The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 243 ทำให้บิดากลัดกลุ้ม
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 243 ทำให้บิดากลัดกลุ้ม
ขึ้นเขาครั้งนี้ สื่อต้าจู้จงใจปิดบังฐานะตัวเอง กลัวว่าฟางเจิ้งจะเป็นหลวงจีนปลอม เห็นเงินเขาแล้วจะวางยา แต่เขากลับพบว่าอีกฝ่ายมีลักษณะไต้ซือจริงๆ ไม่เอ่ยถึงเรื่องเงินเลยตั้งแต่แรก ช่วยเขาแก้ปัญหาแล้วก็ส่งเขากลับ ต้อนรับคนอย่างมีมารยาท มีความสามารถแต่กลับไม่หยิ่งยโส อ่อนโยนดั่งสายน้ำ ยิ้มประหนึ่งแสงตะวัน…เด็กแบบนี้ เขามองแล้วชื่นชอบใจ อยากให้เป็นลูกตนใจจะขาด แต่ว่า…พอนึกถึงลูกของเขาก็อยากจะด่าแม่สองที “เจ้านี่ไม่ไขว่คว้าอะไรเลย ขี้เกียจ ทำไมถึงชนะในกองทัพน้ำเชื้อเป็นล้านๆ ตัวได้นะ? หรือว่าตัวอื่นๆ จะแย่ยิ่งกว่า? รู้อย่างนี้แต่แรกน่าจะฟาดเขาใส่กำแพง…จะได้ไม่ต้องมาเป็นทุกข์แบบนี้”
สื่อต้าจู้กลับหมู่บ้านมาก็ตรงไปที่บ้านเพื่อนบ้านด้วยความปราดเปรียว ไม่นานก็ออกมาอีกครั้งถึงกลับไปบ้าน ผลักประตูไป เห็นสือเสี่ยวจู้นั่งอยู่บนโซฟา กำลังกินขนมดูทีวี ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ความโกรธในใจสื่อต้าจู้พุ่งพรวดขึ้น ทว่าก็ยังกดไว้ในช่วงสำคัญ สูดลมหายใจเข้าลึก นั่งลงข้างสือเสี่ยวจู้ “ลูก อาหลินเพื่อนบ้านเราให้ลูกไปช่วยงานหน่อยน่ะ”
“ครับ” สือเสี่ยวจู้ยืนขึ้นเดินออกไป
สือเสี่ยวจู้ไม่ได้ขี้เกียจจริงๆ เพียงแต่เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่บ้านตนซื้อไม่ได้ ของเล่นอย่างพวกเครื่องบินหรือรถถังที่ลูกบ้านอื่นชอบอะไรพวกนั้น ตอนเด็กๆ แค่เขาออกปาก บิดาจะซื้อกลับมาให้เป็นกอง พอโตขึ้นก็เป็นแบบนี้ คนอื่นหาเงินสุดชีวิต แต่เขาแค่ยื่นมือไปก็ได้แล้ว…คนอื่นรับจ้างสุดชีวิตเพื่อซื้อบ้าน แต่เขาแค่เลือกเท่านั้น ไม่นานเขาพบว่าชีวิตไม่มีความกระตือรือร้นเลย ของทุกอย่างได้มาง่ายไปหมด ไม่มีความหมาย พอไม่มีความหมายก็ไม่มีความคาดหวัง ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นคนไม่มีชีวิตชีวา
ออกจากบ้านไปบ้านเพื่อนบ้าน พอเข้าประตูไปก็เห็นเพื่อนบ้านอาหลินกำลังย้ายกระถางดอกไม้ เห็นสือเสี่ยวจู้มาจึงเอ่ยในทันที “เสี่ยวจู้ มาๆๆ ช่วยอาย้ายของหน่อย วันนี้อาอยู่บ้านคนเดียว ของเยอะแบบนี้งานยากจริงๆ”
