The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 111 จิตใจกิเลสไม่มีวันบรรลุธรรม
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 111 จิตใจกิเลสไม่มีวันบรรลุธรรม
มีเพียงสิ่งเดียวที่ฟางเจิ้งดีใจคือหลังสรงน้ำพระแล้ว จิตใจทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลุ่มลึก เข้าวัดด้วยความเคารพ ไม่มีใครทิ้งของมั่วซั่ว ในวัดยังคงสะอาด
หลังทำงานเสร็จก็ไปตักน้ำเต็มโอ่ง หนึ่งวันผ่านไปแบบนี้ มองตะวันลาลับขอบฟ้า กินโจ๊กล่าปาสุดท้ายจนหมด ถึงถอนหายใจโล่งอก
ฟางเจิ้งเดินมากลางอุโบสถด้วยความพอใจ พูดเบาๆ “ระบบ รับกล่องบริจาค!”
วิ้ง!
แสงทองขยับวูบผ่าน ในอุโบสถมีกล่องบริจาคสีแดงเพิ่มมา ด้านบนเขียนว่าบริจาค
กล่องบริจาคเหมือนทำขึ้นจากไม้ แต่สัมผัสแล้วกลับมีความเย็นเล็กน้อย ไม่ใช่หนาว สัมผัสมือดีมาก ด้านบนยังมีช่องเล็กๆ ไว้ใส่เงินค่าจุดธูป
“มีกล่องบริจาคแล้วไม่ต้องหาเงินไปทั่วห้องแล้ว…เอ่อ เกือบลืมไปเลย! วันนี้น่าจะมีเงินจุดธูปเยอะเลยนี่!” ฟางเจิ้งรีบค้นหาในห้อง บนโต๊ะหมู่บูชามีเงินจุดธูปปึกหนึ่งจริงๆ มีเป็นเศษเล็กเศษน้อย บ้างหนึ่งหยวน บ้างห้าเหมา บ้างสิบหยวน และยังมีใบร้อยหยวนอีกหลายใบ! ทว่าที่สะดุดตาที่สุดก็ยังเป็นเงินปึกนั้น!
ฟางเจิ้งเอามานับดูมีสองพันกว่าหยวน! ในนั้นยังมีเศษเงิน อีกฝ่ายน่าจะใช้เงินในกระเป๋าทั้งหมด
ฟางเจิ้งถูจมูก คาดเดาว่าคนที่ทำแบบนี้น่าจะเป็นถานหมิง
“ทำดีได้ดีจริงๆ…อืม อาตมาก็ถือว่าเป็นคนดี อมิตพุทธ” ฟางเจิ้งสวดบทหนึ่งก่อนเดินออกจากอุโบสถ โบกมือเรียกกระรอก หมาป่าเดียวดาย “ไปเถอะ ไปเล่นไป!”
ขณะเดียวกันหมู่บ้านผาแดงที่ถือว่าไม่ห่างจากหมู่บ้านเอกดรรชนีไกลนัก หลังหมู่บ้านมีภูเขาเล็กลูกหนึ่ง ไม่สูง ยังอยู่ระดับน้ำทะเล ทิวทัศน์สวยงาม ทั้งยังมีถนนลาดยางคดเคี้ยวขึ้นไปถึงยอดเขา บนเขามีวัดแห่งหนึ่งนามว่าวัดผาแดง
“เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง? คนวัดผาแดงของเราถูกวัดเล็กแย่งไป? เฉินจิน ฉันบอกนายแล้วนะว่าฉันจะได้เป็นเจ้าอาวาสคนต่อไปหรือไม่ก็ต้องดูที่ตรงนี้ นายทำเรื่องพังหมดแล้ว…ช่างเถอะ ไม่มีอะไรต้องพูด มิตรภาพเราจบกันแค่นี้!” หลวงจีนหัวโล้นรูปหนึ่งตะคอกแล้ววางสายไป
ตอนนี้เองหลวงจีนวัยกลางคนรูปหนึ่งเดินเข้ามา “อมิตพุทธ ศิษย์น้องอู้หมิง เจ้าอาวาสเรียกทุกคนไปพบ”
“ครับ ศิษย์พี่ อาตมาจะไปเดี๋ยวนี้” ความไม่พอใจทางสีหน้าอู้หมิงพลันหายไป กลับมากล่าวอย่างสุภาพ
