The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 187 เหมือนคนทุกประการ
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 187 เหมือนคนทุกประการ
คนในบ้านต่างมองหน้ากัน หลินตงสือยิ้มเฝื่อน “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เจอผู้ใหญ่บ้านบริหารคนไม่ได้แบบนี้”
“ฉันว่าดีออก อย่างน้อยเขาก็ไม่บ้าอำนาจ แต่เคารพคนอื่น” หลัวลี่แย้ง
หลินตงสือเบะปาก ไม่ได้พูดอะไร
ด้านนอก หลังหวังโอ้วกุ้ยเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟางเจิ้งฟังแล้วจึงเอ่ยต่อ “ฟางเจิ้ง นี่คือบริษัทภาพยนตร์ในมณฑลเลยนะ ถ้าได้ถ่ายหนังบนภูเขาเอกดรรชนีจริงๆ ภูเขาเอกดรรชนีจะต้องมีชื่อเสียง! ถึงตอนนั้นหมู่บ้านเราจะได้ประโยชน์ไปด้วย จากนั้นจะมีนักท่องเที่ยวมา หมู่บ้านเราจะเปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะ เอาง่ายๆ อย่างน้อยทุกบ้านจะใช้ชีวิตสุขสบายขึ้น”
“โยมหวังหมายความว่ายังไง?” ฟางเจิ้งถาม
“ความหมายฉันคือให้พวกเขาถ่ายจะดีที่สุด นี่เป็นเรื่องดีที่หล่นมาจากฟ้าเลยนะ” หวังโอ้วกุ้ยว่า
ฟางเจิ้ง “อาตมาไม่มีความเห็นอะไรหรอกนะ ขอแค่อย่าทำให้วัดสกปรก ที่เหลือก็แล้วแต่พวกเขาเลย”
แน่นอนว่าฟางเจิ้งยินดีมากถ้ามันช่วยชาวบ้านตรงตีนเขาได้ แต่ถ้าคนพวกนี้มาก่อความวุ่นวายติดๆ กัน นั่นก็ไม่โอเค
หวังโอ้วกุ้ยเข้าใจความหมายของฟางเจิ้ง คงจะกลัวเป็นแบบสมาคมศิลปะพู่กันจีนครั้งก่อน เขาเลยตบหน้าอก “วางใจ ฉันจะดูแลให้เอง! ถ้าบอกกฎไปแล้วขืนวุ่นวายจริงๆ ฉันจะไล่พวกเขาไปซะ ไม่ต้องทำธุรกิจร่วมกันแล้ว ดีไหม?”
“เอาตามที่โยมว่าเลย อาตมาไม่อยากยุ่งเรื่องนี้” ฟางเจิ้งพูดจากใจจริง หนึ่งคือไม่เข้าใจ สองใคร่ครวญอย่างหนักทุกคืนวันก็ยังไม่ได้คำตอบ เลยไม่มีใจไปสนของทางโลกพวกนี้
หวังโอ้วกุ้ยดีใจใหญ่ วางสายแล้วกลับไปคุยเรื่องการร่วมงานกัน
เงื่อนไขของหวังโอ้วกุ้ยไม่เยอะ แค่ไม่รบกวนความสงบของวัด ส่วนเรื่องอาหารและที่พักของกองถ่ายต้องจัดในหมู่บ้าน ในหมู่บ้านจะไม่เรียกราคาสูง ราคาเป็นธรรม รับรองเรื่องสุขอนามัยสะอาดเป็นต้น…
ผู้กำกับอวี๋เห็นหวังโอ้วกุ้ยพูดอย่างจริงใจไม่ได้หลอกพวกเขา ทุกอย่างเหมาะสมก็ย่อมพอใจมาก สองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันเลยคุยกันง่าย
