The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 202 เจ้าอาวาสหัวไข่พะโล้
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 202 เจ้าอาวาสหัวไข่พะโล้
“เสี่ยวหลิว ข้างนอกมีคนยืนเฝ้ายามนี่…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลี่เสวี่ยอิงโกรธจะปะทุแล้วเหมือนกัน ถ่ายหนังมาหลายปี ไปมาทั่ว คิดว่าจะไม่เคยเจออันธพาลมาก่อน? แต่ถูกขโมยอย่างน่าอนาถแบบนี้เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก
เสี่ยวหลิวกล่าว “คุณก็รู้นี่ครับว่าทุกคนมีช่วงขี้เกียจกันทั้งนั้น”
หลี่เสวี่ยอิงมองบน “ขี้เกียจตอนไหนไม่ว่า ดันมาขี้เกียจตอนนี้ พระเจ้า…เสี่ยวหลิว นายลงเขาไปเดี๋ยวนี้เลย ซื้อชุดชั้นในมาให้ฉัน ถ้าไม่มีกางเกงในฉันจะไม่ออกไป”
“คุณเสวี่ยอิง ภูเขาใหญ่ขนาดนี้ คนที่ลงมือจะต้องเป็นคนระแวกนี้แน่ๆ ผู้กำกับอวี๋โกรธแล้ว พาคนไปตรวจดูรอบๆ ไปในหมู่บ้านแล้ว ถ้าหาไม่เจอก็จะเตรียมแจ้งตำรวจ คุณอย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ จะต้องหาเจอแน่” เสี่ยวหลิวกล่าว
หลี่เสวี่ยอิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้าหาเจอแล้วนายจะใส่ไหมล่ะ? ใครก็รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นเอาของพวกนั้นไปทำเรื่องลามกอะไร สรุปฉันไม่ใส่แล้ว จะเอากลับมาได้ไหมฉันก็ไม่ใส่แล้ว! อีกอย่าง นายไปบอกข้างนอกนะว่าของฉันไม่หาย เข้าใจไหม?”
เสี่ยวหลิวยิ้มซื่อๆ “วางใจเถอะครับคุณเสวี่ยอิง ผมรู้ว่าต้องพูดยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี รีบไปซื้อเถอะ ย่องๆ ไปล่ะ ถ้าคนอื่นถามว่าจะไปไหนก็บอกว่าไปซื้อของให้ฉัน รู้ไหม?” หลี่เสวี่ยอิงกำชับ
“รู้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เสี่ยวหลิวพูดจบก็รีบออกไป แต่พอออกมาก็เห็นผู้ชายกลุ่มใหญ่นั่งยองอยู่ข้างนอก แต่ละคนดวงตาเปล่งประกาย
“มองอะไร? ถ้าจะดูวิวพวกนายไม่มีหวังหรอก คุณเสวี่ยอิงของไม่หาย!” เสี่ยวหลิวพูดจบก็เชิดหน้าขึ้นเดินไป
หลัวลี่เกาหัว “หลินตงสือ ข่าวนายไม่น่าเชื่อถือเลยนะ เช้าขนาดนี้ฟ้ายังไม่สางพวกเรามานั่งยองกันแล้ว แถมยังหลบคนอีก จะทำอะไรอีก คงรอเสียเปล่าแล้วล่ะ”
“นายมันโง่ เชื่อคำพูดเสี่ยวหลิวด้วยรึไง? หายกันหมด แต่หลี่เสวี่ยอิงไม่หาย? นายเชื่อเหรอ? ถ้าพวกนายจะไปก็ไป ฉันจะนั่งตรงนี้สักพัก” หลินตงสือว่า