“ศิษย์พี่ ท่านรู้ไหมว่าเจ้าอาวาสเรียกพวกเราไปทำอะไร?” อู้หมิงถาม
อู้ซินถอนหายใจ “ถึงพิธีสรงน้ำพระปีก่อนวัดผาแดงของเราจะเทียบกับวัดใหญ่ไม่ได้ แต่ก็มีคนมากันเป็นพัน แต่ปีนี้กลับหายไปเยอะอย่างกะทันหัน แสงธูปไม่เหมือนเมื่อก่อน เจ้าอาวาสจะต้องเรียกไปถามแน่ๆ”
อู้หมิงได้ยินดังนั้นก็หน้ามืดทะมึน เขาเป็นคนขอจัดพิธีสรงน้ำพระครั้งนี้ด้วยตัวคนเดียวเอง แต่ผลเป็นแบบนี้ เขารู้สึกใจเต้นระรัว! กลัวว่าจะอนาถา…
เดินข้ามอุโบสถผ่านกุฏิจนมาถึงพื้นที่กว้างโล่ง ตอนนี้เองมีหลวงจีนยี่สิบกว่ารูปนั่งประจำตำแหน่ง หลวงจีนเฒ่าสวมจีวรสีแดงนั่งอยู่ข้างหน้า สองมือคลึงลูกประคำราวกับนักบวชชราเข้าฌาน
อู้หมิงกับอู้ซินเตรียมใจมาแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งหลวงจีนเฒ่าลืมตาขึ้น
ตอนนี้เองหลวงจีนรูปหนึ่งยืนขึ้น “เจ้าอาวาส พิธีสรงน้ำพระปีนี้มีผู้มีศรัทธาหายไปเยอะ แสงธูปไม่สว่างไสวดั่งวันวาน ไม่รู้ทำไม”
“ปีที่แล้วๆ มาศิษย์พี่อู้ซินเป็นคนควบคุมดูแล ปีนี้อู้หมิงอวดเก่ง ควบคุมดูแลไม่ได้ ผลเลยเป็นแบบนี้” หลวงจีนอีกรูปแค่นยิ้ม
อู้หมิงหน้าอึมครึมจนแทบจะหยดออกมาแล้ว
ทว่าอู้หมิงไม่ยอมให้ถูกกระทำแบบนี้เลยยืนขึ้น “เจ้าอาวาสครับ เรื่องนี้โทษอาตมาเถอะ อย่าโทษนักบวชทุกท่าน ปีนี้วัดเอกดรรชนีที่ควรจะยุบกลับมีชีวิตขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร เณรรูปหนึ่งสืบทอดต่อจากหลวงจีนหนึ่งนิ้ว เปิดวัดเอกดรรชนีต่อ เณรนั่นเป็นคนหมู่บ้านเอกดรรชนี เติบโตที่หมู่บ้านเอกดรรชนีตั้งแต่ยังเล็ก ปีนี้จัดพิธีสรงน้ำพระ คนในหมู่บ้านก็เป็นผู้อาวุโส เป็นญาติพี่น้องเขา แน่นอนว่าต้องไปร่วมงาน อีกอย่างยังจัดกลุ่มคนกันในหมู่บ้าน…
ผู้มีศรัทธาของวัดผาแดงเราหลักๆ แล้วมีหมู่บ้านผาแดง หมู่บ้านเอกดรรชนีรวมถึงหมู่บ้านดอกไม้แดง ขาดชาวบ้านไปหมู่บ้านหนึ่งเลยต้องน้อยเป็นธรรมดา”
“นี่ไม่ใช่เหตุผล พวกเราต่างรู้สถานการณ์ของวัดเอกดรรชนีว่าเป็นยังไง ตอนหลวงจีนหนึ่งนิ้วอยู่ยังถือว่าเป็นวัด แต่กลับทรุดโทรมอย่างหนัก จะไปจัดพิธีสรงน้ำพระได้ยังไง? ไม่มีโจ๊กล่าปาพวกเขาก็ไม่หนีกันกลับเรอะ?” มีคนถาม
อู้หมิงกังวลแล้ว วัดจนขนาดนั้นทำไมถึงจัดพิธีสรงน้ำพระได้? ตอนแรกที่เขารับทำเรื่องนี้ทุกอย่างยังเคยคิดว่าวัดเอกดรรชนีก็แค่วัดเล็ก ทรุดโทรม ยากจนเหมือนแค่เหยียบก็จะพัง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาที่วัดเอกดรรชนี แต่ดันเกิดปัญหาจริงๆ…แต่จะสำนึกเสียใจก็สายไปแล้ว!