จนกระทั่งผู้กำกับอวี๋ออกจากหมู่บ้านไปยังหัวเราะหึๆ ลูบเคราพลางว่า “ไปมาหลายที่ นี่เป็นที่แรกเลยนะที่เจอหมู่บ้านจริงใจแบบนี้”
หลินตงสือจุ๊ปากชื่นชม “จริงครับ แต่ก่อนหน้านี้พวกเราถ่ายหนังในวิวสวยๆ ไม่เห็นมีชาวบ้านเลย มีแต่นักธุรกิจกับพ่อค้าคนกลางทั้งนั้น ก็ถือว่าปกติแหละครับ”
เหล่าเถาว่า “ที่นี่เป็นที่ห่างไกลความเจริญ คนก็จริงใจเป็นธรรมดา ไปมาหลายที่แล้ว นี่เป็นที่แรกเลยนะที่มีเงื่อนไขมาแค่นี้ แถมยังไม่หลอกลวงกันอีก”
“คนก็ง่ายๆ แบบนี้แหละ ดีแล้ว…ทุกคนจะได้สบายๆ” ผู้กำกับอวี๋บิดเอวขี้เกียจ พิงหลังต้นไม้หลับตาพักเหนื่อย “แจ้งกองถ่ายทั้งหมดให้เตรียมตัว”
“ครับ!” หลินตงสือขานรับก่อนส่งข่าวไป
แต่ทางด้านฟางเจิ้งกำลังนั่งเหม่ออยู่หน้าประตู
“ภูเขาคือภูเขา น้ำคือน้ำ…หมายความว่าไงกันแน่? เกี่ยวอะไรกับการปลูกข้าว?” ฟางเจิ้งเกาหัว ส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด
“จี๊ดๆ” กระรอกกระโดดจากกำแพงลงมาที่บ่าฟางเจิ้ง เห็นท่าทีกลัดกลุ้มจึงส่งเมล็ดสนให้ฟางเจิ้งเป็นครั้งแรก
ฟางเจิ้งลูบหัวเจ้าตัวน้อย “ขอบคุณนะ”
“เจี๊ยกๆ…” มีเสียงประหลาดดังมาแต่ไกล เป็นลิงวิ่งกลับมา ข้างหลังเป็นหมาป่าเดียวดายตามมาติดๆ พอมาถึงข้างหน้าหมาป่าเดียวดายพลันเพิ่มความเร็ว พุ่งกระโจนใส่ลิง เจ้าสองตัวนี้กลิ้งเป็นลูกขนุน ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นก็ขบขัน
พอฟางเจิ้งหัวเราะ เจ้าสองตัวนี้ก็ไม่เล่นกันแล้ว แต่นั่งลง เขาเห็นแบบนั้นถึงเข้าใจว่าเจ้าพวกนี้เห็นเขากลุ้มใจมานานเลยแสร้งก่อเรื่องเพื่อให้เขาหัวเราะ
ฟางเจิ้งยืนขึ้น “เอาล่ะ ขอบคุณที่พวกนายแสดงละครให้ดูนะ อาตมาไม่คิดแล้ว ไป เล่นกัน!”
“โฮ่ง!”
“เจี๊ยกๆ!”
“จี๊ดๆ…”
“ปัง!”
“โอ๊ย กระรอก ทำไมนายยังมีประทัดปาอีก? ครั้งก่อนนายปาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ปัง!
โฮ่ง! หมาป่าเดียวดายประท้วง!
“เจี๊ยกๆ…” ลิงปรบมือหัวเราะใหญ่ แต่ประทัดปาระเบิดตรงหน้าผากมันทีหนึ่ง ทำเอาตกใจจนหัวเราะไม่ออก
กระรอกหยิบถุงเล็กออกมาอย่างลำพองใจ ถุงนี่ฟางเจิ้งทำให้มันใช้ใส่เมล็ดสน จากนี้จะได้ไม่ต้องยัดใส่ปาก แต่เจ้านี่ดันใช้ใส่ประทัด!