เหล่าเถาได้ยินดังนั้นก็มองหลินตงสืออย่างเหยียดหยาม “นั่งกับผีแกสิ เธอสวมเสื้อผ้าหนาขนาดนั้น ไม่สวมชั้นในคิดว่าจะมองเห็นเหรอ? ถ้าทำให้เธอโกรธขึ้นมา ระวังเถอะจะโดนเตะกลับไปปลูกผัก ฉันไม่รอแล้ว ระวังจะซวยละกัน ถ้ำมองคนอื่น…”
“ขโมยอะไร? เหล่าเถา แกเป็นคนทำเหรอ?” ตอนนี้เองมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
เหล่าเถาได้ยินดังนั้นก็แทบจะร้องไห้ เขาทำอะไร? เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย! หันไปมองเห็นอวี๋กว่างเจ๋อเดินมา จ้องเขาด้วยแววตาตาโมโห! เห็นได้ชัดว่าอวี๋กว่างเจ๋อเพิ่งมา ไม่ได้ยินข้างหน้า แต่ได้ยินว่าถ้ำมองคนอื่น[1]
หลินตงสือกับหลัวลี่เห็นดังนั้นจึงรีบยืนขึ้น ทักทายแล้วหายวับไป
เหล่าเถาพูดเสียงสะอื้น “ผู้กำกับครับ นี่ไม่เกี่ยวกับผมนะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เห็นแก่ว่าแกปอดแหกไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้หรอกนะ เอาเถอะ ไปทำงานตรงนู้นไป” อวี๋กว่างเจ๋อชี้ไปยังกองสิ่งของไกลๆ
เหล่าเถาตะลึงงัน “ผู้กำกับ นั่นไม่ใช่งานของผู้หญิงเหรอครับ?”
“ผู้หญิงลงเขาไปซื้อชุดชั้นใน แกไม่ทำแล้วจะให้ฉันทำรึไง?” อวี๋กว่างเจ๋อถลึงตามอง
“ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ? คนออกเยอะแยะ” เหล่าเถามองพวกหลินตงสือกับหลัวลี่ที่กำลังคุยกันอยู่ไกลๆ พลางเอ่ยด้วยความคับอกคับใจ
“พวกมันวิ่งกันเร็ว แต่แกวิ่งช้าจะโทษฉัน?” อวี๋กว่างเจ๋อว่าอย่างมีเหตุผล
เหล่าเถาแทบจะกระอักเลือดสามลิตร เดินไปทำงานอย่างขมขื่น เขากำลังคิดอยู่ว่าต้องไปจุดธูปไหว้พระจริงๆ แล้ว สองวันมานี้ซวยตลอด กินน้ำเปล่ายังติดฟัน!
ตอนนี้เองหลี่เสวี่ยอิงออกมา สวมเสื้อหนาวบางๆ เหล่าเถาชำเลืองตามองโดยจิตใต้สำนึก แต่ไม่เห็นอะไรจริงๆ
“มองอะไร?” หลี่เสวี่ยอิงหน้าแดง ขึงตามองเขาทีหนึ่ง
เหล่าเถาอยากจะร้องไห้ ทำอะไรก็ซวยไปหมด! ไปทำงานดีกว่า…
หลี่เสวี่ยอิงกระชับคอเสื้อ เดินใจลอยนิดๆ ในกองถ่ายหนึ่งรอบ รู้สึกว่าสายตาทุกคนแปลกๆ จะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วเลยมองไปยังวัดเอกดรรชนี
ส่วนฟางเจิ้งตอนนี้กำลังมองภาพอลังการตรงหน้าด้วยความมึนงง!
บนตัวมีแต่ชุดชั้นในผู้หญิง! บนคานแขวนชุดชั้นในต่างๆ หลากสี สีดำ สีขาว สีชมพู แบบมีฟองน้ำ แบบเล็กน่ารัก กระทั่งมีแบบเซ็กซี่!
ฟางเจิ้งหยิบขึ้นมา มันออกลื่นๆ มือ หยิบมาดู นั่นคือกางเกงในตัวเล็กสีชมพูขอบลายดอกไม้ที่ไม่รู้ว่าใครสวมมาแล้ว!
