The king of War - บทที่ 983 ตระกูลหลินแตกหัก
เจียงสยงก็สัมผัสได้เหมือนกัน เขาพยักหน้าเบาๆ พูดด้วยสีหน้าสับสน “แค่หลังจากตระกูลหลินเกิดการเปลี่ยนแปลง บางทีอาจเรียกว่าตระกูลหลินได้เต็มปาก”
ถึงในเมืองกษัตริย์กวน จะมีสี่ตระกูลใหญ่ แต่หลายปีมานี้ เพราะอาการป่วยของหลินเทียนเสียง หนักขึ้นเรื่อยๆ ลูกและแต่ละฝ่าย ต่างช่วงชิงกันไม่หยุด จนทำให้พละกำลังของตระกูลหลินลดลงมาก
เรียกได้ว่า ตระกูลหลินในตอนนี้ ไม่ได้มีพละกำลังไร้เทียมทาน ในสามตระกูลใหญ่แล้ว
“คุณหยาง เราจะเข้าไปไหม”
เจียงสยงลังเลเล็กน้อย หันไปมองหยางเฉินแล้วถามขึ้น
หยางเฉินพูดอย่างลึกซึ้ง “บางที เราอาจช่วยเจ้าบ้านหลินได้นิดหน่อย ไปกันเถอะ!”
“ครับ!”
เจียงสยงพาหยางเฉินเดินเข้าไป ขณะทั้งสองกำลังจะเข้าไปในตระกูลหลิน โดนผู้คุ้มกันสองคน ขวางทางเอาไว้
“ฉันเจียงสยง ผู้นำตระกูลเจียง ท่านนี้คือคุณหยาง เรามาเยี่ยมเจ้าบ้านหลิน รบกวนช่วยไปแจ้งด้วย!”
เจียงสยงเอ่ยขึ้น
“เจ้าบ้านเจียง ขอโทษเป็นอย่างยิ่ง เจ้าบ้านหลินเสียชีวิตแล้ว ตระกูลหลินต้องจัดงานศพผู้นำ จึงไม่ต้อนรับแขกชั่วคราวครับ”
เมื่อรู้ตัวตนของเจียงสยง ผู้คุ้มกันมีสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้คุ้มกัน หยางเฉินกับเจียงสยงถึงกับอึ้ง
“เจ้าบ้านหลิน เสียชีวิตแล้วงั้นเหรอ เกิดขึ้นตอนไหน”
หลังทั้งสองมองหน้ากัน เจียงสยงจึงถามขึ้น
“ผู้นำป่วยหนักมาหลายปี วันนี้ตอนเช้า ประกาศว่าป่วยอันตรายถึงชีวิต จากนั้นหลินเฮ่าก็พาผู้นำไปหาหมอ ตอนกลับมา ผู้นำก็เสียชีวิตแล้ว”
ผู้คุ้มกันพูดตามความจริง
ผู้คุ้มกันดูเหมือนไม่ได้พูดโกหก และไม่จำเป็นต้องทำด้วย งั้นแสดงว่า หลินเทียงเสียงแกล้งทำเป็นตาย
ไม่นาน หลินเทียงเสียงเดาเจตนาของหลินเทียนเสียงได้
ถึงเจียงสยงเดาเจตนาของหลินเทียนเสียงได้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา มองหยางเฉินเหมือนสอบถาม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราค่อยมาเยี่ยมวันอื่นแล้วกัน!”
หยางเฉินยิ้มบางๆ จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นรถ
“ออกรถ!”
หลังเจียงสยงขึ้นมาบนรถ ก็พูดสั่งคนขับรถ
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป เจียงสยงถามขึ้นมาว่า “คุณหยาง เราจะกลับจริงเหรอ”
หยางเฉินส่ายหน้า “จอดตรงทางหลวงข้างหน้า คุณกลับไปก่อน”
เจียงสยงเข้าใจทันทีว่าหยางเฉินจะทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าถามมาก จึงพูดตอบว่า “ครับ!”
