The Lord’s Empire - ตอนที่ 860-866
ตอนที่ 860
ดวงตาคู่นั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ เพียงแค่มองไปยังจ้าวฝูอย่างสงบ
จ้าวฝูรู้สึกอึดอัดที่จู่ ๆก็ถูกมองเช่นนี้ แม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่จ้าวฝูก็ไม่ชอบดาบเล่มนี้มากนัก เขาไม่รู้ว่ากลุ่มลึกลับนี้เป็นใครและทำไมพวกเขาถึงมอบวิฬาร์กระจ่างให้แก่เขา
พวกเขารู้ว่าจ้าวฝูไม่ใช่คนใจดีอะไร แล้วทำไมพวกเขาถึงส่งดาบเล่มนี้มาให้เขา? จ้าวฝูไม่ค่อยเข้าใจนัก
ดาบเล่มนี้ไม่เหมาะกับเขาจริงๆ และเขาก็ไม่ต้องการใช้มันเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด และนี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวฝูไม่ต้องการใช้ดาบ ไม่ใช่เพราะคุณภาพของมันไม่ดีพอ ดาบวิฬาร์กระจ่างเป็นหนึ่งในดาบที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพสูงสุดในประเทศจีนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม จ้าวฝู ไม่ต้องการใช้มัน ไม่ใช่เพราะเขาดูถูก แต่เป็นเพราะเขาเดินไปคนละเส้นทาง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมอบมันให้กับคนที่เหมาะสมกว่า
ดาบที่จ้าวฝูมีอยู่บางอันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความมืด ดาบเซราฟและดาบไม้ราชวงศ์มีแสงสว่างเป็นส่วนประกอบ แต่นั่นเป็นเพียงในแง่ของคุณสมบัติเท่านั้น พลังแห่งจักรพรรดิของจ้าวฝูเป็นหนึ่งในการบังคับบัญชา ดังนั้นแสงสว่างหรือความมืดล้วนไม่สำคัญ ทำให้เขาสามารถใช้มันทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม ดาบเล่มนี้แผ่ปราณดาบที่เต็มไปด้วยความเมตตา จ้าวฝูไม่ใช่คนจิตใจดี ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมกับเขาอย่างยิ่ง
จ้าวฝู วางดาบกลับเข้าไปในกล่องและตัดสินใจดูว่าเขาจะมอบให้ใครได้บ้าง อย่างไรก็ตาม จ้าวฝูรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าดวงตานั้นไม่ได้หายไป – ดูเหมือนว่าจะยังคงอยู่ในใจของเขา มองมายังเขาอย่างสงบ เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่เอาดาบคืนเหรอ? ทำไมเขาถึงยังสัมผัสมันได้?
จ้าวฝูรู้สึกแปลกใจมากและมอบดาบให้กับผู้คุ้มกันทันทีและให้เขาหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้คุ้มกันหยิบมันขึ้นมา เขาก็ส่ายหัวบ่งบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไร สำหรับเขา ดาบเล่มนี้เป็นเพียงดาบธรรมดา
จ้าวฝูยังคงไม่เชื่อและมอบดาบให้กับคนอื่นและเขายังให้คนผู้นั้นแกว่งมันไปมา อย่างไรก็ตาม บุคคลนั้นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ จ้าวฝูมั่นใจแล้วว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนั้นเมื่อเขาหยิบดาบขึ้นมา เป็นไปได้มากว่าดาบสามารถมองเห็นตัวตนของเขาได้ แม้ว่าจ้าวฝูจะซ่อนมันจากผู้คนได้ แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนจากมันได้เนื่องจากพวกเขาสามารถมองเห็นส่วนลึกของตน
แน่นอนว่าดาบเล่มนี้ไม่ได้ส่งมาจากฝ่ายลึกลับสักฝ่ายนึงเพื่อทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
จ้าวฝูไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ทำไมฝ่ายลึกลับถึงมอบดาบให้เขาเช่นนี้ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าใครคือกลุ่มลึกลับนี้
บันทึกทางประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า ดาบวิฬารกระจ่างถูกส่งต่อจากคนสู่คนในช่วงราชวงศ์ถัง เสว่เหรินกุ้ยได้รับมาและจากนั้นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของราชวงศ์ซ่งใต้ นามหยุนเฟยก็ได้ครอบครองมัน หลังจากที่หยุนเฟยและลูกชายของเขาถูกสังหาร ดาบวิฬารกระจ่างก็หายสาปสูญ
อย่างไรก็ตาม จ้าวฝูรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเท็จ ตั้งแต่แรกเริ่ม ดาบวิฬารกระจ่างเป็นดาบสำหรับราชา คนธรรมดาหรือแม้แต่แม่ทัพธรรมดาก็ไม่สามารถใช้มันได้ มีเพียงแค่ราชาเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับจากดาบเล่มนี้ อย่างน้อยที่สุดนั่นคือสิ่งที่จ้าวฝูเชื่อ
จ้าวฝูไม่สามารถทำอะไรได้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้และวางดาบทิ้งไว้ก่อนที่จะมองไปยังหญิงสาวและพูดว่า“ ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย อย่าเสียใจกับการกระทำของตนเองและอย่าโทษข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวทุกคนก็พูดอย่างดีใจ “ขอบคุณ!”
มีบางคนเช่นนางแบบคนก่อนหน้านี้ พูดอย่างเย็นชา“ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเจ้า ห้ามพูดอะไรไม่ดีกับพวกเราให้ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินได้ยิน ไม่เช่นนั้น ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าพูดถึงเขาไป ปิดปากกันและกัน!”
“ ตราบใดที่ไม่มีใครพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรา ด้วยรูปลักษณ์และสถานะของเรา ข้าแน่ใจว่าผู้สืบทอดมรดกต้าฉินจะชอบเราตราบเท่าที่เจ้าไม่พูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรา!”
จ้าวฝูไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ก่อนหน้านี้เขาเคยจินตนาการถึงการอยู่ร่วมกับผู้หญิงแบบนี้มาก่อน แต่นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงทั่วไป
ในท้ายที่สุด จ้าวฝูก็ทำได้เพียงนำพวกเขาไปยังต้าฉินเท่านั้น เนื่องจากทุกภูมิภาคเชื่อมต่อกันแล้ว การเดินทางจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
“ ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ในต้าฉินแล้ว!”
หลังจากผ่านช่องทางเทเลพอร์ตแล้ว จ้าวฝูก็พาหญิงสาวเหล่านี้ไปยังนครต้าฉิน เมื่อมองไปที่อาคารขนาดใหญ่และถนนที่กว้างและคึกคัก พวกเธอรู้สึกประหลาดใจในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็นฉากนี้ แม้แต่รายการโทรทัศน์ก็ไม่สามารถสื่อถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิได้ดีเท่าการเห็นของจริง
มีคนพาจ้าวฝูและเหล่าหญิงสาวไปที่ราชวัง และในขณะที่เขากำลังคิดถึงนางบำเรอเหล่านี้ เขาจำได้ว่าพวกเขาบางคนเย็นชาและเย่อหยิ่งแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่สาวนางแบบและเชิดคางของเธอขึ้น
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในวังของต้าฉิน ดังนั้นจ้าวฝูจึงไม่รั้งตัวเองไว้ แต่เขาทำให้หญิงสาวทุกคนตกใจมาก พวกเธอทั้งหมดเป็นของขวัญให้กับผู้สืบทอดมรดกต้าฉิน และตอนนี้พวกนางก็เป็นของเขาแล้ว จ้าวฝูเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้สืบทอดมรดกต้าฉินแต่เขากล้าที่จะทำเช่นนี้กับพวกนางได้ยังไง
จ้าวฝูผู้นี้กล้าหาญเกินไป! ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือภายในพระราชวัง – เขาไม่กลัวโนฆ่าตายหรือ? เขาโง่เกินไป! หญิงสาวทุกคนตกตะลึงเมื่อสังเกตเห็นความเคารพของทุกคนต่อจ้าวฝู
นางแบบตบมือของจ้าวฝูออกอย่างเย็นชาและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า“ เจ้าทำอะไร!?”
นักร้องสาวรีบเดินเข้าไปหาและพูดว่า“ ไม่มีใครเห็นสิ่งนี้ แต่จ้าวฝู จ้าวอยากตายมากงั้นหรือ? หากเจ้าพยายามที่จะทำอะไรกับเรา ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!
“ นอกจากนี้ พี่จาง ข้าแน่ใจว่าท่านไม่ต้องการให้ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินรู้เรื่องนี้เช่นกัน ทุกคนลองแสร้งทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและรอให้ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินมา โปรดอย่าสร้างปัญหาใด ๆ !”
จ้าวฝูหัวเราะเบา ๆ นางแบบที่ชื่อว่าพี่จางจ้องมาที่เขาอย่างเย็นชาไม่ต้องการเอาความเรื่องนี้ต่อ ท้ายที่สุด หากผู้สืบทอดมรดกต้าฉินได้ยินเรื่องนี้ก็คงจะไม่ดีสำหรับเธอเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น จ้าวฝูยื่นมือออกไปและลูบใบหน้าของนักร้องสาว สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวทุกคนอ้าปากค้าง – จ้าวฝูดื้อด้านเกินไปและกล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่สมควร การจีบหญิงสาวของผู้สืบทอดมรดกต้าฉินครั้งหนึ่งอาจถูกมองข้ามไปได้ แต่นี่เป็นครั้งที่สองและเขาเริ่มไม่ควบคุมตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
จ้าวฝูไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป! เป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นดารามากขนาดนี้มาก่อน? เขาจะต้องตายอย่างสาหัสแน่นอน ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินจะฆ่าเขาแน่นอน!
