The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 205 ใกล้ชิด
หลี่เสวี่ยอิงเงยหน้ามองกระรอกน้อยบิดก้นอ้วนกลมมุดเข้าไปในกระถางดอกไม้พลางหัวเราะร่าเริง เธอรู้สึกว่าทุกอย่างในวัดนี้จะมีสติปัญญา อีกทั้งทุกอย่างยังสบายๆ เงียบสงบและเป็นมงคล ประหนึ่งไม่มีภาระใดๆ ร่างกายเบาสบายราวกับจะลอยขึ้น ความรู้สึกนี้ดีสุดๆ ไปเลย!
แต่ต่อมารอยยิ้มหลี่เสวี่ยอิงแข็งค้าง
เห็นสายรัดขอบลายดอกตูมสีขาวแลบออกมาจากริมกระถางดอกไม้ ด้านบนยังมีตัวอักษรภาษาอังกฤษอีกหลายตัว เป็นสีทองดูเด่นตามากภายใต้แสงตะวัน เธอเห็นชัดว่านั่นเป็นตัวอักษรใหญ่สามตัว LXY!
หลี่เสวี่ยอิงหน้ามืดทะมึน สายรัดแบบนี้ อักษรแบบนี้ นี่มันเสื้อในที่เธอเชิญปรมาจารย์ด้านเสื้อผ้าระดับนานาชาติให้ตัดให้เธอ! แม้โลกจะกว้างใหญ่ แต่ก็มีเพียงชิ้นเดียว!
แต่ทำไมเสื้อในถึงไปอยู่ในรังกระรอกได้?
ขณะที่เธอสงสัยนั้น มีกรงเล็บอ้วนๆ ยื่นออกมา ดึงสายรัดนั่นกลับไป จากนั้นยื่นหัวออกมาจากในกระถางดอกไม้อย่างเจ้าเล่ห์ มองไปรอบๆ ด้วยความตระหนกเล็กน้อย แถมยังมองหลี่เสวี่ยอิงอย่างเลวทราม
พอเห็นหลี่เสวี่ยอิงทำหน้าแปลกๆ ดวงตาเล็กมองบน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนปีนลงมาจากลำต้น แล้ววางเมล็ดสนสามเมล็ดตรงหน้าหลี่เสวี่ยอิง
หลี่เสวี่ยอิงเก็บเมล็ดสนไป จ้องกระรอกน้อยพลางสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามเค้นรอยยิ้มน้อยๆ “เจ้าตัวเล็ก ในรังนายมีของของฉันใช่ไหม?”
แน่นอนว่ากระรอกไม่เข้าใจว่าหลี่เสวี่ยอิงพูดอะไร เห็นหลี่เสวี่ยอิงยิ้มจึงคิดว่าไม่เป็นไร ก่อนหย่อนก้นนั่งบนบ่าเธอ กินสาหร่ายทะเลอย่างปลื้มอกปลื้มใจ…
หลี่เสวี่ยอิงเห็นกระรอกไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้ก็รู้ว่าตนคิดมากไป กระรอกไม่ใช่คน ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ แต่หลี่เสวี่ยอิงยังไม่ยอม วางกระรอกลง บิดแขน บิดมือเตรียมปีนต้นไม้! เธออยากเห็นว่าในรังกระรอกใช่เสื้อในของเธอไหม!
กระรอกเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งไปหาฟางเจิ้ง
ตอนนี้เองฟางเจิ้งกำลังกลัดกลุ้มอยู่ว่าจะแก้ปัญหากางเกงในเหล่านี้ยังไง! ทิ้ง? ข้างนอกมีคน คงไม่ดีนักถ้าจะทำลายของโจร! ตนเก็บไว้ใส่? เดาว่าคงถูกฟ้าผ่าตาย…ขุดหลุมฝัง? นี่เป็นความคิดที่ดี แต่ว่าต้องรอตอนเย็นก่อน ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สบายใจ ไม่ได้เป็นคนขโมยแล้วจะกลัวอะไร? คิดไปคิดมาก็รู้ว่าตนไม่ได้กลัว แต่อายที่จะเผชิญหน้า!
