The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 325 ส่งเดินทาง
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 325 ส่งเดินทาง
เฮ่อหมิงฝืนทนความเจ็บปวดตรงหน้าอกที่ถูกรถม้าชนไว้ นั่งยองลงลูบม้าชรา “เพื่อน ลำบากหน่อยนะ ครั้งนี้ขอบใจนายมาก หวังว่าจะไม่ต้องลากน้ำบนสวรรค์ ปล่อยได้วิ่งเล่นบนทุ่งหญ้าใหญ่…” พูดถึงตรงนี้เฮ่อหมิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถึงขบวนส่งน้ำจะมีหลายกลุ่ม แต่ม้าที่ใช้ส่งน้ำมีเพียงสองตัว ต่างเลี้ยงไว้ที่บ้านคนจิตใจดี คนมีเวลาพัก แต่ม้าแทบจะต้องออกลากน้ำหนึ่งรอบในทุกๆ หลายวัน ม้านี่เหนื่อยกว่าคนเยอะ ตลอดเส้นทางมานี้ เฮ่อหมิงซาบซึ้งใจม้าตัวนี้เช่นกัน ตอนนี้เห็นสหายเก่าจากไปย่อมเกิดความเศร้าในใจ น้ำตาไหลลงมาดังแปะๆ
ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผู้ชายจะไม่ร้องไห้กันง่ายๆ
ทุกคนเห็นดังนั้นก็เกิดความเจ็บปวดในใจ ฟางเจิ้งเดินเข้าไปลูบหัวม้าชรา นอนหมอบข้างหูม้าชรา พูดคำพูดของเฮ่อหมิงซ้ำอีกรอบ
ม้าชรามองเฮ่อหมิง น้ำตาไหลเช่นกัน ราวกับกำลังบอกลา ก่อนหลับตาลงช้าๆ สิ้นลมหายใจ
ฟางเจิ้งประนมสองมือสวดมนต์โปรดสัตว์
ตอนนี้ทุกคนเงียบ แต่ล้อมม้าชราฟังสวดเงียบๆ อวรพรให้ม้าชราเงียบๆ
ฟางเจิ้งจนปัญญากับเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงเขาจะเห็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับเฮ่อหมิงในอนาคต แต่เส้นทางภูเขาไม่มีสัญลักษณ์ มองไปที่ไหนก็เหมือนกัน เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย เขาเลยต้องคืนฤทธิ์ให้กับเด็กแดง ให้เขาตรวจตรารอบๆ แต่เด็กซนนี่ใจลอยแอบหนีไป ตอนที่พบก็สายไปเล็กน้อยแล้ว ดีที่ช่วยคนไว้ได้ แต่ม้ากลับต้องตายจาก…
ตอนนี้เองเด็กแดงเดินออกมาจากข้างรถม้า เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางเจิ้งอยากช่วยคนและก็อยากหยุดรถม้าด้วย มันง่ายขนาดนั้นเลยรึไง? ใช้เท้าถีบรถม้าเกือบจะถูกชนกระเด็นไปเหมือนกัน ดีที่เด็กแดงโต้ตอบไว แอบเข้ามาขวางรถม้าไว้ ทว่าเด็กแดงตัวเล็กเกินไป ความเร็วสูงมาก ทุกคนเลยสังเกตไปที่ฟางเจิ้ง ย่อมไม่สังเกตเห็นรายละเอียดตรงนี้ มองแค่ว่าฟางเจิ้งหยุดรถม้าและช่วยคนไว้
สวดมนต์จบ พวกเสี่ยวหูจื่อกลุ้มใจอีกรอบ ตอนนี้ม้าชราจากไปแล้ว จะเอาอย่างไรกับน้ำบนรถม้า? ใช้แรงคนไปส่ง? นี่เป็นภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จ! มิหนำซ้ำศพของม้าชราก็จะทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้ เฮ่อหมิงอยากพามันกลับไปทำฝังศพที่หมู่บ้านไต้หลี่ให้อย่างดี
ชั่วขณะที่ทุกคนกำลังหารือกันว่าจะทำอย่างไรนั้น ฟางเจิ้งเอ่ยขึ้น “อมิตาพุทธ ทุกท่าน ทุกคนแบกน้ำขึ้นหลังไปคนละหนึ่งลัง เอาม้าชราขึ้นรถ น้ำที่แบกไปไม่ได้ก็ให้วางไว้บนรถ ถ้าใส่ไม่ได้จริงๆ ก็วางไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวค่อยมาเอาก็ได้”
“หลวงพี่ อันนี้ไม่ยากหรอก ปัญหาคือลากรถนี่ไม่ไหวครับ” เสี่ยวหูจื่อยิ้มเจื่อนๆ
ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ “อาตมายังมีแรงลากรถไหว แต่ทุกท่านต้องช่วยด้วย”
ฟางเจิ้งแบกรับงานที่ยากที่สุดไว้แล้ว พวกเขาย่อมไม่มีเหตุผลปฏิเสธ ทุกคนจึงลงมือกันทันที ประคองรถม้าขึ้น เอาม้าชราขึ้นไปบนรถ ก่อนนำน้ำใส่ไว้บนรถเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนที่เหลือทุกคนแบกขึ้นหลัง ไม่อยากเชื่อว่าทำแบบนี้แล้วจะลงตัว!