“อมิตาพุทธ” ตอนนี้เองหลวงจีนเฒ่าพลันสวดบทหนึ่ง ทุกคนเงียบลง
หลวงจีนหงเหยียนมองอู้หมิง “วัดเอกดรรชนีมีคนสืบทอดต่อแล้วรึ?”
อู้หมิงไม่เข้าใจว่าหลวงจีนหงเหยียนหมายความว่ายังไง จึงพยักหน้า “ครับ เป็นเณรชื่อว่าฟางเจิ้ง”
“อมิตพุทธ ประเสริฐๆ หลวงจีนหนึ่งนิ้วมีพระธรรมลึกล้ำ ฝึกใจไม่ฝึกกาย ตอนนี้มีผู้สืบทอดถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก ทำไมพวกท่านต้องทำหน้าไม่พอใจ? ฟางเจิ้ง…เจ้าเด็กคนนี้ตอนนั้นยังเคยมาวัดผาแดง อาตมาเคยเห็น เป็นเด็กที่มีไหวพริบ”
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าหลวงจีนหงเหยียนจะไม่โกรธ แต่กลับยิ้ม จึงพากันมองหน้ากัน หรือว่าคนจุดธูปน้อยจะเป็นเรื่องดี?
ตอนนี้เองอู้ซินถาม “ที่แท้เจ้าอาวาสก็มีชะตาได้พบกับฟางเจิ้ง ถือว่าเป็นวาสนาที่ได้มาพบกัน”
หลวงจีนหงเหยียนพยักหน้า ยิ้มกล่าว “ตอนนั้นอาตมาเคยสังเกตฟางเจิ้ง ในแววตาเด็กคนนี้มีความดื้อรั้นไม่เชื่อฟังเหมือนกับลิงน้อยซน ดังนั้นเลยพูดกับหลวงจีนหนึ่งนิ้วว่า ‘ฟางเจิ้งไม่เหมาะจะออกบวช ไม่มีชะตาต้องกับพุทธศาสนา’ แต่หลวงจีนหนึ่งนิ้วกลับตอบว่าเขามีชะตาต้องกับพุทธศาสนา วันนี้มาดูแล้วอาตมามองผิดไปเอง เด็กคนนี้ค้ำยันวัดเอกดรรชนีได้จริงๆ ทำเรื่องยากสำเร็จนับว่ามีค่ามาก”
“เจ้าอาวาส แต่ว่าเขาแย่งผู้มีศรัทธากับแสงธูปของเราไป” อู้หมิงกล่าว
หลวงจีนหงเหยียนส่ายหน้า “แสงธูปไว้บูชาพระ อยู่ที่อื่นก็ไม่ใช่การบูชาหรือ? พิธีสรงน้ำพระไว้ชะล้างจิตใจตัวเอง ไม่ใช่สร้างภาพให้นักบวช ชาวบ้านหมู่บ้านเอกดรรชนีไปพิธีสรงน้ำพระที่วัดเอกดรรชนีหรือมาสรงน้ำพระที่วัดผาแดงมันต่างกันยังไง? อู้หมิง จิตใจชิงดีชิงเด่นของท่านหนักเกินไปแล้ว วันหลังจำไว้ว่าอย่าคิดเรื่องไม่ถูกทำนองคลองธรรมแบบนี้อีก”
พูดจบหลวงจีนหงเหยียนยืนขึ้น “เรื่องนี้ให้เป็นแบบนี้แหละ วันนี้เรียกทุกท่านมาก็เพราะจะหารือกับทุกท่านเรื่องงานนั้นตอนปลายปี…”
หลวงจีนหงเหยียนจะพูดอะไรอีก อู้หมิงก็ไม่ได้ยินแล้ว เขารู้ว่าหนังหน้ากำลังร้อนเป็นไฟ ในความอับอายละอายใจมีความโกรธมากกว่า! เขาเป็นศิษย์ของอู้จื้อเป้ยที่เข้าวัดผาแดงแรกสุด ถ้าทำดี มีโอกาสสูงมากที่เมื่อหลวงจีนหงเหยียนลงจากตำแหน่งแล้วเขาจะได้รับดูแลวัดผาแดง! วัดผาแดงคืออะไร? แม้จะเป็นวัดเล็ก แต่เงินบริจาคจุดธูปทุกปี การสนับสนุนจากรัฐบาล รวมถึงการบริจาคต่างๆ…แค่คิดอู้หมิงก็ตาแดงน้อยๆ แล้ว!
…………