The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 142 ข้ามฟาก
“มีปลาจริงๆ ด้วย!” ฟางเจิ้งเห็นปลากลุ่มใหญ่ว่ายมาก็แย้มยิ้ม
“ใครเรียกพวกเรา?” ปลาตัวหนึ่งโผล่มาจากในน้ำ แล้วถามขึ้น
ฟางเจิ้งรีบตอบ “อมิตาพุทธ อาตมาเรียกพวกนายเอง”
“เรียกพวกเราทำไม?” ปลาถามอย่างตรงไปตรงมา
ฟางเจิ้งยิ้มบอก “อาตมาอยากข้ามแม่น้ำ นายว่าพวกนายส่งอาตมาไปได้ไหม?”
“นายพูดกับพวกเราอยู่เหรอ?” ปลาถามอึ้งๆ
ฟางเจิ้งตอบ “ใช่ กำลังคุยกับพวกนายอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นนายต้องการอะไร?” ปลาถาม
“อาตมาอยากข้ามฟาก อยากให้พวกนายส่งอาตมาข้ามแม่น้ำ” ฟางเจิ้งตอบด้วยความอดทน
“นายพูดกับใคร?” ปลาถามด้วยความอดทนยิ่งกว่า
“กับนายไง” ฟางเจิ้งตอบกลับ
“นายเรียกฉันทำไม? บอกมาสิ” ปลาถามด้วยท่าทีว่าฉันจริงจังมาก
“อาตมาอยากข้ามฟาก อยากให้พวกนายส่งอาตมาข้ามแม่น้ำ” ฟางเจิ้งอธิบาย
“นี่นายกำลังพูดกับใคร?” ปลาถามด้วยความจริงจังมากกว่า
ฟางเจิ้ง “¥%¥#&apap…”
ฟางเจิ้งจ้องปลาตรงหน้าเขม็ง เขาสาบานว่าถ้าไม่ใช่นักบวช เขาจะจับเจ้านี่ขึ้นมา นึ่งแล้วทอดในน้ำมัน! เจ้านี่มันกวนเขาชัดๆ!
ตอนนี้เองปลาตัวเล็กว่ายเข้ามา “แม่ กำลังคุยอะไรกันเหรอ?”
“ฉันเปล่าพูดนะ เมื่อกี้ใครพูด?” ปลาตอบ
“อะไรนะ?” ปลาตัวเล็กถามงงๆ
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นพลันนึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเคยบอกว่าปลามีความทรงจำแค่เจ็ดวินาที!
‘เจ็ดวิ…เจ็ดวิแม่เอ็งสิ! ปลานี่มีความทรงจำไม่ถึงสามวิด้วยซ้ำ!’ ฟางเจิ้งด่าอยู่ในใจ เจอกับปลาความทรงจำสั้นทุเรศแบบนี้ เขาเลยล้มเลิกความคิดจะให้พวกเธอพาเขาข้ามฟากไป ไม่อย่างนั้นต่อให้เจ้าพวกนี้รับปาก ไม่แน่ว่าอาจจะลืมระหว่างทาง จากนั้นแยกย้ายกัน ส่วนเขาอนาถา
ดังนั้นฟางเจิ้งเลยโบกมือ “ไม่มีอะไร ทุกคนแยกย้ายกันไปเถอะ”
“เขากำลังพูดกับเราเหรอ?” แม่ปลาถามลูกปลา
ลูกปลาส่ายหน้า “ป่วยรึเปล่า…ไปเถอะๆ…”
กลุ่มปลาแยกย้ายกันไปหมด
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเฝื่อนในใจ…เขาป่วยเหรอ? ถ้าเขาไม่ใช่นักบวช จะลงน้ำไปต่อยปลาแล้ว!
พอหวังกับปลาไม่ได้ ฟางเจิ้งเงยหน้ามองฟ้า ควรทำยังไงดี? นี่คือปัญหา
ตู้เหล่าอีกฟากเห็นฟางเจิ้งยืนขึ้น กลุ่มปลาก็แยกย้ายกันไปเลยขมวดคิ้ว เพียงนั่งยองลงพูดไม่กี่ประโยคปลาก็มารวมกัน พอยืนขึ้นปลาแยกย้าย…นี่ถ้าเป็นในบึงเขาเชื่อ แต่แม่น้ำขาวเป็นป่าธรรมชาติ เขาโตมาจนป่านนี้ไม่เคยเห็นมีใครมีความสามารถแบบนี้มาก่อน!