กว่าจะถึงทางหลวง ยังอีกพักหนึ่ง จู่ๆ หยางเฉินถามว่า “คุณบอกว่า ตอนหลินเทียนเสียงยังหนุ่ม เคยอยู่ที่เมืองเหมียวระยะหนึ่งใช่ไหม”
การที่พวกเขามาตระกูลหลิน เพราะเจียงสยงบอกหยางเฉินว่า หลินเทียนเสียงเคยอยู่ที่เมืองเหมียวระยะหนึ่ง
หยางเฉินเคยเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือ ถึงแม้จะออกมาแล้ว แต่เขายังคงต้องปกป้องจิ่วโจว
เรื่องที่เกิดในตระกูลเจียงวันนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย
คนของเผ่าเหมียว ปลอมเป็นหัวหน้าสาม พยายามจะควบคุมอำนาจตระกูลเจียง ก่อนเหมียวเจิ้งเฟิงจะตาย ก็พูดเพียงว่า เขามาเพราะคำสั่งอาจารย์
อีกทั้งตระกูลเจียง ไม่เคยรู้จักกับคนของเมืองเหมียว นั่นแสดงว่า เมืองเหมียวกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง
อีกทั้งในตระกูลคิงเซว มีกุ่ยเจี้ยนโฉวคนของเมืองเหมียว โผล่มาด้วย
ขนาดหยางเฉิน ยังโดนกุ่ยเจี้ยนโฉวเล่นงานมาแล้ว
ความมั่นคงของสี่แดนในจิ่วโจว สี่ราชวงศ์ และตระกูลเดอะคิงทั้งห้า เป็นสิ่งสำคัญกับจิ่วโจวมาก
ครั้งนี้ที่เขามาเมืองกษัตริย์กวน ผู้อาวุโสเฝิงถึงให้ต่งจ้านกังติดตามมาด้วย เพราะกังวลว่าเขาจะทำเป็นเรื่องใหญ่ และจัดการไม่ได้
ถ้าเมืองเหมียวโลภอยากเอาเมืองกษัตริย์กวน นั่นจะเป็นภัยแฝงขนาดใหญ่ของเมืองหลวง ดังนั้นหยางเฉินต้องรู้เรื่องคนของเมืองเหมียวให้แน่ชัด ว่ามาโผล่ในเมืองกษัตริย์กวนทำไม
ตอนนี้ สีหน้าของเจียงสยง เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ “ตอนนั้น หลินเทียนเสียง ไม่ใช่สายเลือดทางตรงของตระกูลหลิน ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งผู้นำของตระกูลหลินเลย”
“น่าจะตอนที่เขาอายุประมาณยี่สิบปี เขาถูกตระกูล ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ยังเมืองเหมียว ส่วนหน้าที่อะไรนั้น ผมไม่แน่ใจ รู้เพียงว่าการปฏิบัติหน้าที่ยังเมืองเหมียวในครั้งนั้นล้มเหลว”
“ล้มเหลวงั้นเหรอ”
หยางเฉินตกใจเล็กน้อย
ตอนหลินเทียนเสียงอายุยี่สิบปี เป็นเพียงสายเลือดทางอ้อม ในสายตาของคนเมืองเหมียว ก็คงเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อเขาทำหน้าที่ล้มเหลว แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก
เจียงสยงพยักหน้า “ล้มเหลวจริงๆ ครับ ว่ากันว่าการที่เขาสามารถรอดออกมาจากเมืองเหมียวได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่ง”
“และการไปเผ่าเหมียวในครั้งนี้ ทำให้วิถีบู๊ของหลินเทียนเสียง ก้าวหน้าขึ้นมาก เพียงพริบตาก็กลายเป็นผู้มีความสามารถด้านวิถีบู๊ ในบรรดาคนอายุน้อยของตระกูลหลิน”
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝ่ายหลินเทียนเสียง สนับสนุนให้เขาเลื่อนตำแหน่ง ตอนเขาอายุสี่สิบปี เจ้าบ้านตระกูลหลินคนก่อนหน้า เสียชีวิต ตระกูลหลินต่อสู้แย่งชิงไม่จบไม่สิ้น สุดท้าย หลินเทียนเสียงกลับเป็นคนที่ได้ประโยชน์ และกลายเป็นผู้นำตระกูลหลิน”
“ดังนั้นถ้าจะพูดว่าใครในเมืองกษัตริย์กวน ที่คุ้นเคยกับเมืองเหมียวที่สุด คงหนีไม่พ้นหลินเทียนเสียง!”