ตอนที่ 861
ไม่มีผู้ชายคนไหนจะยอมให้ชายอื่นแตะต้องผู้หญิงของตน และสิ่งนี้ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผู้สืบทอดมรดกต้าฉิน ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเขาโหดร้ายและเลือดเย็นเพียงใด จ้าวฝูจะต้องตายอย่างน่าสยดสยองแน่นอน
ใบหน้าของนักร้องสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอรีบผลักมือของจ้าวฝูออกไป และพูดด้วยความโกรธว่า“ เจ้าจะเกินไปแล้วนะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ จ้าวฝูก็อดที่จะยิ้มไม่ได้และพูดว่า“ เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว ข้าสัมผัสเจ้าไม่ได้รึ”
หญิงสาวยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวฝูถึงเรียกพวกนางว่าผู้หญิงของเขา
ในขณะนั้น สาวใช้ในวังที่รับผิดชอบในการพาพวกเขามาที่นี่ก็เข้ามาและโค้งคำนับให้จ้าวฝู แล้วตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพ
ตอนนี้มีเพียง 30 คนเท่านั้นที่ตระหนักถึงความจริง พวกนางมองไปที่จ้าวฝูด้วยความตกตะลึง – ไม่มีใครคาดคิดว่าจ้าวฝูจะเป็น ผู้สืบทอดมรดกต้าฉิน! นี่เป็นเหตุการณ์พลิกผันที่น่าตกใจอย่างมาก
คนสองคนที่แตกต่างกันมาก จริงๆแล้วเป็นคนคนเดียวกัน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเขาจะน่ากลัวขนาดนี้
เมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ใบหน้าของหญิงสาวทุกคนก็ซีดเซียวและพวกเธอก็รีบคุกเข่าขณะร้องว่า“ ฝ่าบาท เราขออภัย! พวกเราไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร!”
จ้าวฝูไม่สนใจมากนักและพยักหน้าเบา ๆ ตอนนี้ นางแบบสาวหวาดกลัวที่สุดแล้ว เมื่อนึกถึงวิธีที่เธอปฏิบัติผู้สืบทอดมรดกต้าฉิน ด้วยความเย็นชาแค่ไหน มีโอกาสมากที่เธอจะถูกทรมานจนตาย
เธอเคยได้ยินมาว่า ผู้สืบทอดมรดกต้าฉินมักจะถลกหนังศัตรูหรือหักกระดูกและตัดเนื้อออกทีละนิด เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนั้นนางแบบสาวก็เริ่มร้องไห้ด้วยความกลัว เธอเกาะขาของจ้าวฝูขณะที่เธอร้องไห้ “ ข้าขอโทษ ฝ่าบาท ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านเป็นใคร ข้าขอโทษ. โปรดยกโทษให้ข้าและปล่อยให้ข้ามีชีวิตด้วยเถอะ แน่นอน ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านสั่งเลย!”
เมื่อเห็นว่าเธอดูหวาดกลัวเพียงใด จ้าวฝูก็พยักหน้าเบา ๆ จ้าวฝูมีประสบการณ์นี้มามากพอสมควร และเมื่อเห็นว่าจ้าวฝูไม่มีเจตนาที่จะตำหนิเธอ นางแบบสาวก็ผ่อนคลายลง
จ้าวฝูมองไปที่นักร้องสาวคนนั้น เมื่อมองไปที่รูปร่างที่เพรียวบางและหน้าอกทรงโตของเธอ ใบหน้าของนักร้องสาวก็แดงขึ้นเล็กน้อยและเธอก็ก้มศีรษะ
ต่อจากนั้น จ้าวฝูแต่งตั้งพวกนางทั้งหมดเป็นนางสนมและให้คนพาพวกนางไปที่บ้านพัก
หลังจากกลับมายังโลกจุติสวรรค์ สิ่งที่ทำให้จ้าวฝูประหลาดใจก็คือ ดวงตายังคงไม่หายไปและดูเหมือนว่าจะถูกฝังเข้าไปในหัวใจของจ้าวฝู มันยังคงมองจ้าวฝูอย่างสงบ และเมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองนี้ จ้าวฝูก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
จ้าวฝูไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงบอกมังกรทองคำเกี่ยวกับดวงตานี้
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ มังกีทองคำก็บ่งบอกว่ามันไม่รู้เหมือนกัน แต่มันบอกว่าดวงตานี้มีประโยชน์ ดวงตานี้เรียกว่าดวงตาหัวใจ เป็นดวงตาที่ไร้รูปร่างซึ่งสามารถเข้าสู่ความคิดของคน ๆ หนึ่งได้ ด้วยตานี้ เราสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาที่ไม่เป็นมิตรทั้งหมดและสามารถป้องกันไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงความคิดของเรา นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการบ่มเพาะพลัง
ในความเป็นจริง ถ้าจ้าวฝูต้องการกำจัดมันก็ขึ้นอยู่กับเขา – ถ้าความคิดของเขาเปลี่ยนไป อย่างมากดวงตาก็จะหายไปหรือหลอมรวมเข้ากับความคิดของจ้าวฝู
จ้าวฝูทำได้เพียงละเว้นเรื่องนี้และหันกลับมาสนใจต้าฉิน ตอนนี้การพัฒนาของมหากำแพงต้าฉินและการกวาดล้างภูมิภาคกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วอย่างมาก
ไม่นาน อีกหนึ่งเดือนก็ผ่านไป และพวกเขาได้กวาดล้างหนึ่งในสามของภูมิภาค สิ่งนี้ทำให้ต้าฉินมีประชากรและค่าประสบการณ์จำนวนมากและด้านหนึ่งของมหากำแงก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เนื่องจากต้าฉินกำลังจะกลายเป็นอาณาจักร ทรัพยากรทั้งหมดจึงมุ่งเน้นไปที่สิ่งนี้ ในไม่ช้า ต้าฉินจะเป็นอาณาจักรอย่างเป็นทางการ เมื่อเทียบกับฝ่ายที่ไร้รูปแบบ
ทุกภูมิภาคจะต้องมีหมู่บ้าน เมืองและนคร และไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ทั้งหมด พวกเขาต้องกรอกว่าเป็นดินแดนต้าฉินทั้งหมด จากนั้นพวกเขาจะสามารถเสริมสร้างโชคชะตาและทำให้รากฐานของต้าฉินมั่นคงยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกภูมิภาคจะต้องถูกจัดวางอย่างเหมาะสมโดยมีหมู่บ้านกระจายออกไป เมืองที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านหลายแห่งและนครที่เป็นศูนย์กลางของหลาย ๆ เมือง นครจะบริหารเมืองและเมืองจะบริหารหมู่บ้าน สิ่งนี้จะก่อให้เกิดระบบการปกครองที่เหมาะสม
ต้าฉินยังไม่มีนครปกติมากมายนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจะใช้มหานครแทน
ก่อนหน้านี้ จ้าวฝูได้ตั้งชื่อภูมิภาคต่างๆเป็นจังหวัด ตอนนี้เขาต้องแยกจังหวัดออกเป็นมณฑล แต่ละจังหวัดสามารถแบ่งออกเป็นประมาณห้าถึงแปดมณฑล ขึ้นอยู่กับขนาด
แต่ละมณฑลก็แยกออกเป็นเมืองและหมู่บ้าน; แต่ละภูมิภาคถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำและต้องใช้เวลาในการทำ พวกเขาไม่สามารถถอยได้จนกว่าพวกเขาจะก่อตั้งอาณาจักรของพวกเขาเสร็จ ทุกอย่างถูกมอบหมายให้กับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆที่รวบรวมผู้คนเพื่อวาดแผนที่โดยละเอียดก่อนที่จะสร้างมณฑล
ในขณะเดียวกัน การก่อตั้งอาณาจักรจำเป็นต้องมีผู้มีความสามารถจำนวนมากเพื่อบรรจุตำแหน่งใหม่จำนวนมาก ดังนั้นจ้าวฝู จึงทำการทดสอบของจักรพรรดิ
การทดสอบของจักรพรรดินี้แบ่งออกเป็นการสอบพลเรือนและการสอบการต่อสู้เพื่อเลือกรัฐมนตรีและแม่ทัพ ไม่มีการจำกัด อายุและเชื้อชาติ ใครก็ตามที่มีความสามารถก็สามารถเข้าร่วมได้
ท้ายที่สุด ต้าฉินไม่ได้มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว นอกเหนือจากคนพื้นเมืองแล้ว ยังมีชาวต่างถิ่นหลายประเภทและชาวพื้นเมืองเวียดนามจำนวนมาก จ้าวฝูไม่เคยเลือกปฏิบัติระหว่างเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน ทุกคนเท่าเทียมกันและมีโอกาสทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้จำกัดคนตามอายุเพราะคนที่เก่งและมีความสามารถไม่ใช่มีแค่เด็กเท่านั้น ผู้สูงอายุหลายคนก็มีความสามารถเช่นกัน
จ้าวฝูไม่ได้จำกัดการทดสอบของจักรพรรดิเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถาบัน แม้ว่าตอนนี้สถาบันยกระดับต้าฉินจะมี 120 สาขาและมีนักเรียนสองล้านคน แต่การจำกัดการสอบแบบนั้นจะเข้มงวดเกินไป
ต้าฉินได้ทำลายหลายภูมิภาคและนครหลักของระบบ ซึ่งพวกเขาได้รับผู้คนมากมายที่มีเรียนรู้และมีวิชาการ ด้วยเหตุนี้ จ้าวฝูจึงตัดสินใจเลือกใครก็ตามที่มีความสามารถเพื่อช่วยกันพัฒนาต้าฉิน
สำหรับการสอบการต่อสู้ ผู้เข้าร่วมไม่เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเรียนของสถาบันยกระดับต้าฉิน ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร ใครก็ตามที่มีความสามารถก็สามารถเข้าร่วมได้
แน่นอนว่ากองทหารชั้นนำในการสู้รบนั้นอันตรายมาก ผู้ที่เป็นหัวหน้าคนอื่นต้องมีประสบการณ์ในการรบระดับหนึ่งดังนั้นส่วนใหญ่จะถูกเลือกจากกองทัพ หากมีคนที่มีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาจะค่อยๆได้รับการเลี้ยงดู
