The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 217 ราวกับหมาบ้า
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 217 ราวกับหมาบ้า
ฟางเจิ้งมองหวงเกาหลันพร้อมพูดเรียบๆ “สีกาทำกรรม ยังคิดจะให้พระพุทธองค์คุ้มครองให้มีลูกอีกหรือ? หวงเกาหลัน คนก่อเวรกรรมจะมีแรงกรรม ตอนนี้แรงกรรมพัวพันรอบตัวสีกา จะไปตั้งครรภ์ได้ยังไง? ไม่มีลูกหลานสืบเชื้อสายเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น”
หวงเกาหลันได้ยินดังนั้นใจก็สั่นไหว เธอว่าตนปิดซ่อนดีมากแล้ว ในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ ต่อให้เป็นสามีเธอก็ยังไม่รู้เลย ทว่าคำพูดฟางเจิ้งมั่นใจมากว่าเธอทำเรื่องเลวร้ายที่เปิดเผยไม่ได้มา! หวงเกาหลันรู้ว่าหลวงจีนนี่จะต้องรู้อะไรแน่…
คิดได้ดังนั้น หวงเกาหลันจ้องฟางเจิ้งพลางเอ่ย “แกรู้เรื่องเกี่ยวกับฉันแค่ไหนกันแน่?”
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้สิ่งที่ตนทำ ก็จงอย่าทำ” ฟางเจิ้งพูดจบก็หมุนตัวเดินไปทางอุโบสถ เดินไปพลางว่า “ถ้าสีกาอยากมีลูกจริงๆ ก็คิดทบทวนว่าจะชดใช้ความผิดอย่างไร อาตมาไม่มีสูตรยาลับ สูตรยาลับมีเพียงหนึ่งเดียวคือบุญกุศล”
หวงเกาหลันตามหลังไป เรียกเอาไว้ “ฟางเจิ้ง แกรู้อะไรกันแน่?”
ฟางเจิ้งหันมามองหวงเกาหลัน เปิดเนตรปัญญามอง แรงกรรมบนตัวหวงเกาหลันลอยขึ้นฟ้า แทบจะในขณะเดียวกัน ฟางเจิ้งรู้สึกถึงพลังของกวนอิมปางพันเนตรพันกรบนป้ายหมื่นพุทธข้างหลัง นั่นคือพลังที่ต่างจากเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร ฟางเจิ้งเกิดรู้แจ้งอย่างหนึ่ง จึงยืมพลังของพระพุทธรูปแล้วมองกลิ่นอายชั่วร้ายบนหัวหวงเกาหลันอีกครั้ง
เห็นเพียงกลิ่นอายชั่วร้ายพลันเปลี่ยนไป เป็นร่างเงาคนเลือนราง ทว่าดวงตากลับชัดเจนยิ่ง กำลังจ้องมองหวงเกาหลันด้วยความเคียดแค้น ฟางเจิ้งรู้ว่านั่นไม่ใช่ผี ไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นรูปลักษณ์อย่างหนึ่งที่แรงกรรมสะท้อนออกมาภายใต้เนตรปัญญา
“หนึ่งชีวิตคน” ฟางเจิ้งเอ่ยเรียบๆ
สิ้นเสียง หวงเกาหลันคุกเข่าลงกับพื้น ยืนไม่ขึ้นอีก ตอนแรกคิดว่าฟางเจิ้งพูดไปอย่างนั้น ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่มีแค่เธอที่รู้จะถูกเปิดเผย หวงเกาหลันร้องขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ วันนั้นเธอตกลงไปในอ่างเก็บน้ำเอง”
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นจึงถอนหายใจ “หวงเกาหลัน สีกาพูดกับอาตมาไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าอยากอธิบายจริงๆ ก็ไปพูดกับพระโพธิสัตว์ในอุโบสถเถอะ”
หวงเกาหลันกล่าว “ฟางเจิ้ง จะไม่แจ้งตำรวจมาจับฉันใช่ไหม?”