“สิ่งที่ผมรู้มีเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเหมียวตอนนั้นคืออะไร วิถีบู๊ของหลินเทียนเสียง ก้าวหน้าขึ้นได้อย่างไร ผมไม่รู้”
เมื่อได้ยินที่เจียงสยงพูด หยางเฉินทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่
ผ่านไปนาน เขาจึงพูดว่า “ดูเหมือนว่า หลินเทียนเสียงมีวันนี้ได้ ต้องเป็นเพราะผู้หญิงที่ช่วยเขาในเมืองเหมียว”
ขณะที่พูด ถึงถนนหลวงแล้ว เจียงสยงบอกให้คนขับจอดรถ
“คุณหยาง จะลงรถตรงนี้เหรอครับ”
เจียงสยงถามขึ้น
หยางเฉินพยักหน้า “คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวผมขอไปสักรอบ!”
“ครับ!”
เจียงสยงพยักหน้า หลังจากหยางเฉินลงรถ เขาจึงพูดว่า “ครั้งนี้ตระกูลหลินได้รับโชคดีแล้ว”
เขารู้ดีอยู่แล้ว หยางเฉินจะไปทำอะไรที่ตระกูลหลิน
และเขาก็รู้ว่า ตอนนี้ตระกูลหลิน กำลังเผชิญกับอะไร
ถ้าตระกูลหลินสามารถพึ่งพาต้นไม้ใหญ่ อย่างหยางเฉินได้ ตระกูลหลินจะไม่มีวันล่มสลาย
ในขณะเดียวกันที่ตระกูลหลิน
ในห้องประชุมใหญ่ ล้วนเป็นผู้มีอำนาจแต่ละฝ่ายของตระกูลหลิน ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียด แต่ละฝ่ายต่างโมโห
“ในเมื่อผู้นำตายไปแล้ว ตำแหน่งผู้นำ เหมาะสมที่จะเป็นของฝ่ายหลักของฉัน คนเป็นลูกชายคนโตอย่างฉัน ตำแหน่งผู้นำ ต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง พูดด้วยท่าทีดุดัน
“หลินหลาง นายพูดแบบนี้ ไร้ยางอายไปหน่อยไหม ถูกต้องที่นายเป็นลูกชายคนโตของผู้นำ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ เป็นของหลินเฮ่า น้องสามของนายไม่ใช่เหรอ”
อีกด้านหนึ่ง ชายใบหน้าวัยกลางคน แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าคิดแบบนี้จริง หลินเฮ่าควรเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ”
“หึ!”
หลินหลางสีหน้าจองหอง “เพราะพ่อฉันป่วยเกินเยียวยา อยู่ในอาการสติเลอะเลือน จึงให้หลินเฮ่า กลายเป็นผู้สืบทอด”
“อีกอย่าง หลินเฮ่าเป็นแค่ผู้สืบทอดเท่านั้น ตามกฎของตระกูลหลิน แค่ผู้นำวางมือให้คลื่นลูกใหม่ ผู้สืบทอดถึงจะรับตำแหน่งได้”
“แต่หลินเฮ่ายังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่ง พ่อฉันก็จากไปเพราะอาการป่วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งผู้นำ จึงไม่เกี่ยวข้องกับเขา”
“ฉันเป็นลูกชายคนโตของตระกูลหลิน มีเพียงฉันที่สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ถึงจะเหมาะสมที่สุด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลาง ผู้มีอำนาจของตระกูลหลินคนหนึ่ง หัวเราะพรืด “อย่ามาทำเป็นพูดแบบมีความชอบธรรม ผู้สืบทอดหมายความว่าอะไร นายรู้ดีกว่าพวกเรา”
“นายไม่ต้องพูดคำไร้สาระพวกนี้ พวกเราล้วนอยากสืบทอดตำแหน่งผู้นำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็สู้กันอย่างยุติธรรม อย่ามาทำเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้”
ตอนนี้ตระกูลหลิน พละกำลังในฝ่ายหลัก ฝ่ายรอง และฝ่ายสาม แข็งแกร่งที่สุด หลังที่แจ้งว่าหลินเทียนเสียง ป่วยจนอันตรายถึงชีวิต สามฝ่ายนี้ก็เริ่มแก่งแย่งช่วงชิง
“ผู้นำเพิ่งจากไปกะทันหัน เพราะอาการป่วย ศพยังไม่ทันเย็น พวกนายก็สร้างความวุ่นวายภายในแล้วเหรอ”
ขณะนั้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการเสียดสี ดังขึ้นที่หน้าประตู
ทันใดนั้น ทุกคนหันไปมอง เมื่อพวกเขาเห็นหลินเฮ่า ฝ่ายหลักอย่างหลินหลาง หัวหน้าฝ่ายรอง และหัวหน้าฝ่ายสาม ถึงกับสีหน้าอึมครึมเป็นอย่างมาก