The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 108 ถือชามขึ้นเขา
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 108 ถือชามขึ้นเขา
หวังโอ้วกุ้ยอยู่หน้าสุด ข้างหลังคือครอบครัวถานจวี่กั๋ว และยังมีครอบครัวหยางผิง โดยเฉพาะถานจวี่กั๋ว แม้อายุเยอะแล้วแต่ยังเดินราวกับเหาะเหิน
“ปู่ ทำไมเดินเร็วจัง? ผมจะตามไม่ทันแล้วนะ” เด็กอ้วนคนหนึ่งร้องขึ้น
ถานจวี่กั๋วหัวเราะเสียงดัง “นั่นเพราะแกไม่มีแรงขับเคลื่อนยังไงล่ะ! ดูเจ้าเด็กเหม็นโฉ่อย่าหวังโอ้วกุ้ยกับหยางผิง แต่ละคนเดินเร็วกันทั้งนั้น ถ้าพวกเราไม่รีบกลัวว่าจะไม่ได้ดื่มกระทั่งซุปน่ะสิ”
“พ่อ เอ่อ…แค่โจ๊กล่าปาชามเดียวพ่อทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ชายวัยกลางคนยิ้ม
ผู้หญิงข้างผู้ชายพูดขึ้น “ใช่ ถึงร่างกายพ่อจะแข็งแรง แต่ไม่มีทางสู้คนหนุ่มสาวได้หรอก ถานหย่ง พ่ออยากกินโจ๊กล่าปา คุณเดินเร็วหน่อย ไปตักกลับมาให้พ่อดีไหม?”
ถานหย่งอึ้งไป ก่อนหัวเราะแห้งๆ “ได้ๆๆ พวกคุณรออยู่นี่นะ ผมจะรีบไป”
พูดจบถานหย่งก็วิ่งขึ้นไป ไล่ตามหวังโอ้วกุ้ย
หวังโอ้วกุ้ยหัวเราะ “ถานหย่ง ตาแก่บ้านนายให้รีบเดินรึไง?”
ถานหย่งยิ้มแห้ง “พี่หวัง พวกพี่เล่นอะไรกันเนี่ย? แต่ละคนเดินเร็วยังกับมีลมใต้เท้า เดินกันเร็วไปแล้ว”
หวังโอ้วกุ้ยตอบกลับอย่างลึกลับ “นายอย่าถามเลย ข้างหน้าเป็นวัดแล้ว พอถึงแล้วเดี๋ยวนายจะได้เห็นเอง”
สิ้นเสียง ถานหย่งก็ได้กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล ดวงตาพลันเปล่งประกาย “นี่มันกลิ่นอะไร? หอมจัง?”
“เหอะ! เจ้าเด็กนี่มีฝีมือจริงๆ หอม!” หวังโอ้วกุ้ยกล่าวจบก็อุ้มลูก จูงภรรยาเร่งความเร็วราวกับดาวตก! ถานหย่งก็ไม่โง่ รีบตามไปทันที
หวังโอ้วกุ้ยตะโกนอยู่ไกลๆ “ฟาง…เจ้าอาวาส! พวกเรามาแล้ว แกตุ๋นอะไรน่ะ? หอมเชียว?”
ฟางเจิ้งยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่โจ๊กล่าปา”
“หอมจริงๆ เร็วๆๆ เอามาให้ฉันลองสักชาม” หวังโอ้วกุ้ยวางลูกลง เอาสามชามใหญ่ออกมาวางตรงหน้าฟางเจิ้ง
ถานหย่งเห็นดังนั้นก็ร้องด้วยความตกใจ “พี่หวัง นี่พี่เอากะละมังบ้านพี่มาเลยเหรอเนี่ย? ไม่ใช่สิ นี่มันอ่างอาบน้ำ?”
“ไอ้เวร! อ่างอาบน้ำบ้านแกเล็กแค่นี้เหรอ? เดี๋ยวจะอาบให้นายเอาไหม?” หวังโอ้วกุ้ยหน้าแดง ด่าไปยิ้มๆ
ถานหย่งหัวเราะแห้งๆ
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็พูดไม่ออก หวังโอ้วกุ้ยฉลาดจริงๆ รู้ว่าข้าวผลึกของเขาอร่อย โจ๊กจะต้องพอๆ กัน เลยเอาชามใหญ่ยาวเท่าแขนเล็กมาสามใบ! จึงยิ้มเจื่อนๆ “โยมหวัง นี่มัน…ชามน้ำซุปเหรอ?”