ฟางเจิ้งไม่พูดอะไร สวรรค์มีความยุติธรรม โลกมีกฎหมาย เขาตัดสินความถูกผิดของคนคนหนึ่งได้ แต่จะลงโทษอย่างไรนั้น ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ยุ่ง สวรรค์ลงทัณฑ์แล้ว หวงเกาหลันไม่มีลูก แต่แค่นี้ยังไม่พอ…
ฟางเจิ้งเข้าอุโบสถ นั่งลงหน้ามู่อวี๋ ประนมสองมือสวดบทหนึ่ง ก่อนเคาะมู่อวี๋ไปเงียบๆ
หวงเกาหลันฟังเสียงมู่อวี๋แล้วใจสั่น แหงนหน้ามองรูปปั้นพระโพธิสัตว์ในอุโบสถพลางถอนหายใจ เธอลุกขึ้นเข้ามาคุกเข่าบนเบาะนั่งทรงกลม พูดอะไรเงียบๆ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นวูบผ่านในความคิด…
ฟางเจิ้งขยับความคิด สิ่งที่หวงเกาหลันคิดในใจปรากฏตรงหน้าเขาเช่นกัน
เมื่อยี่สิบปีก่อน หวงเกาหลันกับเว่ยซูเฉียวเพื่อนสนิทในหมู่บ้านขึ้นเขาไปเก็บผักป่าด้วยกัน ทว่าหวงเกาหลันกลับไปด้วยความคิดจะฆ่าเว่ยซูเฉียว เหตุผลนั้นง่ายมาก หวงเกาหลันกับเจี่ยงซงสามีในปัจจุบันเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก เธอชอบเขามาตั้งแต่เด็ก ทว่าเจี่ยงซงกลับแอบรักเว่ยซูเฉียว เว่ยซูเฉียวกับเจี่ยงซงก็แอบมีใจให้กันเล็กน้อย ประกอบกับในหมู่บ้านคัดเลือกผู้ประกาศข่าว เธอแข่งกับเว่ยซูเฉียวแต่ก็พ่ายแพ้เหมือนเดิม ด้วยความริษยา หวงเกาหลันจึงแสร้งผูกมิตรกับเว่ยซูเฉียว ขึ้นไปบนเขาแล้วผลักเว่ยซูเฉียวตกหน้าผา
เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย หวงเกาหลันกระโดดลงไปเหมือนกัน แต่เธอเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ทำให้เกาะอยู่บนต้นไม้ ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ตอนนั้นเรื่องนี้ฮือฮาไปช่วงหนึ่ง แต่หวงเกาหลันมีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด แถมเกือบตายด้วยเหมือนกัน จึงไม่มีใครสงสัยเธอ ต่อมาหวงเกาหลันแต่งงานกับเจี่ยงซง ยี่สิบปีมาแล้วยังไม่มีลูก จนกระทั่งถึงตอนนี้ ด้วยความที่หวงเกาหลันไม่มีลูกจึงมีนิสัยฉุนเฉียวขึ้นเรื่อยๆ จากดอกไม้ป่าในตอนแรกกลายเป็นผู้หญิงปากร้ายที่มีชื่อเสียงในแปดหมู่บ้านสิบลี้ ความรักของเธอกับเจี่ยงซงจืดจางลงทุกที เธอคิดมาตลอดว่าที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ดีนั้น หลักๆ เป็นเพราะไม่มีลูก
ส่วนเจี่ยงซง ฟางเจิ้งรู้จักเหมือนกัน วันหิมะตกหนักเมื่อต้นปียังมาจุดธูปไหว้พระอยู่เลย มาเร็วไปเร็ว ตอนแรกฟางเจิ้งยังมองอีกฝ่ายอยู่หลายที เพียงแต่ไม่ได้คิดอะไร
เห็นถึงตรงนี้ เขาเข้าใจถึงกรรมในตัวหวงเกาหลันแล้ว จึงค่อยขยับความคิด
หวงเกาหลันรู้สึกว่าโลกตรงหน้าพังทลายลง เธอมาอยู่บนยอดเขา เห็นตัวเองกับเว่ยซูเฉียวในช่วงวัยรุ่นขึ้นเขามาด้วยกัน ทั้งยังตะโกนเสียงดัง “ซูเฉียว ดูนั่นสิ ตรงนั้นเหมือนมีเห็ดหลินจือด้วยนะ”
เว่ยซูเฉียววิ่งเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น…
“อย่านะ! อย่าผลัก!” หวงเกาหลันตะโกนสุดชีวิต เธอตะโกนแบบนี้หลายครั้งแล้วในยี่สิบปีมานี้ แต่เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์!