พวกเขาส่งประกาศไปยังทุกภูมิภาคเกี่ยวกับการทดสอบของจักรพรรดิเป็นครั้งแรกแ ละการตอบรับจากผู้คนก็ค่อนข้างดี โดยธรรมชาติแล้ว หลาย ๆ คนรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างมากเกี่ยวกับโอกาสที่จะได้และมีผู้คนมากมายเข้าร่วม
การสอบจะดำเนินการเป็นขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนจะยากกว่าขั้นตอนก่อนหน้า ในการเลือกคนที่เหมาะสมจากผู้เข้าร่วมอันมากมายมหาศาล พวกเขาต้องมีข้อกำหนดที่เข้มงวด
หลังจากนั้นหกวัน มีผู้คนประมาณ 30,000 คนผ่านถึงขั้นตอนสุดท้าย
ตอนที่ 862
รอบสุดท้ายได้จัดขึ้นที่เวทีขนาดใหญ่และมีนักวิชาการทุกประเภทอยู่ที่นั่น ผู้คนส่วนมากสวมเสื้อคลุมยาวและดูมีความกล้าหาญ ทั้งชายและหญิงต่างรอให้รอบสุดท้ายเริ่มขึ้น
“พระองค์เสด็จแล้ว!” เสียงร้องดังออกมาในขณะที่จ้าวฝูเดินนำกลุ่มคนออกไป เนื่องจากรอบสุดท้ายของการทดสอบของจักรวรรดินั้นค่อนข้างเป็นทางการ จ้าวฝูจึงสวมเสื้อคลุมจารึกมังกรสีดำและสีทองแต่ไม่ได้สวมมงกุฎ นอกจากสาวใช้ในวังแล้ว ยังมีหลี่ซือ ซางหยาง เมิ่งฮ่าวหราน ซางกวนหว่านเอ่อร์ และ หลี่มู่ชิง
นอกจากนี้ยังมีอู่เจ๋อเทียน ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับการทดสอบของจักรพรรดิ หลังจากนั้น การทดสอบของจักรพรรดิก็ได้รับความนิยมในช่วงราชวงศ์ถังและอู่เจ๋อเทียนก็ได้สร้างการทดสอบการต่อสู้ขึ้นเอง เธอสามารถดูแลได้ทั้งการสอบพลเรือนและการป้องกันตัว
ด้วยเหตุนี้ จ้าวฝูจึงพาเธอมาที่นี่ เนื่องจากเขาเป็นคนจากโลกสมัยใหม่ จ้าวฝูจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ เขารู้ว่าเขาไม่มีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงนำคนที่เหมาะสมมาช่วยดูการทดสอบของจักรพรรดิ
“ถวายความเคารพแด่องค์จักรพรรดิ!” เมื่อได้ยินว่าจ้าวฝูมาถึงแล้ว ผู้เข้าร่วมทุกคนต่างคุกเข่าและเปล่งเสียงตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียวด้วยความสดใสร่าเริง
จ้าวฝูเดินเข้ามาที่บัลลังก์และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากจนเกินไปแต่กลับทรงพลังครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ว่า “ลุกขึ้น!”
ผู้เข้าร่วมนับไม่ถ้วนต่างก็ลุกขึ้น บางคนก็อดใจไม่ได้และแอบเงยหน้ามองขึ้นไปที่จ้าวฝู บรรยากาศที่นั่นเงียบอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพต่อจ้าวฝู
หลังจากนั้นรอบสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้น จ้าวฝูและผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหลายคนได้นั่งลงและรอดูผลของการทดสอบ
“พวกเจ้าหมายตาใครเอาไว้?” จ้าวฝูถามผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ในขณะที่สายตาของเขามองไปที่ผู้เข้าร่วม
เมิ่งฮ่าวหราน ผู้อำนวยการของสถาบันรื่อซิ่งฉิน เป็นคนแรกที่ก้าวเท้าออกมา เขายิ้มเล็กน้อยในขณะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ มั่นใจในตัวของนักเรียนทุกคนของสถาบัน!”
คำพูดเหล่านั้น ช่างเป็นคำตอบที่ไร้ประโยชน์เสียจริง เพราะนั่นหมายความว่าเขาจับตาดูเพียงแค่นักเรียนของสถาบันเท่านั้น จ้าวฝูจึงหันไปหาคนอื่นๆ
คนต่อไปที่ก้าวออกไปคือหลี่ซือ เขาโค้งคำนับก่อนที่จะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ ได้จับตามองคนสามคน ได้แก่ เพ่ยจื่อฉือ ชุ่ยถง และซุนตง ข้าเคยทดสอบทั้งสามคนนั้นมาก่อนและทั้งสามคนนั้นมีความสามารถมากทีเดียว พวกเขามีปรัชญาการปกครองที่ไม่เหมือนใครและนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อต้าฉินเป็นอย่างมาก จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลย หากพวกเขาเป็นรัฐมนตรี”
สิ่งนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวหรานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนเหล่านี้ไม่ได้มาจากสถาบัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “รัฐมนตรีหลี่ คุณไม่ประทับใจใครในสถาบันเลยหรือไง?”
หลี่ซือรู้ว่าเมิ่งฮ่าวหรานพยายามจะสื่ออะไร เขาจึงพูดเสริมไปว่า “ ทั้ง เป่ยเว่ย ลู่ซวินซือ และหม่าผูจ้งก็ใช้ได้ทีเดียวเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวหรานก็ยิ้มและพยักหน้าให้กับหลี่ซืออย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างเป็นผู้ชายทั้งหมด หลี่มู่ชิงและซางกวนหว่านเอ่อร์ต่างก็ถอนหายใจ ถึงแม้ว่าจ้าวฝูจะมองว่าชายและหญิงนั้นเท่าเทียมกัน แต่ดูเหมือนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็มองว่าชายนั้นสูงส่งกว่าหญิง ท้ายที่สุดแล้วผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่โดยกำเนิด ส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างหัวโบราณและมองว่าชายนั้นเหนือกว่าหญิง
เป้าหมายของพวกเขาคือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ หลี่มู่ชิงจึงก้าวออกไปข้างหน้าและพูดว่า
“ฝ่าบาท จากที่ข้าเห็นอวี๋ซือหยา จางซุนจู และเป่ยหรงก็ค่อนข้างดีเช่นกันและพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครในหมู่ชายเหล่านั้นเลย โดยเฉพาะอวี๋ซือหยา ผู้ที่เขียนบทกวี “ลำห้วยหิมะ” หญิงสาวเหล่านี้ สามารถเรียนรู้ได้อย่างเหลือเชื่อและยังเหนือกว่านักวิชาการทั่วไปอีกมากด้วย!”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้หลี่ซือและเมิ่งฮ่าวหรานรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ซางหยางนั้นได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ
หลังจากนั้น ก็เริ่มมีคนแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมามากขึ้น จ้าวฝูจึงเริ่มพูดถึงกลุ่มต่างๆ ที่กำลังจะเริ่มในต้าฉิน
อู่เจ๋อเทียนมองไปที่จ้าวฝูด้วยสายตาแทะโลม ราวกับจะกระชากวิญญาณของเขาออกมา แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่โจ่งแจ้งใดๆ ออกมา
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในยามกลางวันและยามกลางคืน
อู่เจ๋อเทียนจึงเริ่มเกิดความลุ่มหลงมากขึ้นกว่าเดิม เธอไม่เรียกจ้าวฝูด้วยชื่อของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเรียกเขาว่าฝ่าบาทหรือพระสวามี และเธอก็ได้มอบทั้งใจและกายให้แก่เขา
อู่เจ๋อเทียนหันหน้าไปหาจ้าวฝูและจ้องมองไปที่เขา พร้อมกับยิ้มและพูดออกไปว่า “ทุกคน ไม่จำเป็นจะต้องทะเลาะกันเช่นนี้เลย เมื่อผลออกมาเราก็จะได้รู้กัน”
นี่เป็นความจริง – ความสามารถเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยกำหนดทุกอย่าง มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการแบ่งแยกระหว่างผู้ที่มีอำนาจ และมันก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน สิ่งนี้ได้รับการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพื่อรักษาดุลอำนาจเอาไว้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลังจากนั้นไม่นานผลของการทดสอบก็ได้สรุปออกมา เอกสารการสอบทั้งหมดถูกรวบรวมและส่งมอบให้กับรัฐมนตรีหลายคนอ่าน และเอกสารที่ดีที่สุดจะถูกนำไปให้ผู้ที่มียศสูงขึ้นไป
จ้าวฝูอ่านเอกสารเหล่านั้นแค่บางส่วน เนื่องจากการสอบนี้เป็นเรื่องของการบริหารการเมืองการปกครอง ซึ่งจ้าวฝูนั้น รู้เรื่องเหล่านี้เพียงเล็กน้อย
ในส่วนของการทดสอบเกี่ยวกับการต่อสู้นั้นง่ายกว่าและรุนแรงกว่า การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้ที่เหนือกว่าผู้อื่นจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากกองทัพ และจะถูกเลือกจากผู้บัญชาการและนายพลอย่างไป๋ฉี หวังเจี้ยน เหว่ยเหลียว ไป๋ซีฮั่น ซุนหานเซียง เป็นต้น
