียวหว่านส่ายหน้า “มีเพียงปรมาจารย์วิชากู่ ที่รู้เรื่องพิษกู่เท่านั้น ถึงจะหาเจอ”
“ผู้อาวุโสเจียง ระยะทางสิบกิโลเมตร ในตระกูลเจียง มีตระกูลชั้นนำ ตระกูลไหนบ้าง”
หยางเฉินมองเจียงสยง แล้วถามขึ้น
“ตระกูลหลิน!”
ดวงตาของผู้อาวุโสเจียงล้ำลึกขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ หลินเทียนเสียง เจ้าบ้านตระกูลหลิน มาให้เสียวหว่านรักษาอาการป่วย เหมือนในร่างกายเขามีหนอนดูดจิตด้วยใช่ไหม”
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้า “หนอนดูดจิตในตัวเจ้าบ้านหลิน น่าจะมีมาหลายปีมาแล้ว หนอนดูดจิตจึงคุ้นเคยกับสภาวะในร่างกายเขา เจ้าบ้านหลินสามารถโดนหนอนดูดจิต ดูดจิตจนตายได้”
จู่ๆ เจียงสยงเงียบไป แววตาทั้งสองข้างวูบไหว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หยางเฉินรู้สึกกังวลในใจ ถ้าพูดว่าบนโลกนี้ คนที่รับมือยากที่สุดคือใคร ปรมาจารย์พิษกู่ ของเมืองเหมียว ต้องอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน
ตอนอยู่ที่ชายแดนเหนือในตอนนั้น เขาเคยสู้กับปรมาจารย์พิษกู่ ของประเทศศัตรูคนหนึ่ง ประเทศศัตรูส่งปรมาจารย์พิษกู่มาเกือบร้อยคน ปรมาจารย์พิษกู่แต่ละคน ล้วนควบคุมหน่วยกล้าตายหลายสิบคน
หน่วยกล้าตายที่โดนปรมาจารย์พิษกู่ควบคุม ความสามารถในการต่อสู้ น่าตกใจเป็นอย่างมาก เหมือนพวกเขา ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย ในแววตามีเพียงความอาฆาต
การสู้ครั้งนั้น ชายแดนเหนือสูญเสียไปมากมาย สุดท้ายหยางเฉินต้องออกโรงเอง บุกเข้าไปในรังศัตรู ฆ่าปรมาจารย์พิษกู่ ของประเทศศัตรูจนหมด ชายแดนเหนือจึงพลิกกลับมาชนะ
คิดไม่ถึง เวลาห่างไปหลายปี จะเจอปรมาจารย์พิษกู่ในเมืองกษัตริย์กวน
“เจียงหวา บอกมาเถอะ ใครเป็นคนบงการนาย”
จู่ๆ เสียงของเจียงสยงดังขึ้น หยางเฉินจึงมองไปทางหัวหน้าสาม
ตอนนี้หัวหน้าสาม ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองอีกแล้ว ดูซอมซ่อ และตื่นตระหนกมาก
“เจียงสยง ถึงฉันตาย นายก็อย่าหวังว่าจะได้รู้ ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังฉันเป็นใคร!”
หัวหน้าสามสีหน้าโหดเหี้ยม หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วพูดว่า “ผู้แข็งแกร่งแดนราชา ตายในตระกูลเจียงเยอะขนาดนี้ พวกเขาไม่ปล่อยตระกูลเจียงแน่นอน ในเมื่อฉันไม่ได้ตระกูลเจียง งั้นตระกูลเจียงก็ต้องย่อยยับ! ฮ่าๆๆๆ……”
“หุบปาก!”
เจียงสยงตวาดอย่างโมโห สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “นี่เป็นบ้านของนาย นายอยากให้ตระกูลเจียงย่อยยับ จนทนไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“บอกฉันมา ใครอยู่เบื้องหลังนาย ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนของฝ่ายสาม ฉันจะปล่อยไป”
สีหน้าของหัวหน้าสาม ไม่มีความกังวลเลยสักนิด เขาแสยะยิ้มเย็นชา “ฉันจะตายแล้ว จะไปสนใจความเป็นความตายของฝ่ายสามทำไม จะฆ่าจะแกง ก็แล้วแต่นายจะทำ ให้ดีฆ่าคนของฝ่ายสามทั้งหมด จะได้ไปใต้พิภพเป็นเพื่อฉัน ฮ่าๆๆๆ……”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าสาม คนฝ่ายสามแต่ละคน หน้าซีดสุดขีด
“พ่อกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร อย่าบอกนะว่า ในสายตาของพ่อ มีเพียงแค่อำนาจเท่านั้น ขนาดความเป็นความตายของเรา พ่อก็ไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ”
ลูกชายของหัวหน้าสาม ถามหัวหน้าสาม ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ใช่ ความเป็นความตายของพวกนาย ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด ถ้าเอาชีวิตของพวกนาย มาแลกกับตำแหน่งของฉันได้ ฉันจะไม่ลังเลเลย!”
หัวหน้าสามไร้เยื่อใยเป็นอย่างมาก
หยางเฉินเจอคนมาเยอะ และเจอคนไร้ความรู้สึกมาเยอะเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอคนที่ไร้เยื่อใยอย่างหัวหน้าสามเลย
หยางเฉินไม่เห็นความเศร้า ในแววตาหัวหน้าสามสักนิด แต่กลับมีเพียงความอาฆาตที่รุนแรงไม่สิ้นสุด
เขาไม่สงสัยสักนิด ถ้าหัวหน้าสามมีโอกาส เขาไม่มีทางปล่อยเจียงสยงไปแน่นอน
ลูกชายของหัวหน้าสาม หน้าซีดมาก พูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยตัวเอง “ที่แท้ เราเป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้พ่อได้ตำแหน่งสูงเท่านั้น”
“เจียงหวา นายใจร้ายเกินไปแล้ว นอกจากอำนาจ นายไม่มีความรู้สึกกับตระกูลเจียงสักนิดเลยเหรอ”
เจียงสยงถามอย่างโมโห
ถึงเขามีความคิดอยากฆ่าหัวหน้าสามมาก แต่ก็อยากหาเหตุผลให้หัวหน้าสามมีชีวิตอยู่ต่อ เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย ว่าหัวหน้าสามจะเป็นคนไร้ความรู้สึกเช่นนี้
“เจียงหวา เห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เอาคนที่อยู่เบื้องหลังนายออกมาเถอะ บางทีผู้นำอาจให้โอกาสนายสักครั้งก็ได้”
“ความสัมพันธ์หลายปีมานี้ ฉันไม่เชื่อว่านายจะไร้เยื่อใยแบบนี้ นายเป็นคนตระกูลเจียง และเป็นหัวหน้าสามของตระกูลเจียง อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงทำเรื่องที่ทำร้ายตระกูลเจียง เพื่อเพียงอำนาจ”
“ใช่ เราเป็นคนที่ดินใกล้จะกลบหน้าแล้ว จะทำเพื่ออำนาจไปทำไม”
ทันใดนั้น หัวหน้าฝ่ายอื่น ต่างพากันเกลี้ยกล่อม