ฟางเจิ้งโตมาขนาดนี้ ไม่เคยสัมผัสมือผู้หญิงมาก่อน จึงยิ่งไม่ต้องคิดถึงกางเกงใน จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ถูกจู่โจมด้วยการมองเห็น รู้สึกแค่ว่าหน้าแดงหูแดง หัวโล้นแดงจนจะกลายเป็นไข่พะโล้
ตอนนี้เองมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หมาป่าเดียวดายเข้ามา ในปากมันคาบชุดชั้นในกองหนึ่ง ลิงก็เข้ามา ในมือถือกางเกงในสองตัว ในนั้นยังมีอีกตัวสวมที่หัว ดูเหมือนกับยอดมนุษย์กางเกงใน!
กระรอกเข้ามาเหมือนกัน ชุดชั้นในสวมที่คอ เอาไว้ใช้สร้างความอบอุ่น
ฟางเจิ้งตาแดงก่อนตะโกนต่อว่า “พวกนายทำเหรอ? เอาของพวกนี้มาจากไหน?”
กระรอกกับลิงชี้ไปทางกองถ่ายตามจิตใต้สำนึก หมาป่าเดียวดายพ่นของโจรในปากออกมาอย่างชาญฉลาด ทำหน้าเหมือนว่าฉันไม่รู้เรื่องด้วย
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นดวงตาสองข้างดำมืด แทบจะหมดสติไป ขโมยมาจากกองถ่ายจริงๆ ไอ้เวรพวกนี้…มัน…มัน…จะใส่ร้ายเขา!
ชั่วขณะที่ฟางเจิ้งเตรียมจะต่อว่าพวกมันสักยก พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก ฟางเจิ้งใจเต้นตึกๆ นี่คงไม่ใช่เจ้าทุกข์มาหาหรอกนะ?
ถึงพวกลิง หมาป่าและกระรอกจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้หนักหนาเพียงไหน แต่การขโมยของก็ไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะลิง ตอนนั้นที่ลักขโมยในวัดเมฆาขาวยังขโมยรองเท้าพวกนักบวชไม่น้อย ดังนั้นจึงร้อนใจคิดจะหนีไป
ฟางเจิ้งคว้าหางมันเอาไว้ ชี้ของบนพื้น “เจ้าลิงบ้า ยังคิดหนีอีก? ขอบอกไว้ก่อนนะถ้าไม่จัดการของพวกนี้ให้เรียบร้อย เย็นวันนี้จะกินสมองลิง! แล้วก็พวกนายสองคน อย่าคิดว่าไม่มีส่วนนะ ซ่อนของให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น หึๆ…เย็นวันนี้อาตมาจะตุ๋นพวกนายกิน”
พอเห็นฟางเจิ้งขบฟันดูโหดเหี้ยม ไอ้ตัวตลกสามตัวนี้ก็รู้ถึงความหนักของเรื่องนี้แล้ว เลยพยักหน้าสุดชีวิต สื่อว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!
ตอนนี้เองเสียงหลี่เสวี่ยอิงดังแว่วมาจากข้างนอก “หลวงพี่ฟางเจิ้งอยู่ไหม?”
ฟางเจิ้งถอนหายใจ เขาก็อยากแสร้งไม่อยู่ ปัญหาคือภูเขาเอกดรรชนีใหญ่ขนาดนี้เขาจะไปซ่อนที่ไหน? จะไปเยี่ยมญาติไกลๆ? แบบนี้จะมีพิรุธรึเปล่า
ฟางเจิ้งจึงเอ่ยเสียงกังวาน “สีการอเดี๋ยว” จากนั้นหันไปถลึงตามองไอ้ตัวตลกสามตัว “จัดการเดี๋ยวนี้! ตอนที่อาตมากลับมาถ้าเห็นยังวางของอยู่ข้างนอก พวกนายสามคนจบเห่แน่”
พูดจบฟางเจิ้งผลักประตูออกไป เดินไปยังประตูลานวัด
ตัวตลกสามตัวมองหน้ากัน จากนั้นเคลื่อนไหวอย่างเร็ว ทำงาน
…………………………………..…
[1] ถ้ำมอง มาจากภาษาจีนคำว่า 偷窥 ซึ่งตัว 偷 แปลว่าขโมยได้ด้วย