การทดสอบการต่อสู้คือการเลือกผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง และสามารถต่อสู้ได้อย่างเด็ดเดี่ยว เนื่องจากอาชีพพิเศษบางอาชีพมีโบนัสพิเศษ ทุกคนจึงได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเป็นอาชีพเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรม ทุกคนจึงใช้ได้เฉพาะความสามารถของตัวเองเท่านั้น
จ้าวฝูนั้นก็ได้รับชมการต่อสู้ในหลายๆ รอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัสหรือบาดเจ็บถึงตาย อาวุธที่ใช้ส่วนใหญ่จึงทำด้วยไม้ เนื่องจากพวกเขายังสามารถใช้พลังแฝงได้ อาวุธไม้เหล่านี้จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธจริงเลย ดังนั้นจึงต้องเตรียมยาไว้มากมาย
การได้ดูการต่อสู้เหล่านี้นั้นน่าสนใจกว่าการดูการทดสอบเรื่องการเมืองการปกครอง อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้มีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายมาก
สำหรับการทดสอบเรื่องการเมืองการปกครองนั้น 60% ของผู้เข้าร่วมเป็นผู้ชายและ 40% เป็นผู้หญิง แต่สำหรับการทดสอบการต่อสู้ 90% ของผู้เข้าร่วมเป็นผู้ชายและมีเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
ในเรื่องของการต่อสู้นั้น ผู้หญิงย่อมเสียเปรียบกว่าผู้ชายโดยธรรมชาติและผู้หญิงธรรมดาส่วนใหญ่จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ป่าเถื่อนของผู้ชายได้
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่กล้าเข้าร่วมการทดสอบนี้ก็มีพลังมหาศาลไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นพวกเอาท์แลนเดอร์หรือพวกที่มาจากเผ่าพันธุ์ที่ล่มสลายในยุคโบราณ พวกนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งและดุร้ายป่าเถื่อนโดยกำเนิด
ในวันที่สาม หลังจากการทดสอบต่างๆ พวกเขาได้เลือกผู้ที่มีความสามารถมากมายและผู้ที่มีผลงานมากที่สุดในการทดสอบการเมืองการปกครองคืออวี๋ซือหยา หนึ่งในผู้หญิงที่หลี่มู่ชิงได้ให้การรับรอง
ผู้ชนะในการทดสอบการต่อสู้คือคนที่มาจากเมืองหยินหยางนามหลิวเซี่ยว ด้วยความสามารถในการควบคุมน้ำแข็งและไฟ เขาจึงสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ด้วยความยากลำบาก การต่อสู้ในการทดสอบนั้นค่อนข้างรุนแรง ผู้ที่มีสายเลือดระดับสูงหรือมีพลังแฝงระดับสูงมักจะได้เปรียบ
จ้าวฝูได้พบกับผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในการสอบของจักรพรรดิเป็นการส่วนตัว และได้จัดงานเลี้ยงสำหรับพวกเขาเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกเขา
เรื่องต่อไปคือเรื่องของจักรพรรดินี ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือหนู่ลู่ เธอเป็นลูกหลานของหนู่วา และยังเป็นผู้เล่นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสุภาพอ่อนโยน นั่นทำให้เธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก
ก่อนหน้านี้ถัวป้าชิงก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ตัวตนของเธอเป็นคนที่มาจากเผ่าต้นกำเนิด จ้าวฝูจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก น่าเสียดายที่ต้องจากเธอไป ดังนั้นเธอจึงไม่อยู่ในตัวเลือก
ตอนที่ 863
ในความเป็นจริง อู่เจ๋อเทียนก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เช่นกัน แต่เนื่องจากเธอเคยเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ถังเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉินสักเท่าไหร่
อู่เจ๋อเทียนนั้นเข้าใจดี ดังนั้นเธอจึงไม่พยายามแย่งตำแหน่งนี้ เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนางสนมและเป็นหนึ่งในนางสนมที่จ้าวฝูโปรดปรานมากที่สุด ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างพอใจ
ผู้นำบางคนแนะนำให้เลือกผู้หญิงคนอื่น ๆ เช่นดาฟนี เธอเป็นเจ้านครแห่งนครโมรียา ผู้สืบทอดราชวงศ์อันดับหนึ่งของอินเดีย
การเป็นผู้สืบทอดนั้นแตกต่างจากการเป็นผู้สืบทอดมรดก เนื่องจากผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริง ชามาได้พ่ายแพ้ให้กับจ้าวฝู และราชวงศ์โมรียาก็ถูกพิชิตโดยต้าฉิน ตอนนี้นครโมรียาได้กลายเป็นของต้าฉินแล้ว ดังนั้นดาฟนีจึงสามารถพูดได้เพียงว่าเป็นผู้สืบทอดเท่านั้น
บางคนสนับสนุนให้เอ้อหลิงกลายเป็นจักรพรรดินี เธอเป็นผู้สืบทอดราชวงศ์ที่ชั่วร้ายและเป็นเจ้านครแห่งนครราชาปีศาจ เมื่อเธอขึ้นเป็นจักรพรรดินี พวกเขาจะสามารถปราบโลกปีศาจทมิฬได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉินกับโชคชะตาปีศาจทมิฬ
ทุกคนมีมุมมองที่แตกต่างกันและบางคนแนะนำให้นางฟ้าบุปผาเป็นจักรพรรดินี ท้ายที่สุดแล้ว หากจักรพรรดินางฟ้าบุผาให้เป็นจักรพรรดินี พวกเขาจะได้รับพรจากสวรรค์อย่างแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้จ้าวฝูรู้สึกพูดไม่ออก จ้าวฝูไม่ได้ทำให้นางฟ้าบุปผาแสนบริสุทธิ์เป็นนางสนมด้วยซ้ำ แต่พวกเขาต้องการให้เขาตั้งนางเป็นนางสนม
คนอื่น ๆ แนะนำให้จักรพรรดินีวารีเป็นจักรพรรดินี ไม่เคยมีวิญญาณของพระเจ้าถูกสร้างเป็นจักรพรรดินีมาก่อนและต้าฉินจะได้รับการคุ้มครองจากโชคชะตาพระเจ้ าซึ่งค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับต้าฉิน
ในเวลาเดียวกัน มีบางคนแนะนำไป๋ซีหาน, ซุนเสียง, เว่ยฉิง และ ซูหลิวอี้ พวกนางทั้งหมดเป็นผู้บัญชาการและเป็นของขวัญให้กับ ต้าฉินจากสวรรค์ หากพวกนางกลายเป็นจักรพรรดินี กลิ่นอายแห่งการพิชิตของต้าฉินจะทรงพลังมากขึ้น พวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังที่ของโชคชะตาต้าฉิน สิ่งนี้จะทำให้ง่ายต่อการกลืนกินโชคชะตาของชาติอื่นเนื่องจากต้าฉินเป็นประเทศแห่งการพิชิตและต่อสู้มาโดยตลอด
บางคนแนะนำให้ตั้งถัวป้าฉิงเป็นจักรพรรดินีเนื่องจากสายเลือดของเธอสูงส่ง และไม่มีใครสามารถแข่งขันกับเธอได้ มังกรทองก็เห็นด้วยเช่นกัน ในฐานะจักรพรรดินี นางจะมีผลกระทบอย่างมากต่อประเทศ แม้แต่อาณาจักรสังหารสวรรค์ก็ไม่เคยมีจักรพรรดินีจากเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิด ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน สิ่งนี้หายากอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้จ้าวฝูประหลาดใจคือ แม้แต่เซียนหรูก็มีผู้สนับสนุนเล็ก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอหน้าแดงอย่างเขินอาย
ในท้ายที่สุด จ้าวฝูก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะเป็นจักรพรรดินี อย่างไรก็ตาม เขาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปเพราะเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง
เวลาค่อยๆผ่านไปและต้าฉินยังคงสร้างมหากำแพงและกวาดล้างภูมิภาคต่างๆ สองเดือนผ่านไปและฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง ความร้อนหายไป ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่
ใบไม้ไม่ได้เป็นสีเขียวชอุ่มอีกต่อไปและพวกมันก็เริ่มเหี่ยวเฉาลงอย่างเศร้าโศก
“ โฮก!” เสียงคำรามของมังกรอันทรงพลังดังก้องไปทั่วโลกมนุษย์ ในช่วงเวลานั้น เมฆเริ่มรวมตัวและหมุนวน พลังกระเพื่อมจาก ต้าฉินไปทั่วทุกมุมโลก
รังสีของแสงสีทองสาดลงมาจากสวรรค์และเมฆสีทองมงคลลอยไปหาต้าฉิน เสียงเพลงสวรรค์ที่ไพเราะดังออกมาจากท้องฟ้าและภาพของสัตว์มงคลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ารวมตัวกันอย่างสนุกสนานเคลื่อนไปยังต้าฉิน
เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเหล่านี้ มนุษย์ทั้งโลกจึงหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำและมองไปในทิศทางของต้าฉิน พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและขมขื่นอย่างมากขณะที่พวกเขาพึมพำ“ ผู้ยิ่งใหญ่ได้ก่อตั้งอาณาจักรแล้ว!”