‘น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ…’ ตู้เหล่าพึมพำในใจ
บนริมผามองภูมิลำเนา อู้หมิงอยู่ไกลมาก มองเห็นฝูงปลาไม่ชัด เห็นเพียงฟางเจิ้งนั่งยองและลุกขึ้น ทำท่าทางลึกลับ เห็นว่าฟางเจิ้งหมดหนทางเขาก็ดีใจอยู่ภายใน หัวเราะเสียงดัง เดินไปนั่งยังตำแหน่งของวัดตนเอง ขอแค่ฟางเจิ้งข้ามแม่น้ำมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลที่เหลือแล้ว
ชั่วขณะที่ฟางเจิ้งใกล้จะหมดหนทางนั้น
ระบบกล่าวขึ้น “ขอชี้แนะอย่างเป็นมิตร เรื่องที่นายไล่โจรไปได้รับการประเมินระดับดีจากระบบ ประกอบกับก่อนหน้านี้นายช่วยหลู่ซวงซวงให้มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตต่อก็ได้รับการประเมินระดับดี สะสมเป็นการประเมินระดับดีสองครั้ง”
“ประเมินระดับดี? เดี๋ยวนะ ถ้าฉันจำไม่ผิด ประเมินระดับดีสองครั้งได้จับรางวัลนี่?” ฟางเจิ้งพลันนึกถึงเรื่องนี้!
“ติ๊ง! ยินดีด้วย ในที่สุดนายก็คิดออก ถูก ตอนนี้นายมีโอกาสจับรางวัลหนึ่งครั้ง” ระบบตอบ
ฟางเจิ้งพูดไม่ออก ได้แต่บ่น “ทำไมนายไม่เตือนฉันเล่า?”
“นายลืมไปแล้ว ทำไมฉันต้องช่วยนายจำด้วย?” ระบบถามกลับ
ฟางเจิ้งไม่รู้จะตอบยังไง…ถึงนี่ควรจะเป็นหน้าที่ของระบบ แต่ระบบนี่ก็ไม่เคยพึ่งพาได้มาตลอดเลย แถมยังไม่ได้มาตรฐาน จะไปหวังพึ่งเขา? สู้หวังพึ่งตัวเองดีกว่า
ดังนั้นฟางเจิ้งเลยเอ่ย “ช่างเถอะ ช่วยฉันจับรางวัลที หวังว่าจะได้ของที่มีประโยชน์นะ…ไม่อย่างนั้นถ้าไม่ได้ล่ะก็ คงได้ว่ายน้ำไปอย่างเดียวแน่ เฮ้อ…ว่ายน้ำไปคงมอมแมมบ้างล่ะนะ”
ฟางเจิ้งมีจีวรขาวจันทร์คุ้มกัน แม้แม่น้ำหน้าหนาวจะเย็น แต่ถ้าหนาวนิดหน่อยจะไม่ทำอันตรายร่างกาย แน่นอนว่าว่ายน้ำไปไม่ใช่ปัญหา ปัญหามีเพียงอย่างเดียวคือภาพลักษณ์ มันจะมอมแมมน่ะสิ…
ตอนนี้ฟางเจิ้งรู้ว่ามีคนเล่นงานเขา ถ้าให้ไปสภาพมอมแมมแบบนั้นเขาก็ไม่ยอม!
“เริ่มจับตอนนี้เลยไหม?” ระบบถาม
“เอาเลย เริ่ม!” ฟางเจิ้งกล่าวอย่างแน่วแน่
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับรองเท้าพุทธ…ข้ามฟาก!”
“เอ่อ รองเท้าคู่หนึ่งเหรอ?” ฟางเจิ้งถามด้วยสีหน้ารังเกียจ
แปะ!
รองเท้าคู่หนึ่งตกในมือฟางเจิ้ง นี่คือรองเท้าฟางที่ไม่รู้ว่าถักขึ้นจากฟางอะไร หน้าตาไม่ค่อยเท่าไร มีจุดที่ดีที่สุดคือเรียบง่าย แต่จะต้องถูกรังเกียจอย่างแน่นอน!
ฟางเจิ้งมองยังไงก็เหมือนรองเท้าฟางพังๆ ที่โยนไว้ข้างร้านซ่อมรองเท้าตรงปากทางเข้าห้างในตำบลเล็กตรงตีนเขา อย่าว่าแต่คู่ละสิบหยวนเลย คู่ละสองหยวนยังต้องดูอารมณ์คนซื้อ มองไม่ออกเลยว่ามีตรงไหนที่โดดเด่นบ้าง
“ติ๊ง! รองเท้าพุทธมีชื่อว่าข้ามฟาก สวมแล้วเหยียบน้ำไม่จม ไม่ติดไฟ เหยียบโคลนไม่จม ไม่ปนเปื้อนสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล ไม่เปื้อนฝุ่น ไม่มีกลิ่นด้วย”
“กันเท้าเหม็นด้วยเหรอ? เอ่อ…เหยียบน้ำไม่จม?” ฟางเจิ้งเข้าใจทันที รองเท้านี่เจ๋ง! แก้ปัญหาได้แล้ว!
