The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 213 แฮกเกอร์ขอกำลังเสริม
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 213 แฮกเกอร์ขอกำลังเสริม
“เดวิด นายแฮกโรงพยาบาลทำไม?” ลูก้าตะลึงงัน
“ฉันกระจายไวรัสไปน่ะ ใครโดนก็เสร็จฉันสิ แต่สามโรงพยาบาลนี่ค่อนข้างซวยว่ะ โดนกันหมดเลย เอาล่ะ อย่ามาเสียเวลาธุรกิจฉัน อีกฝั่งส่งคนมาแล้ว” เดวิดตอบอย่างรำคาญ
“เดวิด นั่นโรงพยาบาลนะ ตามที่สัญญาพวกเราแล้วห้ามแตะโรงพยาบาลนี่! ถ้ามีคนตายขึ้นมาล่ะ รู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง” ลูก้าพูด
เดวิดทำหน้าเย็นชา ตอบกลับมาเน้นทีละคำ “ลูก้านายระวังน้ำเสียงหน่อยก็ดีนะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันไม่สนไอ้สัญญาแฮกเกอร์นั่นแล้ว!”
พูดจบเดวิดวางสายไป ก่อนด่าทอว่า “ขยะ มัวแต่มายุ่งเรื่องคนอื่นเขา”
จากนั้นเดวิดพิมพ์อักษรไปอย่างรวดเร็ว “สี่ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผมจะช่วยพวกคุณแก้ให้ ขาดแม้แต่ดอลลาร์เดียวก็ไม่ได้ ผมรู้ว่าโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ของพวกคุณรวยมาก ผมว่านะ พวกคุณคงไม่สนใจเงินแค่นี้หรอกมั้ง?”
………….
“ไอ้บ้านี่ดันแฮกโรงพยาบาลซะได้” ลูก้าโวยวาย
สมิธได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว “เขาทำแบบนี้เป็นการฝ่าฝืนสัญญาในตอนแรกของเรานะ ตอนแรกที่จะปล่อยไวรัสด้วยกันก็คุยดีแล้วว่าสถานที่พวกโรงพยาบาลการคมนาคมห้ามแตะต้อง ทำไมเขาทำแบบนี้? อาจจะมีคนตายก็ได้”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงวะ ไอ้บ้าสมควรตายนี่! ตอนแรกไม่น่าไปหามันเลย สมิธ ตอนนี้จะทำยังไงกันดี?” ลูก้าถาม
“ฉันไม่รู้ ขืนแจ้งตำรวจพวกเราจบเห่แน่ แต่ถ้าไม่แจ้งพวกเราจะหยุดเดวิดไม่ได้” สมิธตอบ
“โอย บ้าชิบหาย รู้อย่างนี้แต่แรกไม่น่าเล่นเกมนี้เลย”
สมิธกล่าว “เดวิดเป็นแฮกเกอร์ชั้นยอด ในหมู่พวกคนที่เรารู้จัก นอกจากแมลงผีแล้วไม่มีใครคุมเขาอยู่ แต่แมลงผีไปๆ มาๆ ไร้ร่องรอย หาไม่เจอหรอก…”
“แล้วนายว่าจะทำยังไง?” ลูก้าถามอีก
“จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ถ้ามีคนตายจริงๆ เรื่องจะใหญ่เอา มีโอกาสสูงมากที่พวกเราจะถูกทั้งโลกประกาศจับ ฉันไม่อยากไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันแบบนั้นนะ พวกเราต้องหยุดเขา” สมิธว่า
“ปัญหาคือใครจะหยุด คอมฉันพังแล้วนะ…เอ่อ…บางทีพวกเราอาจจะติดต่อยอดฝีมือชาวจีนคนนั้นได้” ลูก้าเสนอ
สมิธดวงตาเปล่งประกาย “นายยังจำที่อยู่ IP เขาได้ไหม?”