ฟางเจิ้งอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่ดึงเด็กแดงไปข้างๆ
“อาจารย์ ท่านชั่วร้ายไปรึเปล่า? ท่านได้ชื่อเสียง แต่ข้าออกแรงเนี่ยนะ?” เด็กแดงพูดด้วยความคับอกคับใจและไม่ยินยอม
ที่แท้ความคิดของฟางเจิ้งก็ง่ายมาก ตัวเขาคนเดียวลากของเยอะขนาดนี้ไม่ไหวแน่ ถึงหัตถ์พลังนักรบโพธิสัตว์จะทำให้เขามีกำลังมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่แบบนั้น รถม้า น้ำและม้าชราหนักขนาดนี้ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่ แต่เด็กแดงต่างกัน เจ้าเด็กนี่ดูตัวเล็ก แต่มีแรงเยอะมาก! ดังนั้นฟางเจิ้งเลยจะแสร้งทำเป็นลากรถม้า ส่วนเด็กแดงช่วยผลักอยู่ข้างหลัง พละกำลังจริงๆ มาจากเด็กแดง…
ฟางเจิ้งก็รู้ว่าทำแบบนี้มันเกินไปหน่อย เลยถาม “ศิษย์ แล้วนายคิดยังไง?”
เด็กแดงลูบคาง คิดแล้วก็ตอบ “เข็นรถได้ แต่ท่านต้องคืนฤทธิ์ให้ข้า! ไม่อย่างนั้นข้าไม่ทำ อีกอย่างท่านห้ามเอาฤทธิ์ข้าคืนอีก”
ฟางเจิ้งส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ถึงเด็กแดงจะดื้อรั้นน้อยกว่าตอนเพิ่งมาไปมาก แต่ราชาปีศาจก็ยังเป็นราชาปีศาจ ได้รับการสั่งสอนแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กมาหลายปีขนาดนั้นจะเปลี่ยนกันได้ในวันสองวันหรือ? ส่วนพฤติกรรมตอนนี้ ฟางเจิ้งก็เข้าใจได้เหมือนกัน นี่เปรียบได้กับตอนที่เศรษฐีมีเงินอยู่สูงกว่าคนยากจนตลอดกาล แถมยังคิดว่าตนกับคนจนไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ไม่ได้อยู่โลกเดียวกัน แต่วันหนึ่งเศรษฐีไม่มีเงินแล้ว เขาในตอนนั้นถึงได้เรียนรู้การใช้มุมมองคนจนมองปัญหา ดั่งที่ว่าไว้ว่าตำแหน่งกำหนดความคิด ศักยภาพกำหนดตำแหน่ง!
ตอนนี้เด็กแดงฝึกตามฟางเจิ้งอย่างว่าง่าย ตระหนักการเปลี่ยนแปลงของโลกมนุษย์ มาถึงขั้นนี้ได้เพราะเขาไม่มีฤทธิ์ เริ่มเรียนการใช้มุมมองคนธรรมดามองโลก ตระหนักการทำความดีระหว่างมนุษย์ ไม่ใชใช้มุมมองของราชาปีศาจมองความเป็นตายอย่างเย็นชา!