ข่าวการก่อตั้งอาณาจักรต้าฉินสั่นสะเทือนไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ต้าฉินเป็นที่แรกในโลกที่ก่อตั้งอาณาจักรและมีผู้คนมากมายพูดคุยกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับเรื่องนี้
คนธรรมดาหลายคนเข้าร่วมการสนทนาเหล่านี้โดยพูดถึงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายหนึ่งก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาและพวกเขาก็เป็นพยานในเรื่องนี้ด้วยตนเอง
แม้ว่าฝ่ายต่างๆจะได้เห็นการเคลื่อนไหวครั้งนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นต้าฉินก่อตั้งอาณาจักรด้วยตนเอง แล้วพวกเขาจะรู้สึกดีกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ต้าฉินนำหน้าพวกเขามากเกินไป ทำให้พวกเขารู้สึกหมดหนทางและหวาดกลัว
ทุกคนมองไปในทิศทางของต้าฉินและดูสัญญาณที่ผิดปกติทั้งหมด รอดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ตอนนี้ความสนใจของทั้งโลกอยู่ที่ต้าฉิน
ที่ต้าฉิน จ้าวฝูสวมเสื้อคลุมมังกรสีดำและสีทองและสวมมงกุฎของเขาแล้ว เขายืนอยู่บนลานอธิษฐานสวรรค์ เตรียมขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิ
หัวใจนครของนครต้าฉินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เสาแสงสีดำอันทรงพลังพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่องรอยของออร่าสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นจากดินแดนของต้าฉินและจากผู้อยู่อาศัยของต้าฉินรวมตัวกันไปยังเสาแสงสีดำที่ทรงพลัง
จ้าวฝูยืนอยู่บนลานอธิษฐานสวรรค์ด้วยตัวเอง มองไปที่เสาแห่งแสงสีดำ เมื่อโชคชะตาต้าฉินรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมฆดำแห่งโชคชะตาก็เริ่มรวมตัวกันบนท้องฟ้าและค่อยๆแผ่กระจายออกไปและปกคลุมท้องฟ้าโดยรอบ 10,000 กิโลเมตร ให้กลิ่นอายของการกดข่มที่ทรงพลัง
ชาวเมืองต้าฉินทุกคนคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้นและมีความสุข ไม่มีใครรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนี้ได้มากกว่าพวกเขาเนื่องจากพวกเขาเป็นคนของต้าฉิน
ภายใต้พลังงานแห่งโชคชะตา ร่างของจ้าวฝูค่อยๆลอยขึ้นและตรงไปยังเสาแห่งแสงสีดำและเขาก็หลอมรวมเข้ากับมัน
ตูม !!
การระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นเมื่อร่างของจ้าวฝูเข้าไปในเสาแห่งแสงสีดำและแสงของมันก็สว่างรุนแรงมากขึ้น เมฆดำเริ่มก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมา ความน่าสะพรึงกลัวอาจส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง
ภายในเสาแห่งแสง จ้าวฝูอาบด้วยโชคชะตาต้าฉินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย สายเลือด ออร่าหรือจิตวิญญาณของเขา ทุกอย่างล้วนต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง
ตราประทับต้าฉินค่อยๆลอยออกมาจากร่างของจ้าวฝู และกลายเป็นแสงสีดำก่อนที่จะยิงเข้าไปในกระแสน้ำวนขนาดใหญ่บนท้องฟ้า
ตูม !!
ตราประทับต้าฉินเข้าไปในกระแสน้ำวนสีดำก่อนที่จะระเบิดกลายเป็นแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน หลอมรวมเป็นกระแสน้ำวน
ออร่าที่กระแสน้ำวนสีดำปล่อยออกมานั้นน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อโชคชะตาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากพื้นดิน
เมฆดำที่ปกคลุมโดยรอบ 10,000 กิโลเมตรได้ขยายตัวออกไปโดยรอบ 100,000 กิโลเมตรทันที ความสูงส่งและการครอบงำนั้นอาจรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ โฮก! โฮก! โฮก…” เสียงคำรามของมังกรเก้าตัวดังออกมาขณะที่มังกรดำที่ดูดุร้ายเก้าตัวเต้นรำท่ามกลางเมฆดำ บางครั้งอาจมองเห็นเกล็ดมังกรสีดำเรืองแสง บางครั้งสามารถมองเห็นกรงเล็บอันทรงพลังของพวกมันได้ และบางครั้งก็สามารถมองเห็นหัวที่ดูดุร้ายของพวกมัน
เมื่อมังกรดำทั้งเก้าปรากฏตัว ผู้ที่มีพลังเข้มข้นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังนี้ การแสดงออกของผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆต่างก็ไม่น่าดู
ตูม!
เสียงระเบิดที่น่าตกใจดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมังกรขนาดใหญ่เก้าตัวรวมตัวกันที่ใจกลางของกระแสน้ำวนและแสงสีดำอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาในขณะที่มังกรทั้งเก้าค่อยๆหลอมรวมกันเป็นตราขนาดใหญ่
ตอนที่ 864: อาณาจักรต้าฉิน
ตราประทับนี้มีสีดำและทอง มีความกว้างประมาณสองฝ่ามือ มันมีมังกรที่ดูดุร้ายและน่ากลัวเก้าตัวแกะสลักอยู่ราวกับว่าพวกมันมีชีวิต ตราประทับนี้ส่องแสงสีดำเข้มและอานุภาพของจักรพรรดิออกมา
ทันทีที่ตราประทับขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ คลื่นแสงสีดำก็กระจายออกไปทั่วต้าฉินทำให้ดินแดนของต้าฉินเปล่งแสงสีดำออกมา
ผู้อยู่อาศัยจำนวนนับไม่ถ้วนของต้าฉินต่างก็รู้สึกว่าพลังงานกำลังฟื้นฟูอยู่ในร่างกายของพวกเขา ความเจ็บปวดและอาการต่างๆก็ได้รับการเยียวยาอย่างช้าๆและก็รู้สึกว่าพละกำลังเพิ่มขึ้น
แต่ว่าท้องฟ้าเหนือต้าฉินยังคงปกคลุมไปด้วยแสงสีทองและเมฆมงคล ยังสามารถได้ยินเพลงจากสวรรค์ ตอนนี้ดอกไม้สีทองเริ่มร่วงหล่นทำให้โลกภายในต้าฉินดูสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อราวกับดินแดนมหัศจรรย์สีทอง
หลังจากที่ตราประทับก่อตัวสำเร็จ หัวใจนครก็ปล่อยคลื่นอันทรงพลังออกมาและพายุสีดำก็พัดเข้ามาในนครต้าฉิน
หัวใจนครส่องแสงสีดำออกมา เนื่องจากมังกรดำตัวเล็กๆทั้งเก้าตัวที่มีความยาว 30เซนติเมตรปรากฏก็ขึ้นอย่างช้าๆลอยไปรอบๆหัวใจนคร พวกมันลอยไปอยู่ข้างๆสรรพาวุธคู่บ้านคู่เมืองและสรรพาวุธประจำตระกูลคอยดูดซับโชคชะตาจำนวนมากและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ประกาศจากระบบ! นครต้าฉินได้ยกระดับเป็นมหานครหลวง;ท่านได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการจัดตั้งอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว “
“ ประกาศจากระบบ! ตั้งแต่งนครต้าฉินเป็นอาณาจักรต้าฉิน”
“ ประกาศจากระบบ! อาณาจักรต้าฉินเป็นอาณาจักรแรกที่ก่อตั้งขึ้นในโลกนี้และได้รับโชคชะตาจำนวนมาก”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้พิชิตดินแดน520แห่ง และอาณาจักรต้าฉินได้รับพลังแห่งภูมิภาคทั้ง520ดินแดนแล้ว ดินแดนของคุณเพิ่มระดับเป็นระดับ5”
“ ประกาศจากระบบ! ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดมรดกอาณาจักรต้าฉิน ท่านได้กลายเป็นราชาอย่างเป็นทางการ ท่านจะได้รับโชคชะตาจำนวนมาก ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากจ้าฉินและได้รับตำแหน่งราชาต้าฉินแล้ว”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้รับอาชีพราชาและพลังของราชาแล้ว ท่านจะไม่สามารถรับได้อีก อาชีพราชาและพลังของราชาได้หลอมรวมเข้ากับพลังของจักรพรรดิ เสริมความแข็งแกร่งให้แก่อาชีพจักรพรรดิและพลังจักรพรรดิของท่าน”
“ ประกาศจากระบบ! ในฐานะที่เป็นบุคคลแรกที่ก่อตั้งอาณาจักรในโลกมนุษย์ ท่านสามารถรับรางวัลเพิ่มเติมได้ (หมายเหตุ: เฉพาะสามคนแรกเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลเพิ่มเติม)”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้รับ100มหานคร 200นคร 400เมืองและ 2,400 หมู่บ้าน ของเหล่านี้จะถูกมอบให้เป็นศิลาสร้างนครที่หลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายของต้าฉิน และจะกลายเป็นของต้าฉินโดยอัตโนมัติ”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้ก่อตั้งอาณาจักรและปลดล็อคตำแหน่งอย่างเป็นทางการ”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้ก่อตั้งราชอาณาจักรแล้วและสามารถจัดตั้งหน่วยทหารได้”