“จำได้” ลูก้าหยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่ง นี่คือ IP ที่เขาเขียนไว้…
……
“กินข้าวเสร็จ เดินเล่น นับดาว วันนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” เมื่อกลับมาถึงวัด ฟางเจิ้งหัวเราะร่าเอ่ย นั่งลงใต้ต้นโพธิ์เตรียมจะอ่านคัมภีร์สักหน่อย ถึงยังไงก็ว่าง อ่านเยอะหน่อยก็ดีเหมือนกัน
แต่พอเปิดหน้าเว็บมา จอมือถือพลันกลายเป็นสีแดง ฟางเจิ้งขมวดคิ้วพูดพึมพำ “มาอีกแล้ว? ไม่รู้ว่าครั้งนี้ของจริงหรือของปลอม ลองดูซิว่าปิดได้ไหม”
นี่คือวิธีพิสูจน์ว่าโดนไวรัสจริงหรือไม่ที่ฟางเจิ้งสรุปได้ ปิดได้ก็ปลอม ปิดไม่ได้ก็ของจริง ดังนั้นเขาเลยกดปุ่ม X ไป
คารินสมิธปล่อยไวรัสใส่มือถือฟางเจิ้งด้วยอาการอกสั่นขวัญหาย ขณะจะพิมพ์อักษร ตรงหน้าก็พลันเด้งขึ้นมาเป็นคำว่าแฮกล้มเหลว
“นี่…” สมิธอึ้งงัน
“อย่าฝืนโจมตีดีกว่า” ลูก้ารีบเตือน เขาเคยโดนมาก่อนแล้ว
สมิธพยักหน้า ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ใช้วิธีไวรัสแล้ว แต่ส่งเป็นหน้าต่างป๊อบอัพ เขียนอักษรส่งไปข้างบนนั้น
ฟางเจิ้งเพิ่งเปิดอ่านกระทู้พุทธศาสตร์ศึกษา ก็พลันมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา “สวัสดีครับคุณผู้ชายที่เคารพ ผมเป็นแฮกเกอร์ รู้ว่าท่านก็เป็นยอดฝีมือเหมือนกัน ผมมีเรื่องที่สำคัญมากต้องคุยกับท่าน ขออย่าเพิ่งปิดหน้าต่างสนทนา”
ฟางเจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย งึมงำว่า “หน้าต่าง? โฆษณา? ถือว่ามาแนวใหม่นะเนี่ย” จากนั้นฟางเจิ้งกดปุ่ม X ไป อาตมาจะอ่านคัมภีร์พัฒนาตัวเอง โฆษณามีอะไรน่าดูกัน?
ฟางเจิ้งเปิดคัมภีร์ เพิ่งอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัด
สมิธที่ยังไม่ยอมส่งหน้าต่างไปอีกครั้ง “คุณแฮกเกอร์ที่เคารพ โปรดอย่าเพิ่งปิดหน้าต่างสนทนา เรื่องที่ผมจะพูดเกี่ยวกับความเป็นตายของคน โปรดช่วยฟังผมให้จบก่อน”
ถ้าเด้งขึ้นมาครั้งเดียวฟางเจิ้งย่อมคิดว่าเป็นโฆษณา แต่เด้งมาถี่ๆ แบบนี้ แถมคำพูดยังต่อกัน เขาจึงเริ่มสนใจแล้ว พอคลิกไปด้านบนก็ตอบกลับได้จริงๆ ฟางเจิ้งที่ตอนแรกคิดจะอธิบายสักหน่อยเห็นข้อความว่าเกี่ยวกับความเป็นตายของคนจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบกลับ “พูดมาสิ”
“สำเร็จแล้ว!” สมิธเห็นฟางเจิ้งตอบกลับ จึงร้องด้วยความตื่นเต้นทันที
ลูก้าหัวเราะเหมือนกัน แต่ก็ยังด่าทอไป “เป็นยอดฝีมือจริงๆ แต่ก็เป็นไอ้เลวด้วย พังคอมฉันได้นะ!” ลืมไปหมดแล้วว่าเขาเป็นคนลงมือกับอีกฝ่ายก่อน
สมิธพิมพ์กลับไปอย่างรวดเร็ว “เดวิด วิลเลียม บรูช ผมไม่รู้ว่าอันไหนคือชื่อจริงเขา แต่ในโลกแฮกเกอร์เขาเป็นยอดฝีมือที่เก่งมาก เขากับพวกเราสร้างโปรแกรมแฮกชื่อว่าเรดสตอร์มขึ้นมา พวกเราแค่อยากหาเงินได้เร็วๆ เท่านั้น แต่ว่าเดวิดกลับแฮกโรงพยาบาลซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาของเรา พวกเรารู้ดีว่าไวรัสทำอะไรได้บ้าง มันจะล็อกข้อมูลผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาล กระทั่งลบข้อมูลส่วนหนึ่งทิ้งไป! ถ้าเป็นอาการป่วยธรรมดายังพอว่า แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยอาการหนัก มีโอกาสสูงมากที่จะต้องยืดการรักษาผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยที่ควรจะมีชีวิตรอดต่อไปได้แต่มองรอความตาย!”