ฟางเจิ้งถามในทันใด “ระบบ นายมั่นใจนะว่ารองเท้านี่เหยียบน้ำไม่จมจริงๆ?”
“สินค้าจากระบบไม่มีลวงหลอกแน่นอน ของแท้สมราคา” ระบบตอบ
“ถ้าอย่างนั้นไม่เปื้อนฝุ่น ไม่มีกลิ่น ก็หมายความว่าไม่ต้องซักใช่ไหม? รักษาเท้าเหม็นโดยเฉพาะแถมไม่ต้องซักอย่างนั้นเหรอ?” ฟางเจิ้งถามหยอกเย้าโดยไม่คิด
“ใช่”
“รองเท้าดี!” ฟางเจิ้งเปลี่ยนคำวิจารณ์ทันที มองแม่น้ำขาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม กับอีแค่แม่น้ำเล็กๆ คิดจะขวางหลวงพี่ฟางเจิ้งได้อย่างนั้นเหรอ? วันนี้เขาจะแสดงละคร!
ฟางเจิ้งยิ้มเบิกบานใจ สุดท้ายเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง
ตู้เหล่ากับหงเสียงอีกฟากมองหน้ากัน จากนั้นส่ายหน้า “หลวงจีนนี่บ้าจริงๆ”
ขณะเดียวกันบนเขา
หลวงพี่คลุมกาสาวะตัวใหญ่ ในมือถือไม้ขักขระ[1] เดิมตามทุกคนไปยังริมผามองภูมิลำเนา ถามสามเณรรูปหนึ่งเบาๆ “มาหมดแล้วรึ?”
“เจ้าอาวาส หลักๆ มาหมดแล้วครับ แต่ฟางเจิ้งจากวัดเอกดรรชนียังไม่มา ไม่รู้ว่าไม่มาหรือล่าช้า” สามเณรตอบเสียงเบา
“ฟางเจิ้งจากวัดเอกดรรชนี?” หลวงจีนไป๋อวิ๋นขมวดคิ้วสีขาวน้อยๆ เหมือนกำลังนึกอยู่ว่าวัดไหน…
“ศิษย์พี่ วัดเอกดรรชนีที่เมื่อหลายวันก่อนออกข่าวกันโด่งดังไงครับ ได้ยินว่าอักษรของฟางเจิ้งไม่เลวเลย ชนะนักเขียนพู่กันจีนด้วย อีกอย่างเร็วๆ นี้ก็มีคนไปจุดธูปเล็กน้อย ดังนั้นพวกเราเลยส่งบัตรเชิญให้เขามาด้วย” หลวงจีนสูงอายุข้างๆ เอ่ยเบาๆ
“อาตมานึกออกแล้ว เจ้าอาวาสวัดนั้นยังเด็ก คงทำให้เขาลำบากแล้ว ในเมื่อยังไม่มาทุกคนก็รอหน่อยแล้วกัน” หลวงจีนไป๋อวิ๋นพูดเบาๆ จากนั้นทุกคนนั่งลง
อู้หมิงมองหลวงจีนไป๋อวิ๋นแวบหนึ่งแล้วเข้าไปใกล้ ได้ยินหลายคนคุยกันเรื่องฟางเจิ้ง ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แถมยังให้ทุกคนรอฟางเจิ้งอีก! เขาไม่พอใจแล้ว! ตอนนั้นวัดผาแดงไม่เห็นได้รับการปฏิบัติแบบนี้เลย! แต่เขาลืมไปว่าหลวงจีนหงเหยียนจากวัดผาแดงมาเป็นกลุ่มแรกสุดทุกครั้ง เคยสายตั้งแต่เมื่อไรกัน? อีกอย่างก็ไม่มีใครกลั่นแกล้งอะไรพวกเขาด้วย!
………………………………………..
[1] ไม้ขักขระ คือไม้เท้าทองเหลืองหนึ่งในสิบแปดเครื่องใช้ของภิกษุ เวลาบิณฑบาตจะถือบาตรด้วยมือซ้าย ถือขักขระด้วยมือขวา ห่วงด้านบนไม้เท้ามีอยู่ 3 แบบใหญ่ สี่ห่วงหมายถึงอริยสัจ 4 หกห่วงหมายถึงภพภูมิทั้ง 6 สิบสองห่วงหมายถึงเหตุปัจจัย 12