The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 126 ขาดทุน กำไร?
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 126 ขาดทุน กำไร?
“ปู่ ไม่โกรธนะ ย่าพูดถูก”
เอื้อก!
เฉินจินแทบกระอักเลือด
“พ่อ อย่าเถียงเลยน่า เรื่องนี้พวกเราไม่ยอมเด็ดขาด” เฉินหลงเอ่ย
เฉินจินถลึงตามองเฉินหลงแวบหนึ่ง “ถ้าไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุผลกับฉัน วันนี้ฉันจะไม่ยอมจบ! ฉันอุฒส่าห์กลิ้งลงเขามา แต่ทุกคนกลับลืมบุญคุณเนี่ยนะ”
พวกซูหงยิ้มแห้ง ก่อนดึงเฉินจินไปข้างๆ แล้วเล่าทุกอย่างที่เห็นให้ฟัง
เฉินจินได้ยินดังนั้นแล้วก็เงียบ…
“ตาแก่ ฉันรู้นะว่าคุณดื้อ แต่อย่าดื้อเรื่องฟางเจิ้งได้ไหม ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไปด้วยกันไม่ได้ คุณจะดื้อก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าลืมบุญคุณคน! ถ้าไม่ใช่เพราะฟางเจิ้ง ครอบครัวเรากลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว” ซูหงกล่าว
เฉินจินหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบเงียบๆ สูบไปสองทีแล้วถาม “พวกเธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?”
“ตาฝาด? พ่อ เห็นคานบ้านนั่นตรงประตูไหม! อย่างอื่นอาจจะตาฝาด แต่นี่น่ะตาฝาดได้เหรอ?” เฉินหลงตอบ
เฉินจินพูดด้วยความสงสัย “ก็มันเป็นไปไม่ค่อยได้นี้ ตอนฉันลงเขาฟางเจิ้งยังอยู่บนเขาอยู่เลย ลงเขามีทางเดียว ถ้าเขาลงมาไม่มีทางที่ฉันจะไม่เห็น แต่ว่า ไม่เห็นเขาเลย! แล้วก็เรื่องคำกลอนคู่นั่น เรื่องนี้มันพิลึกเกินไป…แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไง”
“เรื่องคำกลอนเป็นความจริง พวกเราเห็นกันหมด ตาแก่ คุณคิดดูสิ พวกเราไม่อยู่บ้านตลอดทั้งปี บ้านก็เก่าแล้ว ทั้งหมู่บ้านเขาเป็นบ้านปูนกันหมดแล้ว คุณบอกว่าชอบบ้านเก่า แค่เปลี่ยนหน้าต่างก็พอ บ้านไม้คละดินแบบนี้จะทนไฟได้นานแค่ไหน? คนลงเขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงไม่ใช่เหรอ? ชั่วโมงหนึ่ง มีบ้านไหนไม่ถูกเผาจนเกลี้ยงบ้าน?
แต่บ้านพวกเราแค่ไหม้ข้างนอก ในบ้านไม่มีไฟเข้ามาเลย เรื่องนี้มันปกติเหรอ? คุณบอกว่าภาพหลอนก็ได้นะ แต่ถ้าควันเข้ามา พวกเราจะยังมีชีวิตอยู่เหรอ?” ซูหงกล่าว
เฉินหลงก็เสริมด้วย “ใช่ พ่อ พ่อมีเหตุผลบ้างสิ อู้หมิงอะไรนั่น พ่อเดินตามอย่างว่าง่ายยังกับเด็ก ทีฟางเจิ้งแสดงปาฏิหาริย์แบบนี้ พ่อกลับอยากใส่ร้ายเขา นี่พ่อคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ป้าบ!
เฉินจินตบเข้าที่หัวเฉินหลงแล้วต่อว่า “ทำไมพูดกับพ่ออย่างนี้? ฉันจะเป็นยังไงไม่ต้องให้แกมาสอน!”