“เฮ้อ ยังไงก็ไม่ใช่มือโปร หนังหน้าบางเกินไป” ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ
ทันใดนั้นเองมีสายลมผ่านมาข้างหลัง ตามด้วยขากางเกงรัดตัว ร่างอ้วนๆ ของกระรอกขยับขึ้นมาบนบ่าเขา จากนั้นวาดกรงเล็บๆ เล็กๆ ส่งเสียงร้องจี๊ดๆ ไม่หยุด
“แหม ดูท่านายคงจะกินอย่างอิ่มหนำ…อะไรนะ? เธอกำลังปีนต้นไม้ไปรังนาย?” ฟางเจิ้งร้อนใจแล้ว รีบวิ่งออกไป แต่ต้องตะลึงค้าง
ไม่รู้ว่าหลี่เสวี่ยอิงเอาความสามารถมาจากไหน เธอปีนต้นไม้จริงๆ นั่งอยู่บนกิ่งไม้ ควักเสื้อในลายดอกไม้สีขาวออกมาจากในรังกระรอก!
ฟางเจิ้งปิดหน้า จบเห่แล้ว ขายหน้าจนหมดสิ้นแล้ว…เขายกเท้าเตรียมจะหายวับไป เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำเป็นมองไม่เห็น!
แต่ว่า…
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง…” หลี่เสวี่ยอิงลากเสียงยาว
ฟางเจิ้งยิ้มขมขื่นในใจ ‘เป็นโชคไม่ใช่ภัย เป็นภัยจะหลบไม่ได้ หลบไม่ได้จริงๆ ด้วย ไปไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลุยล่ะวะ…’
ฟางเจิ้งเตรียมตัวถูกถ่มน้ำลายจนตาย สูดลมหายใจเข้าลึก หันไปมอง
แต่เห็นหลี่เสวี่ยอิงมองเขาด้วยหน้าเศร้า “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันลงไม่ได้ ท่านมีบันไดไหม?”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นพลันดีใจ! เห็นทีว่าคงไม่ได้จะประณามตน!
แต่ฟังจากคำถามของหลี่เสวี่ยอิงแล้ว ฟางเจิ้งงุนงง บันได? เขาจะเอาบันไดมาจากไหน? วัดนี้ไม่รวยถึงขนาดมีอุปกรณ์ไว้ข้ามกำแพง เขาเลยประนมสองมือกล่าว “อมิตาพุทธ อาตมาไม่มีบันได สีกา สีกาขึ้นไปเร็วมาก ลงมาก็ไม่น่าจะยากนี่?”
“เอ่อ…หลวงพี่ฟางเจิ้งเห็นเหรอคะ?” หลี่เสวี่ยอิงหน้าแดง เธอมาจากหมู่บ้าน ตอนเด็กซุกซนปีนต้นไม้หยิบรังนกทำมาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าต่อมามีชื่อเสียง เลยถูกจำกัดไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่ค่อยเรียบร้อยแบบนี้ วันนี้มีเหตุ ประกอบกับอยากเล่นสนุกและซ่อนตัวอยู่ในวัดไม่มีใครเห็นเป็นต้น และด้วยความอยากก่อเรื่องจึงปีนซะเลย แต่เธอกลับพบสิ่งที่น่าเศร้า ไม่ได้ปีนนานเกินไปเลยลงต้นไม้ไม่ได้…
ฟางเจิ้งคิดในใจ ‘ไม่เห็นหรอก แต่กระรอกวิ่งมาฉันเลยวิ่งออกไป รวมๆ จะใช้เวลาเท่าไรกันเชียว…’ แต่ปากกลับพูดไปว่า “สีกา ถ้าไม่อย่างนั้นก็รอเดี๋ยว อาตมาจะไปเรียกคนมาช่วย”
“อย่า! ฉันไม่อยากขายหน้า” หลี่เสวี่ยอิงรีบเรียกไว้
ฟางเจิ้งจนปัญญาแล้ว “ถ้าอย่างนั้นสีกาจะทำยังไง? หรือว่าจะนั่งบนต้นไม้ไม่ลงมา?”