ขืนคืนฤทธิ์ไป เกิดวันไหนเจ้าเด็กนี่นิสัยปีศาจกำเริบขึ้นมา ทำลายล้างเมืองและหมู่บ้านล่ะก็ บาปกรรมนั้นหนักหนาเกินไป! ฟางเจิ้งเองก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้!
“อาจารย์ ข้าขอแค่นี้ไม่พอใจรึ?” เด็กแดงมองฟางเจิ้งด้วยความน่ารัก
ฟางเจิ้งพูด “ศิษย์ จะคืนฤทธิ์ให้นายก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
“จริงรึ?” เด็กแดงตาเปล่งประกาย
ฟางเจิ้งกล่าว “นายออกบวชกับอาจารย์ ตัดผมทรงเดียวกับอาจารย์ จากนี้ห้ามออกจากวัดเอกดรรชนี อย่างอื่นก็คุยกันง่ายแล้ว”
เด็กแดงมองบนทีหนึ่ง “อาจารย์ ท่านไร้ความจริงใจไปแล้ว”
“เอาล่ะ อย่าพูดมาก อาจารย์ยอมลดตัวมาขอร้องแล้ว นายยังไม่ช่วยอีก? ไม่กระดากใจเลยรึ?” ฟางเจิ้งพูด
เด็กแดงเชิดหน้าขึ้น “อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นข้าขอร้องอย่างหนึ่ง จากนี้ให้ข้ายืมมือถือท่านมาเล่นบ้างได้หรือไม่?”
ฟางเจิ้งขบคิด คำขอนี้เหมือนจะไม่ยากเลยตอบตกลง
มีเด็กแดงช่วยแล้ว ภารกิจที่ดูเหมือนยากมากกลายเป็นไม่ยาก แต่ฟางเจิ้งก็ยังควบคุมพละกำลังไว้ ให้ทุกคนคิดว่าทุกคนร่วมแรงกันจนสำเร็จ ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น ทุกคนก็ยังมองว่าฟางเจิ้งเป็นผู้วิเศษ…
เสี่ยวหูจื่อพูดพึมพำ “เจ๋งกว่าม้าอีก!”
เด็กสาวคนหนึ่งรับคำโดยจิตใต้สำนึก “ล่อ[1] เหรอ?”
เส้นสีดำพลันขึ้นเต็มหน้าผากฟางเจิ้ง…ขี้เกียจจะพูดแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านเหลยเห็นม้าชราตายจากไปก็ร้องไห้เดี๋ยวนั้น ก่อนขุดหลุมศพไว้หน้าหมู่บ้านตรงจุดที่มองเห็นเส้นทางภูเขาฝังศพม้าชรา อีกทั้งยังตั้งป้ายไม้ ด้านบนเขียนว่า ‘หลุมศพม้ามีผู้พระคุณ’
ส่งน้ำเสร็จแล้ว ครั้งนี้พวกอาสาสมัครไม่ได้อยู่นาน แต่เดินทางกลับทันที ถึงอย่างไรก็เป็นวันจันทร์ ยังมีธุระค่อนข้างเยอะ
เฮ่อหมิงอยู่ต่อ ผู้ใหญ่บ้านเหลยโน้มน้าวเฮ่อหมิงหลายครั้งว่าให้เขากลับไป แต่เฮ่อหมิงตัดสินใจแน่วแน่ ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่แบ่งบ้านว่างในหมู่บ้านให้เฮ่อหมิง วันนี้ชาวบ้านทุกคนระดมกำลังกันช่วยเฮ่อหมิงทำความสะอาดบ้าน ก่อนนำผ้าห่มที่ทำใจใช้ไม่ได้จากบ้านคนรวมถึงเครื่องครัวต่างๆ มาให้ พริบตาเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อย
………………….
[1] ล่อ เป็นสัตว์ผสมระหว่างม้ากับลา ซึ่งลาในที่นี้หมายถึงลาหัวล้านที่เป็นการดูถูกนักบวชก็ได้