หวังโอ้วกุ้ยหัวเราะเขินๆ “เอ่อ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าวัดไม่ได้มีกฎอะไรซับซ้อน ฉันก็เลยเอาชามมาใหญ่หน่อย”
ฟางเจิ้งพูดไม่ออก เขาไม่เคยถามระบบจริงๆ จึงถามไปทันใด “ระบบ โจ๊กล่าปาต้องให้กินจนอิ่มเลยไหม?”
“หนึ่งคนหนึ่งชาม เพิ่มไม่ได้ แม้โจ๊กล่าปาจะฟรี แต่จะฟุ่มเฟือยไม่ได้ และก็จะให้อย่างไร้มารยาทไม่ได้ เหมือนกับพุทธคัมภีร์ที่จะให้จำนวนน้อยไม่ได้ ทุกเรื่องต้องมีระดับ”
ฟางเจิ้งมองหวังโอ้วกุ้ยอีกครั้ง พลันพบว่าสมกับเป็นผู้ใหญ่บ้าน ฉลาดจริงๆ! คำนวณแม้แต่กฎของระบบ ยอดเยี่ยม!
ฟางเจิ้งถาม “ชามใหญ่แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“โอกาสมีไว้ให้คนที่เตรียมพร้อม ทุกคนเท่าเทียมกัน โอกาสเท่ากัน ไม่ได้หมายความว่าผลสุดท้ายจะเท่ากัน ผู้มีความพยายามย่อมได้มากกว่า ผู้ขี้เกียจย่อมได้น้อยกว่า”
ฟางเจิ้งเข้าใจแจ่มแจ้ง ดังนั้นเลยตักชามใหญ่ให้หวังโอ้วกุ้ยอย่างไม่ลังเล จากนั้นยิ้ม “โยมหวัง เข้าวัดไปสรงน้ำพระแล้วที่เหลือก็ตามสบาย วัดนี้เล็ก ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากนัก”
หวังโอ้วกุ้ยมองโจ๊กล่าปาสามชามใหญ่เต็มๆ ขณะจะขอบคุณนั้น กลับเห็นของในนั้น จึงร้องด้วยความตกใจ “นะ…ในนี้มันอะไร?”
ถานหย่งก็เห็นเหมือนกันจึงเข้าไปดูใกล้ๆ “มีรูปแกะสลักบนถั่วเขียว! แกนกลางพุทราจีนเหมือนกับพระพุทธองค์! พระเจ้า ฟางเจิ้งนายทำเหรอ?”
ฟางเจิ้งประนมสองมือยิ้มเล็กน้อย ในเมื่อพูดไม่ได้ก็จะไม่พูด เรื่องนี้ไม่ควรตอบ เลยหมิ่นเหม่คลุมเครือเสียเลย
หวังโอ้วกุ้ยมองพระพุทธองค์ พระวัชรสัตว์ พระอรหันต์และดอกบัวรวมถึงสัตว์อย่างเช่นสิงโตที่สมจริงราวกับมีชีวิตพลางกล่าวด้วยความแปลกใจ “โตมาขนาดนี้ กินโจ๊กล่าปามาหลายวัด ครั้งแรกเลยที่เห็นงานฝีมือที่ลึกซึ้งขนาดนี้! ฟางเจิ้ง ข้ามอย่างอื่นไปก่อนนะ แค่กลิ่นกับงานฝีมือก็สุดยอดแล้ว!”
ภรรยาหวังโอ้วกุ้ยก็ชมเหมือนกัน “ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นแกมีฝีมือแบบนี้เลยนะ เฮ้อ คนมีฝีมือออกบวช น่าเสียดาย ถ้าออกไปเปิดร้านคงร่ำรวยไปนานแล้ว”
หวังโอ้วกุ้ยถลึงตามองภรรยา “พูดจาไร้สาระอะไรอย่างนั้น?”