“ ประกาศจากระบบ! ท่านได้รับชายแดนอาณาจักร ท่านสามารถสร้างกำแพงเพื่อปกป้องดินแดนของท่านได้ ซึ่งจะทำให้พลังของอาณาจักรของท่านมั่นคง
การประกาศของระบบดังขึ้นในใจของจ้าวฝูอย่างต่อเนื่อง เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม อาการผิดปกติค่อยๆหายไป; ตอนนี้นครต้าฉินได้กลายเป็นอาณาจักรอย่างเป็นแล้ว จ้าวฝูที่‘ราชา‘อย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาจึงสามารถเรียกเขาว่า‘ฝ่าบาท‘ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ‘
ตราประทับต้าฉินบนท้องฟ้าค่อยๆลอยลงมา และกลับเข้าสู่ร่างกายของจ้าวฝู ตอนนี้ตราประทับนี้ไม่ได้เป็นตราประทับของต้าฉินธรรมดาอีกต่อไป แต่มันเป็นตราประทับมหานครหลวงต้าฉิน มันมีอำนาจสูงสุดในต้าฉิน และมีพลังของราชา
ตอนนี้จ้าวฝูได้กลายเป็นราชาที่แท้จริง พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งสำคัญคือสายเลือดของเขา – ก่อนหน้านี้สายเลือดของเป็นสายเลือดราชันย์ระดับ17 แต่เนื่องจากได้มีการเกิดดวงดาวจักรพรรดิใต้และดวงดาวจักรพรรดิสวรรค์ ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสายเลือดของเขา
ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาที่แท้จริง สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับการผลักดันขั้นสุดท้าย สายเลือดของเขากลายเป็นสายเลือดราชันย์ระดับ18
สายเลือดราชันย์ระดับ18นั้นทรงพลังกว่าสายเลือดราชันย์ธรรมดามาก แค่เพียงระดับเพียงอย่างเดียว สายเลือดราชันย์ของจ้าวฝูก็ทรงพลังเป็นอย่างมาก
จ้าวฝูลอยลงบนลานอธิฐานสวรรค์ และอ่านการประกาศจากระบบอย่างละเอียด เพราะการประกาศทั้งหมดนี้เป็นการประกาศที่เกี่ยวกับการก่อตั้งอาณาจักร และเขาไม่สามารถมองผ่านพวกมันได้
นครต้าฉินได้กลายเป็นมหานครราชวงศ์บาโรนี่ เมื่อก่อนต้าฉินมีระดับเพียงนครราชวงศ์บาโรนี่ ดังนั้นเนื่องจากการยกระดับนี้จึงมีค่าสถานะใหม่สำหรับต้าฉิน:
พลเมือง:3492950/80240000 ทหาร:892640/32482000
ชื่อหมู่บ้าน:มหานครหลวงต้าฉิน(มหากาพย์)
ระดับ: มหานครหลวงระดับบารอน
พื้นที่นคร: 729,400 ตารางกิโลเมตร
พื้นที่ในเขตปกครอง: 62,421,800 ตารางกิโลเมตร
พลเมือง: 3,492,950 / 80,240,000
ทหาร: 892,640 / 32,482,000
การสนับสนุนยอดนิยม: 86
ค่าสถานะพิเศษของหมู่บ้าน: ผลผลิตของดินแดน+260%, เวลาเพาะปลูกพืชในดินแดน-260%, การจำกัดประชากร+165%, ค่าสถานะของพลเมืองสามารถสุ่ม20, ค่าสถานะของทหาร+25%,การดึงดูดประชากร+200%, โอกาสในการดึงดูดประชากรระดับสูง+200%
ขีดจำกัดของหมู่บ้านย่อย: 896,930
หมู่บ้านรอง: หมู่บ้านโล๊ค หมูบ้านยีนส์ หมู่บ้านโดรัน หมู่บ้านตระกูลหลี่ หมู่บ้านหมาป่า หมู่บ้านพยัคฒ์ร้าย…
จะเห็นได้ว่าหลังจากกลายเป็นอาณาจักรแล้ว มันไม่มีแถบค่าสถานะอีกต่อไป หมายความว่าเขาไม่ต้องการค่าสถานะอีกต่อไป เพราะมันได้หมดลงไปแล้ว
การประกาศจากระบบครั้งที่สี่ระบุว่าต้าฉินได้พิชิตดินแดน520แห่ง ดังนั้นมันจึงได้รับพลังดินแดนทั้ง520ดินแดน และได้เพิ่มระดับขึ้นเป็นระดับมหานครหลวงระดับบารอนขั้นห้า
แต่ละระดับของอาณาจักรถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ และจะได้รับการจัดอันดับเป็นบารอน มาควิส ดยุคเป็นต้น การเพิ่มระดับของอาณาจักรไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าประสบการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับการยึดดินแดน ยิ่งยึดดินแดนได้มากเท่าใด การยกระดับก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วย
ต้าฉินได้พิชิต500ดินแดนหรือมากกว่า ดังนั้นระดับจึงเป็นมหานครหลวงระดับบารอนขั้นห้า ต้าฉินจึงไม่ต้องการค่าประสบการณ์อีกต่อไป แต่ต้องการพลังของดินแดนแทน โดยพื้นฐานแล้วระดับของอาณาจักรและระดับของต้าฉินนั้นก็คืออันเดียวกัน
ตอนนี้มหานครต้าฉินมีระดับเป็นมหานครหลวงระดับบารอนขั้นห้า หากจ้าวฝูต้องการที่จะเพิ่มระดับอย่างรวดเร็วเขาจะต้องพิชิตดินแดนเพิ่ม
ยิ่งพิชิตดินแดนมากเท่าใด ระดับของอาณาจักรก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
สงครามในอนาคตดินแดนจะมีความสำคัญอย่างมาก พวกมันสามารถทำให้ระดับเพิ่มขึ้นหรือหายไปได้อย่างรวดเร็ว การเสียหนึ่งดินแดนนั้นก็คือการเสียระดับไปหนึ่ง
การไม่ใช้ค่าประสบการณ์นั้นถือเป็นเรื่องค่อนข้างดี เนื่องจากค่าประสบการณ์ที่ได้รับจำนวนมากในอนาคตจะสามารถแจกจ่ายไปยังนครและหมู่บ้านอื่นๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาเลื่อนระดับได้เร็วขึ้น
สำหรับการประกาศเกี่ยวกับอาชีพราชาและพลังของราชา จ้าวฝูได้รับมาแล้วเมื่อเขาเอาชนะโครงกระดูกลึกลับในดินแดนใต้พิภพ ตอนนี้เขามีอาชีพจักรพรรดิและพลังของจักรพรรดิอยู่แล้ว
ตอนแรกจ้าวฝูค่อนข้างไม่สนใจพลังของราชา แต่เมื่อเห็นว่ามันสามารถเพิ่มพลังให้พลังของจักรพรรดิได้ เขาก็รู้สึกดีเล็กน้อย จ้าวฝูรู้สึกถึงพลังภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การประกาศจากระบบครั้งสุดท้ายทำให้จ้าวฝูรู้สึกประหลาดใจมาก – มันมีรางวัลให้มากมายจริงๆ
100มหานคร 200นคร 400เมืองและ2,400หมู่บ้าน นั้นเป็นจำนวนที่น่าประหลาดใจ แค่จำนวนนครเพียง300แห่ง เขาก็รู้สึกดีแล้วแต่นี่ยังมีเมืองและหมู่บ้านเข้าไปอีก ทำให้จ้าวฝูรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
รางวัลเหล่านี้จะมอบให้กับสามอาณาจักรแรกท่านั้น ต้าฉินเป็นอาณาจักร เขาสังสัยมากว่าจะมีอาณาจักรใดเกิดขึ้นต่อมาเป็นที่สองและสาม; พวกเขาก็จะได้รับรางวัลจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตำแหน่งทางการและกองกำลัง อาณาจักรใดๆที่มีพลังแข็งแร่งส่วนใหญ่เป็น เพราะตำแหน่งและกองกำลังอย่างเป็นทางการ และมันก็คือเหตุผลที่จ้าวฝูต้องการที่จะสร้างอาณาจักรโดยเร็วที่สุด ด้วยสองสิ่งเหล่านี้การต่อสู้กับวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่ใช่ปัญหา
ตอนที่ 865: ตราประทับ
ตำแหน่งทางการแบ่งออกเป็นข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหาร พวกเขาจะมีตราประทับหน่วยของตนเอง ตราอย่างเป็นทางการเหล่านี้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ของต้าฉิน ทำให้มันทรงพลังมาก
พวกมันค่อนข้างคล้ายกับตราประทับเจ้านคร แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกขโมยไปโดยคนอื่น แต่ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เฉพาะผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากต้าฉินเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
ก่อนหน้านี้ จ้าวฝูได้แยกจังหวัดออกเป็นมณฑลและแต่ละมณฑลจะมีตราประทับประจำมณฑลในขณะที่แต่ละจังหวัดจะมีตราประทับประจำจังหวัดด้วย ผู้ที่บริหารสิบจังหวัดจะมีตราประทับบารอน ผู้ที่บริหาร 100 จังหวัดจะมีตราประทับมาร์ควิส ผู้ที่บริหาร 1,000 จังหวัดจะมีตราประทับดยุค และผู้ที่บริหาร 10,000 จังหวัดจะมีตราประทับลอร์ด
พลังของตราประทับมณทลสามารถเทียบเคียงได้กับนครพื้นฐานได้ และพลังของตราประทับจังหวัดสามารถเทียบเคียงได้กับมหานครได้ ตราประทับทารอนสามารถเทียบเคียงได้กับตรงประทับมหานครระดับ 5 ได้ ตราประทับมาร์ควิสสามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครของนครหลวงได้ และตราประทับดยุคสามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครของนครราชวงศ์บารอนได้
ตอนนี้ต้าฉินได้กวาดล้างไปแล้ว 520 ภูมิภาค มี 520 จังหวัดที่ถูกแบ่งออกเป็น 2,846 มณฑล นั่นหมายความว่าพวกเขามี 520 ตราประทับจังหวัดและ 2,846 ตราประทับมณฑล พวกเขายังสามารถมี 52 ตราประทับบารอน และ 5 ตราประทับมาร์ควิส
ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของต้าฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่เป็นเพียงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการก่อตั้งอาณาจักรและไม่ได้คำนึงถึงความแข็งแกร่งในปัจจุบันของต้าฉินด้วยซ้ำ การก่อตั้งอาณาจักรเพียงอย่างเดียวทำให้ต้าฉินเป็นที่ที่ไม่มีใครกล้ารุกราน
อย่างไรก็ตาม ตราประทับของเจ้าหน้าที่พลเรือนใช้สำหรับการปกครองภายในเท่านั้นและไม่ได้ใช้ในการต่อสู้ สามารถใช้ได้เฉพาะในดินแดนของต้าฉินและไม่สามารถใช้ได้ในภูมิภาคที่ไม่ได้เป็นของต้าฉิน
สิ่งนี้ทำให้พวกมันไม่ได้ผลเท่าตราประทับลอร์ดนครซึ่งสามารถใช้ได้ทุกที่ อย่างไรก็ตาม ตราประทับหน่วยของเจ้าหน้าที่พลเรือนเหล่านี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการป้องกันซึ่งก็ค่อนข้างดีเช่นกัน เมื่อพวกเขาปกป้องต้าฉิน จ้าวฝูก็รู้สึกสบายใจและไม่ต้องกังวลกับการโจมตีของผู้อื่น
แม้ว่าจะไม่สามารถใช้ตราประทับของเจ้าหน้าที่พลเรือนในการพิชิตได้ แต่ก็ยังมีตราประทับหน่วยที่เป็นทางการ เจ้าหน้าที่พลเรือนมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลภายในขณะที่เจ้าหน้าที่ป้องกันตัวมีหน้าที่ในการต่อสู้และพิชิต
ผู้ที่นำทหาร 100,000 นายจะได้รับตราประทับแม่ทัพขั้นพื้นฐานซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดแห่งนครพื้นฐานได้ ผู้ที่นำทหารหนึ่งล้านคนจะได้รับตราแม่ทัพระดับกลางซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับตราลอร์ดแห่งมหานครได้ และผู้ที่นำทหารสิบล้านคนจะได้รับตราประทับแม่ทัพระดับสูงซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครของนครหลวงได้
ผู้ที่นำทหาร 100 ล้านคนจะได้รับตราประทับแม่ทัพมาร์ควิสซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครของนครราชวงศ์บารอน ในขณะที่ผู้ที่นำทหารหนึ่งพันล้านคนจะได้รับตราประทับแม่ทัพดยุค ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้ตราประทับลอร์ดนครของนครราชวงศ์มาร์ควิส
ตอนนี้ต้าฉินมีตราประทับลอร์ดนคร 200 ล้านอัน ดังนั้นจึงสามารถมีตราประทับแม่ทัพขั้นพื้นฐาน 2,000 อัน, ตราประทับแม่ทัพระดับกลาง 200 ดวง, ตราประทับแม่ทัพระดับสูง 20 ดวงและตราประทับแม่ทัพมาร์ควิสสองอัน
จำนวนของตราประทับอย่างเป็นทางการนั้นค่อนข้างน่ากลัวและในฐานะตราประทัพแม่ทัพ พวกมันไม่ได้ถูกจำกัดเหมือนกับตราประทับของเจ้าหน้าที่พลเรือน พวกมันเหมือนกับตราประทับประจำนครทั่วไปที่สามารถใช้ได้ทุกที่
อย่างไรก็ตาม พวกมันมีข้อจำกัดประการหนึ่งนั่นคือจำนวนทหาร จำนวนทหารที่ราชอาณาจักรสามารถมีได้ มีเพียงหนึ่งในสิบของประชากรทั้งหมด ทหารพิเศษจะไม่ได้รับการยอมรับ
หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดนี้ ต้าฉิน สามารถทำให้ประชากรหนึ่งพันล้านคนกลายเป็นทหารได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้ ต้าฉิน ก็สามารถได้รับตราประทับแม่ทัพจำนวนมาก ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะสามารถได้รับตาประทัพแม่ทัพมากกว่า 10,000 อันและทุกคนจะถูกทำลายโดยต้าฉินในทันที
ตอนนี้ต้าฉินได้พิชิต 520 ภูมิภาคแล้ว มีประชากรทั้งหมดถึง 1.8 พันล้านคน มีทหาร 200 ล้านคน มีทหารระดับหนึ่ง 170 ล้านคน ทหารระดับสอง 6.2 ล้านคน, ทหารระดับสาม 700,000 คนและทหารระดับสี่ 30,000 คน
นอกจากนี้ยังมีนครหลวงสามนครหลวง, 2,628 มหานคร, 521 นคร, 860 เมือง และ 39,489 หมู่บ้าน
นอกจากนี้ยังมีทหารวิญญาณซากศพ 68,000 ตน ผู้บัญชาการวิญญาณซากศพ 1,400 ตน ไวเวิร์นทั้งหมด 2,700 ตัวและมี 2,300 ตัวที่สามารถต่อสู้ได้
ตอนนี้ต้าฉินมีประชากร 1.8 พันล้านคน พวกเขาสามารถมีทหารได้ 180 ล้านคนในกองทัพ หมายความว่าสามารถมีตราประทัพแม่ทัพเพิ่มได้ 1,800 อัน ตราประทับแม่ทัพระดับกลาง 180 อัน ตราประทับแม่ทัพระดับสูง 18 อันและตราประทับแม่ทัพมาร์ควิส 1 อัน
โดยรวมแล้ว ต้าฉินมีตราระทับอย่างเป็นทางการ 4,649 อันที่สามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครของนครพื้นฐานและตราประทับอีก 700 อันหรือมากกว่านั้นที่สามารถเทียบเคียงได้กับตราประทับลอร์ดนครแห่งมหานคร
สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก มันน่าตกใจมาก – โดยไม่ต้องทำอะไรเลย พลังของต้าฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเป็นตราประทับทางการ มันและตราประทับลอร์ดนครจึงสามารถใช้ร่วมกันได้ นั่นหมายความว่าผู้คนสามารถใช้พลังของทั้งสองตราประทับร่วมกันได้โดยไม่มีการปะทะกัน
ถัดไปคือกองพล – มันเป็นทรัพยากรที่ทรงพลังที่มีเพียงอาณาจักรเท่านั้นที่จะมีได้
บารอนระดับ 1 สามารถจัดตั้งกองพลได้ห้ากองพลและแต่ละกองพลสามารถมีทหารได้หนึ่งล้านนาย กองพลก็จะเพิ่มระดับขึ้นเมื่อระดับอาณาจักรสูงขึ้นและทุกระดับจะให้กองทหารเพิ่มอีก 200,000 นาย
ทุกระดับที่อาณาจักรเพิ่มขึ้น พวกเขาสามารถได้รับอีกสองกองพล กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทุกครั้งที่อาณาจักรเพิ่มระดับขึ้น พวกเขาสามารถสร้างกองพลใหม่ได้สองกอง
ตอนนี้ต้าฉินเป็นบอรอนระดับ 5 แล้ว สามารถมี 13 กองพลและแต่ละกอลพลสามารถมีทหารได้สองล้านคน โดยรวมแล้วพวกเขาสามารถมีทหารได้ 26 ล้านคนในกองพล
อาณาจักรมีอำนาจมหาศาลเพียงเพราะตำแหน่งทางการและกองพล เช่นเดียวกับตำแหน่งทางการนั้นค่อนข้างน่ากลัว กองพลก็มีความสำคัญพอ ๆ กันและมีเทคนิคพิเศษเช่นกัน
เอฟเฟคพิเศษ 1, [พลังของกองพล]: ทหารทุกคนในกองพลจะได้รับค่าสถานะทั้งหมด +10 และค่าสถานะทั้งหมด + 5%
เอฟเฟกต์พิเศษ 2, [ความกล้าหาญของกองพล]: เพิ่มขวัญกำลังใจและช่วยให้ทหารมีความเด็ดเดี่ยวทำ ให้พวกเขาไม่กลัวกับการเผชิญหน้ากับความตายและสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ ความต้านทานต่อภาพลวงตาและการจัดตั้งรูปขบวน + 200%
เอฟเฟกต์พิเศษ 3, [แสงสว่างแห่งกองพล]: เพิ่มอัตราการฟื้นตัวของทหารและมีผลต่อการรักษาบางอย่าง
เอฟเฟกต์พิเศษ 4, [อำนาจของกองพล]: ทำให้ทหารแผ่ความกดดันโดยธรรมชาติออกมาที่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของทหารธรรมดาและทำให้ฝั่งตรงข้ามขี้ขลาด
เอฟเฟกต์พิเศษ 5, [โล่กองพล]: ทหารสามารถระเบิดพลังและควบแน่นกำแพงป้องกันอันทรงพลังที่สามารถปกป้องทั้งกองพลได้ กำแพงป้องกันนั้นทรงพลังมากกว่ากำแพงป้องกันธรรมดาและได้รับการสนับสนุนจากสถานะของกองพล
เอฟเฟกต์พิเศษ 6, [การสร้างกองพล]: ทหารทุกคนสามารถปลดปล่อยออร่าทหารของตนซึ่งสามารถรวบรวมเพื่อสร้างอาวุธหรือสัตว์ร้ายที่ทรงพลังได้ อย่างไรก็ตาม ทหารทุกคนต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความคิดและไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้
เอฟเฟกต์พิเศษ 7, [มหากองพล]: กองพลใดในอาณาจักรเดียวกันสามารถรวมตัวกันเพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยิ่งกองพลเข้าร่วมกองกำลังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
บทที่ 866: กองพล
นี่คือเอฟเฟคพิเศษทั้งเจ็ดของกองพล เอฟเฟคของพวกมันค่อนข้างคล้ายกับของสรรพาวุธแม่ทัพ ที่เพิ่มความแข็งแกร่งของทหารทุกนาย
อย่างไรก็ตาม สรรพาวุธแม่ทัพไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายกดข่มและเอฟเฟคที่เจ็ดคือข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของกองพล
เอฟเฟคสองสามอย่างแรกทำให้ทหารธรรมดาทรงพลังขึ้นอย่างมหาศาล ทหารในกองพลจะทรงพลังมากกว่าทหารธรรมดาอย่างแน่นอน