“วิ่ง!” ฟางเจิ้งนำร่องหมุนตัวสับขาหนีไป
หมาป่าเดียวดายกับลิงวิ่งตามมาข้างหลัง กระรอกน้อยกลายร่างเป็นราชาปีศาจอยู่ข้างหลัง ถือประทัดปาวิ่งไล่ล่าตลอดทาง…
หลายวันต่อมาฟางเจิ้งละความยึดมั่นในใจลง ควรสวดมนต์ก็สวด ควรเคาะมู่อวี๋ก็เคาะ มีเวลาก็จะอ่านพุทธคัมภีร์ อ่านความเข้าใจในพระธรรมของคนอื่น ว่างๆ จะพาพวกตัวน้อยไปเล่น แต่หลังจากลิงมาก็ช่วยงานเขาได้ไม่น้อย ลิงที่มีสติปัญญาสูงตัวนี้รับผิดชอบเช็ดถูส่วนบนคานอุโบสถ ส่วนพระพุทธรูปข้างล่างอะไรพวกนี้ เขายังไม่ไว้ใจให้เจ้าตัวมีขนนี่ทำ
เห็นเจ้านี่ทำงานฉับไว ฟางเจิ้งจึงยิ้ม “อมิตาพุทธ ทำได้ดีมาก”
ลิงเชิดหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ เรียนรู้การประนมสองมือจากฟางเจิ้งพลางร้องเจี๊ยกๆ มีความคล้ายกับนักบวชหลายส่วน! เพียงแต่ว่าเจ้านี่จะเกาก้นทันที เลยสิ้นภาพลักษณ์ไปในพริบตา
ฟางเจิ้งปิ๊งไอเดีย จึงไปเอาจีวรเก่าตัวก่อนของเขาหลังลานมาสวมให้ลิง ทันใดนั้นนักบวชลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกันราวกับแกะ ถ้าไม่มองหน้าและขนตามตัว มันเหมือนคนทุกประการจริงๆ
ลิงพอใจกับเครื่องแต่งกายตัวเองมาก ความจริงแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะได้ฟังลิ้นบัวเบ่งบานของฟางเจิ้งหรือว่าอะไร ลิงนี่เลยชอบเลียนแบบฟางเจิ้งเป็นพิเศษ เลียนแบบทุกการกระทำ เหมือนกับมองฟางเจิ้งเป็นเป้าหมายในชีวิต เพียงแต่ยังคงขาดหายอะไรไปบางอย่าง ตอนนี้พอแต่งกายแล้วรู้สึกเหมือนฟางเจิ้งขึ้น แน่นอนว่ามันต้องดีใจกว่าเดิม ร้องทักหมาป่าเดียวดายกับกระรอก ก่อนร้องเสียงดังพร้อมกับวิ่งออกไป ห้อวิ่งไปยังป่าไกลๆ มีลิงอยู่ การเก็บเมล็ดสนเลยเร็วขึ้น ฟางเจิ้งเลยมีขนมกินแทบทุกวัน และก็ไม่ต้องเห็นแววตาขี้เหนียวของเจ้ากระรอกด้วย
เดิมทีฟางเจิ้งคิดว่ามีแรงกดดันเรื่องการแข่งขันแล้วกระรอกจะขยันกว่าเดิม ไม่เอาแต่กินมั่วซั่วทุกวันจนอ้วน แต่เจ้านี่ยังหน้าด้านหน้าทนไม่ตามลิงไป วันๆ เอาแต่กินเยอะขึ้นจนอ้วน…วิ่งทีเหมือนกับลูกบอล ฟางเจิ้งสงสัยว่าถ้าไม่ต้องปีนขึ้นต้นไม้กลับบ้านทุกวัน เจ้านี่อาจจะอ้วนกลายเป็นบอลจริงๆ ก็ได้
พอว่างเขาหยิบมือถือออกมา อ่านข่าวไปเรื่อยเปื่อย พอเปิดข่าวหน้าแรกก็เห็นภาพใหญ่เด้งขึ้นมา
ฟางเจิ้งขี้คร้านจะสนใจข่าวที่เด้งมาจึงกดปิดไป จากนั้นคลิกเข้าสู่หน้าแรก
……………………