“ครับ ผมจะช่วยเอง” สือเสี่ยวจู้พูดจบก็เข้าไปช่วยย้ายกระถางดอกไม้
สองคนยุ่งกันอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ย้ายกระถางดอกไม้ทั้งหมดเสร็จ สือเสี่ยวจู้ว่า “อาหลิน ผมไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวๆ!” อาหลินเรียกไว้ จากนั้นจับมือสือเสี่ยวจู้ไว้ ควักเงินออกมาสองร้อยหยวนยัดใส่ในมือสือเสี่ยวจู้ “นี่ค่าแรง เธอออกแรงช่วยอา จะให้เหนื่อยฟรีๆ ไม่ได้”
“หา?” สือเสี่ยวจู้ตะลึงค้างอยู่กับที่ ชีวิตนี้เขาเอาแต่ขอเงิน ขอรถ ขอบ้าน แต่ไม่เคยหาเงินได้! สองร้อยหยวนที่ได้มาอย่างกะทันหันนี้ไม่มาก แต่กลับทำให้จิตใจราบเรียบพลันเกิดคลื่นกระเพื่อม ที่แท้ความรู้สึกของการหาเงินก็เป็นแบบนี้เอง! เราหาเงินเองได้! วินาทีนั้นสือเสี่ยวจู้รู้สึกดีใจ มีความสุขจากใจจริง!
“หาอะไร? นี่เป็นสิ่งที่เธอควรได้ รับไปเถอะ” อาหลินเอ่ย
สือเสี่ยวจู้เกาหัว “อาครับ ผมรับเงินนี่ไม่ได้”
“รับไม่ได้อะไร? เธอช่วยอาทำงานไม่ใช่เหรอ? คนงานบ้านเธอก็ทำงานช่วยบ้านเธอขุดหิน เธอให้เงินไหม? ให้เงินล่ะสิ? นี่คือกฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง แต่อาหลินจน ให้เธอไม่ได้มาก นี่ถือเป็นน้ำใจนะ” อาหลินพูด
สือเสี่ยวจู้ออกจากบ้านอาหลิน สมองยังอึนๆ อยู่ เขาหาเงินได้! เงินถังแรกในชีวิต สองร้อยหยวน!
แต่อาหลินกำลังบ่นในบ้าน “สื่อต้าจู้ป่วยรึเปล่า? วิ่งมาย้ายกระถางดอกไม้กับฉัน แล้วให้ลูกชายมาย้ายกลับ แถมยังให้ค่าเหนื่อยหมื่นหนึ่งอีก…เจ้านี่…มีเงินแต่ไม่มีที่ใช้รึไง”
ส่วนสื่อต้าจู้นั่งอยู่ในบ้าน กำลังเครียดภายในใจ ถ้าวัดกันที่ความเข้าใจต่อสือเสี่ยวจู้ สื่อต้าจู้อยู่อันดับหนึ่งแน่นอน ลูกชายตนถ้าไม่เข้าใจสิแปลก แต่ด้วยความที่เข้าใจมาก บางเรื่องห่างกันเพียงกระดาษกั้นหน้าต่างแต่กลับมองไม่ทะลุ มักจะอยากใช้ความน่าเกรงขามของตนบังคับให้สือเสี่ยวจู้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นอย่างนู้นอย่างนี้…แต่ไม่เคยคิดเลยว่าสือเสี่ยวจู้ต้องการเป็นอะไร อยากเป็นอะไร ต้องการทำอะไร ไม่ต้องการทำอะไร
ตอนนี้เข้าใจแล้วถึงใช้วิธีนี้ เพียงแต่ว่าเขาไม่มั่นใจว่าเส้นทางของตนถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกใจคอไม่ดี ขณะนี้เองสือเสี่ยวจู้เข้ามา ในมือถือเงินสองร้อยหยวนก่อนโยนให้สื่อต้าจู้
สื่อต้าจู้แสร้งถาม “นี่อะไร?”