เอฟเฟคพิเศษที่หก รูปขบวนกองพลค่อนข้างคล้ายกับการสร้างรูปขบวนออร่าทหารจากสรรพาวุธแม่ทัพ แต่ก็มีความแตกต่างบางอย่างอยู่
*แก้จากการสร้างกองพลเป็นรูปขบวนกองพล
แม้ว่าทั้งคู่จะมีเป็นการรวมออร่าของทหารเพื่อก่อตัวเป็นอาวุธหรือสัตว์ร้าย แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ รูปขบวนออร่าทหารจะถูกควบคุมโดยสรรพาวุธแม่ทัพ ผู้ที่ถือสรรพาวุธแม่ทัพสามารถรวบรวมออร่าของทหารโดยที่ทหารไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปขบวนกองพลต้องอาศัยทหารทุกคนสามัคคีอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อควบคุมออร่า สิ่งนี้ต้องการความร่วมมือกันอย่างสูง
สรรพาวุธแม่ทัพอาศัยผู้นำ ขณะที่กองพลอาศัยความสามัคคี
เมื่อพูดเปรียบเทียบกันแล้วสรรพาวุธแม่ทัพจะสะดวกกว่า แต่สรรพาวุธแม่ทัพนั้นยากที่จะครอบครอง แม้จะก่อตั้งอาณาจักรแล้ว ต้าฉินก็มีสรรพาวุธแม่ทัพเพียงสิบอันเท่านั้น ในขณะที่ทุกๆอาณาจักรก็มีกองพลแล้ว
แม้ว่ารูปขบวนกองพลจะยุ่งยากลำบากกว่า แต่ก็ดีกว่าการสร้างรูปขบวนออร่าทหารจากสรรพาวุธแม่ทัพ รูปขบวนกองพลได้รวมเอาความคิดของทหารทั้งหมดเข้าด้วยกัน และหากพวกเขาสามารถรวมพลังในการต่อสู้ได้ มันจะยิ่งทรงพลังมากกว่าการสร้างรูปขบวนออร่าทหารจากสรรพาวุธแม่ทัพซะอีก
แน่นอนว่า หากกำลังใจของทหารอ่อนแอและไม่สามารถรวมความคิดของพวกเขาได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถรวบรวมออร่าของทหารได้เช่นกัน
ในอดีต หากลอร์ดนครเผชิญหน้ากับทหารขั้นที่หนึ่ง 100,000 นาย ซิตี้ลอร์ดจะทรงพลังมากกว่าแน่นอนว่าลอร์ดนครมีตราประทับนคร และหากทหาร 100,000 นายไม่สามารถประสานการโจมตีได้พวกเขาจะไม่สามารถคุกคามลอร์ดนครได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าทหารยากที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีของลอร์ดนครเนื่องจากมีจำนวนมากในขณะที่ ลอร์ดนครสามารถหลบการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย หากลอร์ดนครต้องการวิ่ง ทหารจะไม่สามารถทำอะไรได้เพราะลอร์ดนครสามารถเหาะได้
หากลอร์ดนครไม่ต้องการเผชิญหน้ากับทหาร 100,000 นายโดยตรง เขาก็สามารถลอบโจมตีเพื่อสังหารเหล่าทหารได้ ทหารจะไม่สามารถต่อสู้กัยลอร์ดนครได้เลยและจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่คนระดับสูงมี – ก่อนหน้านี้ ต้าฉินเคยใช้ลอร์ดนครจำนวนมากเพื่อโจมตีภูมิภาคต่างๆอย่างกะทันหันและทำลายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทหารไม่สามารถทำอะไรกับลอร์ดนครของต้าฉินได้ ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น
ต้าฉินใช้วิธีนี้ในการโจมตีหลายภูมิภาคและกวาดไปทั่วหลายสิบภูมิภาค มีเพียงแค่ลอร์ดนครของฝ่ายอื่นมาถึงและมีพลังพอๆกัน ฝ่ายต้าฉินถึงจะถูกบังคับให้หยุด
อย่างไรก็ตาม หากลอร์ดนครเหล่านั้นไม่มา ทหารของระบบเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอะไรกับต้าฉินได้เลย ท้ายที่สุดนครหลักของระบบก็จะถูกยึดครองโดยต้าฉินไปทีละเมือง
จุดอ่อนของทหารในระบบคือความแข็งแกร่งของพวกเขากระจัดกระจายและไม่สามารถรวบรวมเพื่อต้านทานลอร์ดนครได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้แตกต่างออกไปในตอนนี้ที่มีกองพล – การรวมตัวของกองพลที่สร้างขึ้นโดยทหารระดับ 1 100,000 นายก็เพียงพอที่จะต้านทานลอร์ดนครได้
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพลังของลอร์ดนครที่มาจากตราประทับลอร์ดนครในขณะที่กองพลมีคุณสมบัติในการทำลายเมืองที่ค่อนข้างจะระงับอำนาจของลอร์ดนครลงมาก หากมีการปะทะกันระหว่างกองพลกับลอร์ดนคร บ่อยครั้งที่ลอร์ดนครจะต้องวิ่งหนีด้วยความกลัว
นั่นคือสาเหตุที่กองพลทรงพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นเอฟเฟกต์พิเศษของแม่ทัพกองพลเป็นสิ่งที่อาณาจักรใช้เพื่อต่อต้านพลังระดับมอนสเตอร์
พลังระดับสัตว์ประหลาดเหล่านี้น่ากลัวซะจนไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนเทียบได้ พวกมันทรงพลังมากเกินไปและสามารถคุกคามทั้งอาณาจักรได้ หากอาณาจักรไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง พวกเขาจำได้เพียงใช้กองกำลังของพวกเขาต่อต้านเท่านั้น
เมื่อใช้เอฟเฟกต์พิเศษของกองพล เหล่าทหารจะได้รับบัฟที่ทรงพลังทุกประเภทและยิ่งกองพลรวมตัวกันมากเท่าไหร่ พลังก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาจะไม่สูญเสียผู้เชี่ยวชาญไปสักคนและส่วนใหญ่จะใช้เพื่อป้องกันสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่อาจคุกคามได้ทั้งอาณาจักร
กองพลยังแบ่งออกเป็นกองพลปกติและกองพลพิเศษ
อาณาจักรไหนก็สามารถจัดตั้งกองพลปกติได้ แต่ผลของมันค่อนข้างธรรมดา พวกเขามีเพียงเอฟเฟคพิเศษทั้งเจ็ดเท่านั้นและไม่มีพลังพิเศษใด ๆ
อย่างไรก็ตาม กองพลพิเศษนั้นแตกต่างออกไปและมีทรงพลังกว่า กองพลปกติไม่สามารถเทียบกับกองพลพิเศษได้เลย
ด้วยเหตุนี้ กองพลพิเศษจึงมีข้อกำหนดค่อนข้างน้อย อันดับแรก พวกเขาต้องมีเรือกองพล ไอเท็มนี้ต้องมีคุณสมบัติที่ทรงพลังโดยไม่สนว่ามันจะดีหรือชั่วร้าย แต่ก็ต้องสามารถหลอมรวมแก่นแท้ของกองพลได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความสมดุล ไอเท็มบางชิ้นมีพลังสูงมาก แต่ไม่เหมาะที่จะหลอมรวมกับแก่นแท้ของกองพล
แก่นแท้กองพลเป็นลูกกลมแสงที่ใหญ่พอ ๆ กับลูกบาสเก็ตบอลและเปล่งแสงสีขาวจางๆและมีออร่าที่ไร้รูปแบบ มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดตั้งกองพลและเป็นสิ่งที่เกิดจากโชคชะตาของอาณาจักร
มีเพียงบางสิ่งเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมกับแก่แท้กองพลได้และหากแก่นแท้กองพลสามารถหลอมรวมกับไอเท็มดังกล่าวได้ อาณาจักรก็จะสามารถจัดตั้งกองพลพิเศษได้ คุณลักษณะพิเศษของกองพลพิเศษจะเชื่อมโยงกับไอเท็มนั้นอย่างมาก
ความรู้ประเภทนี้ค่อนข้างธรรมดา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จ้าวฝูจะรู้เรื่องนี้
นี่คือจุดแข็งของกองพล; อย่างไรก็ตาม จำนวนกองพลที่ต้าฉินมีนั้นค่อนข้างน้อยเนื่องจากต้าฉินสามารถจัดตั้งกองพลได้เพียง 13 กองพลเท่านั้น นี่เป็นเพียงทหาร 26 ล้านนายในขณะที่โดยรวมต้าฉินมีทหารมากกว่า 200 ล้านนาย
ทหาร 100,000 นายในกองพลหนึ่งสามารถปราบปรามลอร์ดนครได้หนึ่งคน ดังนั้นทหาร 26 ล้านนายสามารถปราบปรามลอรฺดนครได้ 260 คน เหล่าทหารกองพลจะสามารถต่อสู้กับทหารอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังสามารถฆ่าลอร์ดนครได้อีกด้วย
พลังของตำแหน่งทางการและกองพลคือการป้องกันอาณาจักร ด้วยพลังเหล่านี้เท่านั้นที่จะทำให้อาณาจักรมีอำนาจอย่างแท้จริง การมีอาณาจักรและการไม่มีอาณาจักรนั้นมีระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จากการประกาศของระบบ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับพรมแดนที่ค่อนข้างสำคัญ มหากำแพงจพเป็นพลังของอาณาจักร ทำให้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แต่ยังทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นแยกในนอก แม้แต่ช่องทางเทเลพอร์ตที่ทรงพลังก็ไม่สามารถข้ามพรมแดนได้เนื่องจากมหากำแพง
จ้าวฝูยืนอยู่บนแท่นอธิษฐานแห่งสวรรค์และหลังจากดูประกาศของระบบ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หัวใจเต้นรัวเมื่อเขารู้สึกถึงความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม ในที่สุดต้าฉินก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาและมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มหรือฝ่ายอีกต่อไป แต่เป็นประเทศที่แท้จริง