“จะรุนแรงทำไม พวกเราเห็นจริงๆ ไหนคุณบอกมาสิว่าคุณจะทำยังไง!” ซูหงว่า
เฉินจินโยนบุหรี่ทิ้ง ยืนขึ้น “ฉันเฉินจินไม่ใช่ไอ้สารเลว! ไม่ลืมบุญคุณคนหรอก แต่เรื่องนี้มันพิลึกไปหน่อยจริงๆ ฉันอยากขึ้นเขาไปดูว่าฟางเจิ้งจะว่ายังไง…ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอม แต่พวกเธอวางใจ พอเกิดเรื่องวันนี้แล้ว จากนี้ฉันจะตัดขาดกับอู้หมิง! พอใจไหม? เอ่อ ไม่มีบ้านแล้วจากนี้จะทำยังไงล่ะ?”
“ทำยังไงเหรอ? ก็ไปกับพวกผมสิ บ้านใหญ่ขนาดนั้นในอำเภอจะไม่พอสำหรับพ่อกับแม่ได้ยังไง?” เฉินหลงกล่าว
“ไอ้เวร! ใครจะอยู่กับแก ฉันชอบหมู่บ้านเอกดรรชนี” เฉินจินตอบ
“ถ้าอย่างนั้นสร้างบ้านใหม่ให้เอาไหม?” เฉินหลงยิ้ม
“แกนี่ใจดีนะ ไปดีกว่า!” ในที่สุดเฉินจินก็มีสีหน้าอ่อนโยน
“ไปไหน?” ซูหงถาม
“ไปตลาด” เฉินจินโบกมือ
“ไปทำไม?” เฉินหลงถามอย่างไม่เข้าใจ
เฉินจินถลึงตามอง “ถ้าแกมือว่างนักก็ขึ้นเขาไปหาผู้มีบุญคุณสิ? แกจะเอาหน้าไหม?! ถ้าไม่เอาพ่อเอาเอง!”
พวกเฉินหลง ซูหงต่างหัวเราะ…
ลูกชายเฉินหลงวิ่งเข้ามาร้องเรียก “ผมอยากกินลูกอม!”
………………..
บนเขา ฟางเจิ้งกลับไม่ดีใจ! ไม่ดีใจเอามากๆ!
“ระบบนายพูดอีกครั้งซิ! จับรางวัลกี่ครั้ง?” ฟางเจิ้งร้องด้วยสีหน้าเศร้าโศก!
“หนึ่งครั้ง! นายถามมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งแล้วนะ ต่อให้นายถามเป็นร้อยครั้งฉันก็ไม่เปลี่ยนคำตอบ! หนึ่งครั้งก็คือหนึ่งครั้ง!” ระบบตอบ
“ฉัน…” ฟางเจิ้งอยากด่าคนอีกแล้ว แต่ก็อดกลั้นไว้ หนึ่งวันด่าได้ครั้งเดียว จะต้องใช้ยามจำเป็นเท่านั้นจะสิ้นเปลืองไม่ได้ ฟางเจิ้งชี้ฟ้าพร้อมเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่ใช่ว่านายไม่มีร่างจริงล่ะก็ ฉันจะสอนนายให้เป็นคนทุกๆ นาทีเลย! ให้นายเข้าใจ ในสมัยโบราณมีหลู่จื้อเซิน[1]ถอนต้นหลิว แต่สมัยนี้ฉันจะคืนสนองหัวระบบ!”
