The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 262 สิ้นจิตใจมนุษย์
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 262 สิ้นจิตใจมนุษย์
“นี่ที่ไหน?” หวังเจี่ยกับผู้หญิงไฝดำลุกขึ้นนั่งจากพื้นถึงพบว่าฟ้ามืดแล้ว
“พี่หวัง ฉันเจ็บ เหมือนขาหักเลย” ผู้หญิงไฝดำร้อง
“ร้องบ้าอะไร ฉันก็เจ็บเหมือนกัน…” หวังเจี่ยเจ็บจนเหงื่อเต็มหัวจึงด่าไป
“พวกโยมสองคนรู้สำนึกรึยัง?” ตอนนี้เองหลวงจีนจีวรขาวเดินมาอยู่ตรงหน้าสองคน สองคนมองแวบแรกพลันตกใจสะดุ้ง นี่มันหลวงจีนที่เมื่อครู่วิ่งเร็วกว่ารถจนเกือบจะถูกพวกเธอชนตายนี่? เขายังไม่ไปอีก?!
“แกเป็นตัวอะไรกันแน่?” หวังเจี่ยตะโกน
ฟางเจิ้งโบกมือก่อนนั่งลงกลางอากาศ เอ่ยเรียบๆ “อาตมาฟางเจิ้ง พวกโยมสองคนมีบาปหนัก รู้สำนึกรึยัง?”
พอเห็นฟางเจิ้งนั่งกลางอากาศ ผู้หญิงสองคนตกใจจนวิญญาณจะออกจากร่าง นี่คนหรือ? หวังเจี่ยไม่กลัวคน แต่กลัวผี! ทำเรื่องเลวมาเยอะจึงกลัวเป็นพิเศษ! ถามด้วยเสียงสั่นๆ “กะ…แกคิดจะทำอะไรกันแน่? ฉัน…ฉันทำผิดอะไร?”
ฟางเจิ้งแค่นเสียงหึ “โง่เขลาเบาปัญญา ถ้าอย่างนั้นสีกาดูว่าพวกเขาคือใคร!” ฟางเจิ้งโบกมือ บนถนนมีเงาสีดำเพิ่มมาจำนวนมาก รูปร่างไม่สูง มองแวบเดียวก็รู้ว่านั่นคือเด็กทั้งหมด แต่ละคนก้มหน้า เนื่องจากแสงจึงมองเห็นไม่ชัด
แต่เด็กเหล่านั้นกลับเดินหน้ามาช้าๆ พร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ “คืนชีวิตหนูมา!”
“พะ…พวกแกเป็นตัวอะไร?” ผู้หญิงไฝดำตกใจจนจะวิ่งหนี แต่ขาหัก ขยับก็ปวดร้าวไปทั้งกายและใจ ขยับไม่ได้เลย!
หวังเจี่ยตกใจค้าง มองเงาเด็กเหล่านี้ แต่ละคนไม่มีเงา! หวังเจี่ยพลันหน้าขาวซีด แต่เธอก็ยังพยายามมองหน้าตาเด็กเหล่านี้ เด็กคนหนึ่งเข้ามาใกล้ เป็นเด็กชายคนนั้นที่เหมือนว่าจะลักพาตัวมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งคล้าย แม้แต่เสียงยังเหมือน จนเข้ามาใกล้…
หวังเจี่ยหวีดร้องเสียงดัง “แกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?!”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นในใจสั่นไหว เขาไม่อาจขุดค้นในใจของคนที่ไม่เปิดจิตใจได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงใช้กลอุบาย เด็กเหล่านี้ไม่มีหน้าตา แต่ตอนที่ผู้หญิงสองคนนี้นึกออกว่าใคร พวกเขาจะเปลี่ยนไปแบบนั้น เดิมทีแค่จะขู่ให้หญิงสองคนตกใจ ดูว่าจะหาต้นตอของเด็กคนอื่นๆ ได้ไหม แต่…ไม่นึกเลยว่าจะขุดเจอข้อมูลสำคัญ!
ผู้หญิงไฝดำมองไปเช่นกันก่อนกรีดร้องตาม “หม่าเสียวหู่ แกตายไปแล้วนี่ ฉันโยนแกลงไปในแม่น้ำกับมือ ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่?”
“มีชีวิตอยู่? ใครบอกพวกโยมกันว่าเขายังมีชีวิต?” ฟางเจิ้งรู้สึกแค่ว่าเพลิงโทสะในใจจะพ่นออกมาแล้ว! เด็กดีแต่ละคนถูกโยนลงแม่น้ำ สองคนนี้ไม่สมควรเป็นคน!
“ตายแล้ว? ผี?” ผู้หญิงไฝดำตกใจกลัว
หวังเจี่ยตกใจจนเหม่อไปเช่นกัน รู้สึกสมองจะระเบิด…
ฟางเจิ้งรู้ว่าเวลาของสองคนนี้ไม่มาก ถ้าไม่รีบเกรงว่าจะถามอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ทำไมพวกโยมถึงฆ่าเขา?”
หญิงสองคนได้ยิน แต่กลับเงียบ
ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก “พวกโยมก็เห็นแล้ว เด็กพวกนี้คือวิญญาณที่พวกโยมพาไป ถ้าวันนี้พวกโยมไม่ชดใช้ให้พวกเขา พวกโยมจะถูกพวกเขาลากลงนรก ตายไม่มีดินฝัง ถูกวิญญาณหมื่นดวงกัดกินทุกคืนวัน…”
ได้ยินฟางเจิ้งว่าแบบนี้ สองคนตกใจจนตัวสั่นงันงก
ผู้หญิงไฝดำถาม “ถ้าพวกเราบอกทุกอย่างล่ะ?”