ฟางเจิ้งอ่านทุกอย่างจบก็รู้สึกเย็นๆ ข้างหลัง เหงื่อเย็นซึมออกมา เขาปลอมเป็นแฮกเกอร์เพียงแค่อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวโยงถึงความเป็นความตายคนอื่น จะได้แจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือได้ ทว่าเรื่องนี้จัดการยากกว่าที่คิด! ถ้าเป็นอย่างที่แฮกเกอร์คนนี้พูดจริงๆ ทุกอย่างนี้ก็บ้ามาก น่ากลัวมาก นี่มันโหดร้ายป่าเถื่อนชัดๆ!
แต่ฟางเจิ้งก็ยังถามไป “เรื่องจริงเหรอ? ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง?”
“จริงแท้แน่นอน เขาแฮกเข้าโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ที่ประเทศเยอรมัน คลินิกฟีโดรอฟที่อังกฤษ แล้วก็โรงพยาบาลดาวอสที่รัสเซีย แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ส่งหลักฐานให้คุณไม่ได้ เพราะเรื่องเพิ่งเกิด สื่อข่าวยังไม่รู้” สมิธว่า
ฟางเจิ้งอ่านถึงตรงนี้ก็เชื่อคำพูดอีกฝ่าย เพียงแต่ยังมีข้อสงสัยเล็กน้อย “ทำไมพวกคุณถึงมาหาผม? พวกคุณน่าจะแจ้งตำรวจนะ”
“แจ้งตำรวจ? ผมคิดว่าโรงพยาบาลอย่างเซนต์แมรี่น่าจะทำแล้ว พวกเรามาหาคุณก็เพราะคิดว่าคุณหยุดเดวิดได้ ก่อนหน้านี้พวกเราแฮกมือถือคุณ แต่คุณกลับใช้ความสามารถสั่งสอนพวกเรากลับ” สมิธบอก
ฟางเจิ้งงงงวย แฮกมือถือเขา? เขาพลันนึกถึงหน้าจอสีแดงที่เด้งขึ้นมาหลายครั้งในวันนี้ หรือว่าเขาจะถูกแฮกจริงๆ? แต่ว่าทำไมการแฮกถึงไม่เหมือนกับที่ทุกคนบอกในอินเทอร์เน็ตเลยล่ะ?
ระบบพูดขึ้น “ติ๊ง! ไม่ต้องสงสัย มือถือนายได้รับการปลุกเสกจากยันต์ปลุกเสกมา ถึงจะไม่มีสติปัญญา แต่ความรู้ของมันมากพอจะรับมือกับไวรัสทุกอย่างในโลกนี้ได้ ดังนั้นไวรัสที่แฝงเข้ามาจึงไม่ส่งผลอะไรกับนายทั้งนั้น”
“ไม่ใช่มั้ง? ยันต์ปลุกเสกมีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ?” ฟางเจิ้งตกใจ ตอนแรกคิดว่ายันต์ปลุกเสกจะยกระดับการถ่ายภาพของมือถือเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“จุดเด่นของยันต์ปลุกเสกคือจะอัปเกรดคุณสมบัติพิเศษบางอย่างของวัตถุ หลังจากมือถือนายผ่านการปลุกเสก ความสามารถในการคิดคำนวณจะเพิ่มขึ้นมาก ไม่อย่างนั้นมือถือในมือนายจะใช้งานไหลลื่นแบบนี้ได้เหรอ? คนอย่างนายที่ชอบคลิกเข้าไปในหน้าเว็บมั่วๆ คงถูกไวรัสเล่นงานไปนานแล้ว จะเปิดเครื่องยังยากเลย” ระบบตอบ