“จะจับรางวัลไหม? ไม่จับฉันจะไปแล้ว”
“จับสิ! ทำไมจะไม่จับ? แต่นายติดค้างคำอธิบายที่สมเหตุผลกับฉันนะ! ถ้านายไม่อธิบายฉันไม่ยอม! ฉันช่วยสี่ชีวิต แต่ได้จับครั้งเดียว? ไหนบอกหนึ่งคนหนึ่งครั้งไง? พูดความจริงมาเถอะ นายหักสามครั้งนั้นไปกินเองใช่ไหม? ฉันแลกมาอย่างสุดชีวิต แต่นายกินไปใช่ไหม? ก้นฉันยังเจ็บอยู่เลย…” ฟางเจิ้งร้องโวยวาย
ระบบตอบ “คำอธิบายสมเหตุผล? ได้ ครั้งนี้นายช่วยไว้สี่คน เป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าครอบครัวเฉินจินตายไปในทะเลเพลิง เฉินจินอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ พ่อแม่ภรรยาเฉินหลงก็อาจจะเศร้าเสียใจ ชีวิตครึ่งหลังอยู่ในความเจ็บปวดทรมาน”
“ใช่ไหมล่ะ บุญกุศลใหญ่ขนาดนี้เลย! นายกลับให้ฉันจับรางวัลครั้งเดียว ขี้เหนียวเกินไปแล้ว…” ฟางเจิ้งพึมพำ
ระบบไม่สนใจฟางเจิ้ง แต่พูดต่อ “แต่ว่า การกระทำของนายครั้งนี้แค่ช่วยสี่คนเท่านั้น ได้บุญกุศลไปไม่น้อย แต่ได้จับรางวัลแค่ครั้งเดียว กระทำหนึ่งครั้งได้จับครั้งเดียว! ไม่มีมากกว่านี้ ถ้านายอยากได้ก็ปรับแก้ด้วยตัวเองได้ แต่ว่าการจับรางวัลครั้งนี้ไม่ใช่การจับแบบธรรมดา บุญกุศลสี่คนมากพอจะให้นายจับได้ของดีชิ้นหนึ่ง พูดกลับกันก็คือจับรางวัลเล็กสี่ครั้งของสี่คนแลกเป็นการจับรางวัลใหญ่หนึ่งครั้ง!
ตอนแรกนายจะนับได้ลูกปัดสี่ลูก ตอนนี้นายจับได้ไข่มุกทองคำแล้ว จะเอาแบบไหนล่ะ? ถ้านายโง่ก็ถือว่าฉันไม่ได้พูด”
ดวงตาฟางเจิ้งพลันเปล่งประกาย แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนโง่ ลูกปัดก็ยังไงก็เป็นลูกปัด แต่ไข่มุกทองคำคือการเปลี่ยนคุณภาพไปเลย! ดังนั้นฟางเจิ้งจึงตอบไปว่า “อธิบายได้สมเหตุผลมาก อาตมารับได้”
“ตอนนี้จะจับได้รึยัง?”
“จับ! ต้องจับสิ! เอ่อ…ใช่ ตอนฉันลงเขานายบอกว่าได้รางวัลนี่ จับพร้อมกันเลยได้ไหม?” ฟางเจิ้งพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจึงถาม
“ได้ จับพร้อมกัน? หมายถึงบุญกุศลสองครั้งรวมกันจับหนึ่งรางวัลใหญ่?” ระบบถาม
ฟางเจิ้งอึ้งไป “สั่งสมบุญกุศลมาจับพร้อมกันได้ด้วย?”
“แน่นอน แม้บุญกุศลจะแตะต้องไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ได้บุญกุศลใหม่ ขอแค่ไม่จับรางวัลก็จะไม่ถูกใส่ไว้ในคะแนนบุญกุศลเก่า แต่จะคำนวณแยกไว้! ถ้านายจับรางวัล บุญกุศลเหล่านี้จะใช้สำหรับวัดระดับ ยิ่งบุญกุศลสูง โอกาสที่จะจับรางวัลได้ของดีก็จะสูงขึ้นด้วย นี่เป็นวิธีตัดสินอย่างหนึ่งของระบบ เอาล่ะ จะเอาลูกปัดสองลูกหรือไข่มุกทองคำหนึ่งลูก?” ระบบถาม
ฟางเจิ้งมองบน “ระบบ ฉันว่านายทำเกินไปนะ! สี่ครั้งหดให้ฉันเหลือครั้งเดียว สองครั้งยังหดให้เหลือครั้งเดียวอีก…”
“นายเลือกเป็นสองครั้งได้” ระบบตอบอย่างมีเหตุผล
“นายพูดแบบนั้นไปแล้ว ถ้าฉันเลือกสองครั้งจะไม่เป็นคนปัญญาอ่อนรึไง? ครั้งเดียว! จับเลย! อย่าพูดถึงจำนวนกับฉันอีก มันอึดอัดใจ” ฟางเจิ้งพูด
…………………………
[1] หลู่จื้อเซิน ฉายาหลวงจีนลายบุปผา เล่าลือว่ามีกำลังมหาศาล ถอนต้นไม้ใหญ่ได้ด้วยมือเปล่า