“ฉันไม่ใช่ลิงนะ…จะนั่งบนต้นไม้ทำไม…” หลี่เสวี่ยอิงยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นดวงตาเป็นประกาย พูดด้วยใบหน้าแดง “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ท่านยืนอยู่ข้างล่าง ให้ฉันเหยียบลงไปได้ไหม?”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นถึงกับพูดไม่ออก ดีเลวยังไงเขาก็เป็นเจ้าอาวาสวัด เป็นไต้ซือที่มีไม่น้อยคนนับถือ แถมยังเป็นพระเกจิที่ใช้ต้นกกข้ามฟากกับลิ้นบัวเบ่งบาน! ตอนนี้มีคนจะใช้เขาเป็นที่รองเท้า? นี่…
“อมิตาพุทธ ตกลง…” ฟางเจิ้งไม่มีทางอื่นแล้ว วัดมีโต๊ะ แต่สูงไม่พอ ที่สำคัญคือเขาก็เองก็ร้อนตัว ทำอะไรได้ก็อยากชดเชยให้ ถึงจะไม่ได้เป็นคนขโมยเสื้อในก็เถอะ แต่กระรอก หมาป่า ลิงขโมยก็เท่ากับเขาขโมยอยู่ดี ใครจะไปโทษไอ้สามตัวนั้น? คงจะโทษเขามากกว่า
ฟางเจิ้งมายืนใต้ต้นไม้ “สีกา ลงมาเถอะ”
หลี่เสวี่ยอิงพยักหน้า เอียงตัว เอาสองมือคว้ากิ่งไม้ไว้ เอาเท้าข้างหนึ่งหย่อนลงข้างล่างลองเหยียบนิดๆ แต่เหยียบอยู่นานก็เหยียบไม่ถึงจึงถาม “หลวงพี่ ยังอีกไกลไหม?”
ฟางเจิ้งเงยหน้ามองโดยจิตใต้สำนึก เห็นขายาวยื่นลงมา มองไปตามขาเรียว ขาเหยียดตรง บั้นท้ายอิ่มเอิบ ชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นวิวสวยแบบนี้มาก่อน ได้แค่สวดอยู่ในใจ ‘อมิตาพุทธ…ผิดบาปแล้ว’
ดีที่ฟางเจิ้งจิตใจแน่วแน่ เบนสายตาไปในฉับพลัน มองเท้าหลี่เสวี่ยอิง แต่ตรงหน้าดำมืด รองเท้าส้นสูงเหยียบเข้าที่หน้าเขา!
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันเหยียบโดนแล้ว” หลี่เสวี่ยอิงพูดพลางพยายามมองข้างล่าง มองแวบแรกพลันตะลึงงัน! รองเท้าส้นสูงเหยียบหน้าฟางเจิ้ง ดีที่ลงด้วยปลายเท้า ถ้าลงด้วยฝ่าเท้าฟางเจิ้งคงได้กินส้นเข็ม
“หลวงพี่ เอ่อ…” หลี่เสวี่ยอิงรีบดึงเท้ากลับ อยากพูดบางอย่างด้วยความละอายใจ
ฟางเจิ้งถอนหายใจ ยื่นมือไปยันปลายเท้าหลี่เสวี่ยอิงไว้ “สีกาเหยียบมืออาตมาแล้วกัน”
“หา? ฉันหนักมากนะ…” หลี่เสวี่ยอิงไม่คิดว่าฟางเจิ้งจะใช้สองมือรับเธอไหม ถึงยังไงเขาก็ผอมมาก
ฟางเจิ้ง “วางใจ อาตมาไหว”