อีกฝ่ายหัวเราะแหยๆ เงียบไป
ฟางเจิ้งประนมสองมือ พูดยิ้มๆ “ไม่เป็นไร”
ภรรยาหวังโอ้วกุ้ยเห็นดังนั้นก็ถลึงตามองหวังโอ้วกุ้ยเหมือนกัน “เห็นเขาบอกไหม ดูตัวคุณเถอะ มีคุณธรรมรึเกินนะ! ไป กินโจ๊ก! แต่โจ๊กนี่ก็หอมจริงๆ”
หวังโอ้วกุ้ยถูกภรรยาลากไป ถานหย่งก็อดไม่ไหวรีบส่งชามไป “ฟางเจิ้งเร็วๆ หน่อย ตักให้ฉันชามสิ”
ฟางเจิ้งหัวเราะ ตักให้เต็มชาม ถานหย่งชิมไปคำหนึ่งทันที เดิมทีว่าจะแค่ชิมรสชาติ แต่พอคำนึงลงท้องกลับซดอย่างมูมมามดังซู้ดๆ กินโจ๊กชามใหญ่หมดเกลี้ยง!
ปึก! วางชามใหญ่ลง ถานหย่งรู้สึกแค่ว่าทั่วร่างร้อนๆ อุ่นๆ สบายมาก! กลิ่นหอมในปากยังอยู่ รสชาติดีเยี่ยมมาก!
ถานหย่งรีบกล่าวต่อ “ขออีกชามสิ!”
แต่ฟางเจิ้งกลับส่ายหน้ายิ้มๆ “หนึ่งคนหนึ่งชามเท่านั้น โยม นี่คือกฎ”
“มีกฎนี่ด้วยเหรอ?” ถานหย่งอึ้งไป เดิมทีคิดว่าหวังโอ้วกุ้ยพูดเล่น ไม่นึกเลยว่าจะจำกัดจริงๆ แต่ถานหย่งก็ไม่ยอม เข้าไปใกล้ ดึงฟางเจิ้งไว้ “ฟางเจิ้ง แกคิดดูนะ แกโตในหมู่บ้านเรา แถมยังกินข้าวบ้านพวกเราไปไม่น้อย เอ่อ…ให้ฉันอีกชามได้ไหม?”
“อมิตพุทธ โยม นี่คือกฎ จะทำลายกฎไม่ได้เด็ดขาด หนึ่งคนหนึ่งชาม เพิ่มไม่ได้ ได้แต่น้อย” ฟางเจิ้งส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ถานหย่งพลันไม่พอใจ “ฟางเจิ้ง ทำแบบนี้ไม่มีคุณธรรมเลยนะ…”
“ถานหย่ง ให้คุณมาตักโจ๊กไปให้พ่อ ทำไมกินเองล่ะ?” ภรรยาถานหย่งมาถึงแล้ว
ถานหย่งเพิ่งนึกได้ เขาไม่ได้จะกินเองนี่ เลยตอบ “ฉันไม่กินชามต่อไป แต่จะเอาไปให้พ่อโอเคไหม?”
ฟางเจิ้งพยักหน้า ตักให้เต็มชาม ถานหย่งมองผลไม้แห้งนานาชนิดในชามพลางเลียริมฝีปาก อยากกินจริงๆ! ทว่าถานจวี่กั๋วอยู่ข้างหลัง ถ้าเขากิน บิดาก็จะไม่ได้กิน อย่างนั้นเขาต้องอนาถาแน่
ถานหย่งสูดลมหายใจเข้ากลั้นใจ ไม่ดม ไม่มอง ก็ได้นี่?
ถานหย่งถือโจ๊กล่าปาเข้ามา หลิวเหยี่ยนภรรยาถานหย่งรับมาเป่า ถานจวี่กั๋วจะได้ไม่ร้อน ถานหย่งเห็นแบบนั้นก็หยุดกลั้นใจ จะพูดบางอย่าง แต่หลิวเหยี่ยนเป่าทีหนึ่ง กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก!
ถานหย่งกลืนคำพูดตรงริมฝีปากกลับไป ก่อนหมุนตัวกลับไม่มอง! ดูมากๆ เดี๋ยวน้ำตาร่วง!
……………