ไม่ต่างจากที่คิด หวงเกาหลันยังยื่นมือผลักไป!
“อมิตาพุทธ!” ตอนนี้เอง เสียงสวดดังขึ้น มีนักบวชรูปหนึ่งปรากฏกายกลางอากาศ ยืนอยู่บนดอกบัว มองหวงเกาหลันด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ฟางเจิ้ง?” หวงเกาหลันตะลึงงัน
“สีกา ตอนนี้รู้สำนึกรึยัง?” ฟางเจิ้งถาม
หวงเกาหลันคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้โฮเสียงดัง “ฉันรู้สำนึกแล้ว ฉันสำนึกผิดตั้งนานแล้ว ยี่สิบปีมานี้ฉันฝันร้ายแทบทุกคืน ฉันอยู่กับเจี่ยงซง แต่เขาไม่เคยมีความสุขเลย จะออกไปรับจ้างทุกปี กลับมาเห็นหน้าฉันก็ทำท่าเหมือนคนตาย ฉันไม่รู้ว่าเขารู้ว่าฉันเคยทำอะไรมาบ้างไหม แต่ฉันรู้ว่าเขาต้องเดาอะไรได้แน่ พวกเราไม่มีลูกกันมาตลอด ไม่ใช่เพราะฉันมีลูกไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่เคยแตะต้องฉันเลยต่างหาก!
ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาไม่เคยแตะต้องฉัน ฉันกลัวเสียหน้า เลยบอกไปว่ามีลูกไม่ได้ และเพื่อแกล้งทำให้เนียนกว่าเดิม ฉันเลยหาสูตรยาลับ ไหว้พระขอพรตามที่ต่างๆ…
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ใครที่ไหนบ้างแต่งงานแล้วอยากจะเป็นหม้าย…ฉันรู้ว่านี่คือเวรกรรม แต่ฉันไม่ยอม”
ฟางเจิ้งส่ายหน้าเล็กน้อย “สีกาไม่ยอม แล้วเว่ยซูเฉียวที่จากโลกนี้ไปควรยอมหรือ? หวงเกาหลัน ความรักที่เห็นแก่ตัวของสีกาไม่ได้ฆ่าเพียงเว่ยซูเฉียว แต่ยังมีสามีรวมถึงตัวสีกาเองด้วย! จงดูเถอะ…”
ฟางเจิ้งเคลื่อนจิตสำนึก บนฟ้าปรากฏกระจกสองบาน ในกระจกทางซ้ายเป็นผู้หญิงสวยจิตใจงดงามและอ่อนโยน ยิ้มราวกับดอกไม้ กระจกทางขวาเป็นหญิงไร้มารยาทยืนด่าเสียงดังอยู่หน้าหมู่บ้านเหมือนคนบ้า
หญิงสาวทางซ้ายสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย แต่สวยมาก หญิงไร้มารยาททางขวาสวมเสื้อผ้าสวยงาม แต่มองยังไงก็อัปลักษณ์
ตอนที่หญิงสาวทางซ้ายคุยกับชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ใบหน้าเธอจะแดงเรื่อ แววตาที่ชายคนนั้นมองเธอเต็มไปด้วยความรัก หญิงไร้มารยาททางขวาแต่งตัวสวยมาก ทว่าผู้ชายอีกคนกลับไม่มองเธอเลย
แต่ละภาพเปรียบเทียบกัน หวงเกาหลันมองทางซ้ายแล้วก็มองทางขวา แววตามีแต่ความสับสน
ฟางเจิ้งมองหวงเกาหลันพลางถาม “ผู้หญิงทางซ้ายเป็นยังไง?”
“สวยมาก ตาสวยจริงๆ” หวงเกาหลันตอบตามจิตใต้สำนึก
“ทางขวาล่ะ?” ฟางเจิ้งถามต่อ
“น่าเกลียด เหมือนกับหมาบ้าไม่มีผิด” หวงเกาหลันตอบ