“ความแค้นในใจพวกเขาจะหายไป ย่อมจากไปเอง” ฟางเจิ้งตอบ
ครั้นได้ยินฟางเจิ้งว่า หญิงสองคนเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้ ผีเยอะแบบนี้ มีคนเดียวที่ดูเหมือนคน…หวังเจี่ยยังไม่พูด ผู้หญิงไฝดำเอ่ยขึ้นมาก่อน “จะเพราะอะไรอีกล่ะ เด็กนี่มันก่อเรื่องเยอะ ให้กินยานอนหลับก็ไม่กิน เอาแต่ร้องไห้ตะโกนก่อเรื่อง พวกเรากลัวจะมีปัญหาเลยโยนลงแม่น้ำ…”
หลัวเจี่ยกล่าว “เด็กแบบนี้ขายไม่ดี แถมเป็นที่สังเกตของคนอื่นได้ง่าย ไม่ทิ้งจะเก็บไว้สร้างปัญหาทำไม แต่จะปล่อยกลับไปก็ไม่ได้ เขาจำพวกเราได้…”
ฟางเจิ้งได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจนกลีบปอดแทบระเบิด! เพราะเรื่องนี้ถึงกับต้องฆ่าเด็กคนหนึ่งเชียวหรือ?!
ฟางเจิ้งกลั้นความโมโหไว้ “แล้วเด็กคนอื่นๆ ล่ะ? ไปอยู่ไหน?”
“ฉันไม่รู้…เธอน่าจะรู้” ผู้หญิงไฝดำชี้หวังเจี่ย
หวังเจี่ยรีบส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!”
“ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ารู้อะไรมาบ้างไง…” ผู้หญิงไฝดำไม่สนอะไรแล้ว หลวงจีนตรงหน้าคือความหวังที่จะมีชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียว เธอไม่อยากถูกผีกัดตาย!
หวังเจี่ยโกรธ “เธอหุบปาก!”
“ช่างเถอะ ในเมื่อโยมไม่อยากพูด อาตมาจะไปแล้ว วิญญาณหมื่นดวงกัดกินใจ อนาถากว่าการลงทัณฑ์ทรมานสิบอย่าง พวกโยมจงรับไปเถอะ” ฟางเจิ้งเอ่ยจบก็ยืนขึ้นจะเดินไป ผีน้อยทั้งหมดพากันเข้ามาใกล้ หวังเจี่ยยิ่งมองเห็นชัดก็ยิ่งพบสิ่งที่น่าตื่นกลัว ในนี้มีใบหน้าคุ้นตาเยอะมาก บ้างเกือบลืมไปแล้ว บ้างเพิ่งผ่านตา…ภายใต้ความกลัวจึงตะโกนเสียงดัง “ฉันพูด ฉันจะบอกให้หมดเลย!”
“โยมมีโอกาสเพียงครั้งเดียว จะให้พวกเขาหลุดพ้นหรือให้พาพวกโยมไป” ฟางเจิ้งพูด
หวังเจี่ยรีบตอบ “หม่าเสียวหู่ หลี่หลิงหลิง หลิวเป่า…” หวังเจี่ยพูดมาทีเดียวสิบชื่อ จากนั้นเอ่ยต่อ “เด็กพวกนี้ไม่เชื่อฟังเลยโดนฉันจัดการ” ใช้คำว่าจัดการคืออธิบายหมดทุกอย่างแล้ว แต่ฟางเจิ้งพบว่าแววตาหวังเจี่ยเรียบนิ่งมาก เหมือนไม่ได้ฆ่าเด็ก แต่เป็นมดปลวก!
“คนอื่นล่ะ” ฟางเจิ้งแทบจะกัดฟันถาม
“คนอื่น? ให้คนอื่นไปแล้ว พวกเขารับผิดชอบเรื่องการขาย บ้างก็ขายในภูเขาลึก ขายไปนอกประเทศบ้าง ปกติจะพยายามขายไปนอกประเทศ แบบนี้จะตามกลับมาไม่ได้ จะได้ลดปัญหาให้พวกเราด้วย และยังมีขายให้แก๊งขอทานบ้าง พวกเขาจะหักมือหักเท้าเด็ก หรือไม่ก็ใช้กรดให้เสียโฉม ตัดลิ้น โยนไปขอทานข้างถนน…แล้วก็…”
“ยังมีอีกหรือ?!” ฟางเจิ้งระงับความโกรธไว้ไม่ไหวจริงๆ แทบจะตะคอก!
หวังเจี่ยตกใจจนไม่กล้าออกเสียง ฟางเจิ้งถึงระงับความโกรธลง “พูดต่อไป!”
“แล้วยังมี…ถูกขายไปนอกประเทศ ขายอวัยวะ…” หวังเจี่ยเอ่ยต่อ
ใบหน้าฟางเจิ้งเริ่มเหยเกย เมื่อหวังเจี่ยนึกย้อนความทรงจำ ฟางเจิ้งเห็นใบหน้าเด็กน่ารักๆ ใบหน้าเล็กเหล่านั้นจากยิ้มกลายเป็นสะอื้นไห้ สุดท้ายเป็นสิ้นหวังและชินชา…ร่างกายที่ไม่มีที่พึ่ง อ่อนแอ ยื่นสองมือคว้าข้างหลังอยากจะกลับบ้าน…
เห็นถึงตรงนี้ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก บันทึกความทรงจำเหล่านี้ไว้ จากนั้นภาพเปลี่ยนไป!
หวังเจี่ยพลันพบว่าความมืดหายไป มาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ลึกลับบางแห่งกลางเมืองชุน ข้างกายเป็นผู้หญิงไฝดำ บนเตียงเป็นซุนเหมิงเหมิงที่นอนหลับอยู่