“เงินสิ อาหลินให้มา บอกว่าเป็นค่าแรงผม” สือเสี่ยวจู้ทำหน้าแปลกเล็กน้อย ให้ก็ให้แบบไม่เป็นธรรมชาตินิดๆ
“หา? หาเงินได้เหรอ?! เก่งนี่นา? เฮ้อ…พ่อตอนอายุเท่าแกยังแบมือขอเงินอยู่เลย แต่แกเริ่มหาเงินได้แล้ว เยี่ยม!” สื่อต้าจู้พูด
สือเสี่ยวจู้งุนงง “เยี่ยม?”
“พูดมากน่า พ่อจะเก็บเงินสองร้อยนี่ไว้ นี่คือเงินที่แกกตัญญูต่อพ่อ เมื่อก่อนพ่อให้แก วันนี้แกให้พ่อแล้ว พ่อจะไปซื้อเหล้ากิน ฮ่าๆ…” สื่อต้าจู้โบกเงินสองร้อย ยืนขึ้นอย่างมีความสุขเตรียมจะออกไป แต่ในใจกลับร้องโอดครวญ ‘นี่เราหาเรื่องรึเปล่าเนี่ย? จ่ายไปหมื่นหยวนได้กลับมาสองร้อยหยวน ยังต้องแกล้งดีใจอีก! สองร้อยนี่ซื้อเหล้าอะไรได้วะเนี่ย? จะได้ดื่มไหม?’
พอเห็นท่าทางดีใจของสื่อต้าจู้ สือเสี่ยวจู้ก็ดีใจตามอย่างไม่ทราบสาเหตุ กตัญญู? นี่ถือว่ากตัญญู? ตนหาเงินได้ให้พ่อ? นี่…เหมือนว่าจะน่าสนุกมาก! มีความท้าทายมาก!
ดังนั้นทันทีที่สื่อต้าจู้ออกจากบ้าน สือเสี่ยวจู้พูดขึ้น “พ่อ ผมอยากทำธุรกิจ!”
สื่อต้าจู้ได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่น แทบจะร้องไห้! มารดาสือเสี่ยวจู้จากไปเร็ว เขาเป็นทั้งบิดามารดาเลี้ยงสือเสี่ยวจู้ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ รักสุดหัวใจ เดิมทีคิดว่าจะเลี้ยงให้เป็นอัจฉริยะของสังคม แต่กลับกลายเป็นกากเดนสังคม จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งเห็นความหวังจากกากเดนกลายเป็นอัจฉริยะ!
สื่อต้าจู้พลันวิ่งกลับมานั่งขัดสมาธิลงหน้าสือเสี่ยวจู้ หัวเราะแหะๆ “ลูกพ่อ! อยากทำธุรกิจเหรอ?”
“ครับ”
“ทำไมถึงอยากทำธุรกิจล่ะ” สื่อต้าจู้ถาม
“หาเงินเองใช้เอง กตัญญูพ่อ ผมว่ามันน่าสนุกดี” สือเสี่ยวจู้ตอบ
สื่อต้าจู้ยิ้ม “มันก็น่าสนุกจริงๆ แหละ แต่ว่าลูกพ่อ แกว่าจะทำธุรกิจ แล้วจะทำยังไง? อยากทำอะไร? อย่าบอกนะว่าจะเหมือนพ่อ มุดเข้าไปในภูเขาเป็นนายทุนที่ดิน นั่นไม่น่าสนุกเลยนะ แกต้องมีสิ่งที่อยากทำสิ?”
“ก็ใช่…แต่ผมทำอย่างอื่นไม่เป็น” สือเสี่ยวจู้ตอบ
“ทำไม่เป็น? ง่าย ออกไปดูสิ เรียนรู้อะไรบ้าง พอเป็นแล้วพวกเราค่อยทำกัน! ถึงตอนนั้นพ่อจะออกเงินให้แก…ไม่ใช่สิ เรียกว่าลงทุน! แกใช้ฝีมือ พ่อลงทุน พวกเราสองพ่อลูกหุ้นกันทำธุรกิจเป็นไง?” สื่อต้าจู้กล่าว
………………….