The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 218 ดีใจทั้งน้ำตา
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 218 ดีใจทั้งน้ำตา
ฟางเจิ้งพยักหน้า “สีกาไม่ได้มองตัวเองดีๆ มานานแค่ไหนแล้ว?”
หวงเกาหลันอึ้งไป ตรงหน้าเธอมีกระจกโผล่มาอีกบาน เมื่อมองตัวเองในกระจก หวงเกาหลันพลันร้องไห้! ตนเองในกระจกก็คือผู้หญิงที่เหมือนหมาบ้าคนนั้นไม่ใช่หรือ? ไม่ได้ร้องไห้โฮ แต่ร้องไห้เงียบๆ เธอพบปัญหาอย่างหนึ่งทันที เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยใคร่ครวญอย่างจริงจังมาก่อน หลายปีมานี้เธอคิดว่าเจี่ยงซงเปลี่ยนไปมาตลอด แต่คนที่เปลี่ยนจริงๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่เจี่ยงซง แต่เป็นเธอเอง! หลังจากเว่ยซูเฉียวตาย เธอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนขี้ระแวง ชอบฝันร้าย ไม่ชอบส่องกระจกเพราะกลัว เธอกลัวว่าจะเห็นบางสิ่งที่ไม่เป็นมงคลตามคำเล่าขาน…เว่ยซูเฉียว!
ดังนั้นเธอแต่งหน้าก็ดี ทำอะไรก็ดี จะไม่ใช้กระจกทั้งสิ้น ต่อให้เจอกระจกก็พยายามไม่มอง หรืออาจจะมองข้ามไป เธออยู่กับความเคยชินนี้มายี่สิบปี วันนี้ได้เห็นตัวเองก็เข้าใจแล้ว…เธอนั่งลงบนพื้น น้ำตาไหลเงียบๆ ผ่านไปนานถึงค่อยเอ่ยว่า “ฉันรู้แล้ว ไม่ใช่เจี่ยงซงที่เปลี่ยนไป แต่เป็นฉันเองที่เปลี่ยน หลายปีมานี้ในใจฉันมีผีร้าย ฉันเองกลายเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงแล้วเหมือนกัน เจี่ยงซงน่าจะเดาได้นานแล้วล่ะมั้ง เหอะๆ…เขาไม่พูด แต่ก็น่าจะรังเกียจฉัน หลวงพี่ฟางเจิ้ง ท่านว่าฉันมีชีวิตต่อไปจะยังมีความหมายอะไร?”
ฟางเจิ้งกล่าว “เจี่ยงซงไม่ได้ไปจากสีกา นั่นหมายความว่าเขารักสีกาเสมอมา อย่างน้อยก็สีกาในอดีต นั่นคือตัวสีกาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ยิ้มราวกับดอกไม้ ไม่ใช่สีกาในตอนนี้ สีกาอยากได้รับความรักจากเขาก็แค่เปลี่ยนกลับไปเท่านั้น”
“เปลี่ยนกลับไป? มัน…ยากเกินไป” หวงเกาหลันพูด
“สีกาดูก้อนหินนั่น ถ้าผลักมันขึ้นเขาได้ อาตมาจะช่วยสีกาเปลี่ยน ตกลงไหม?” ฟางเจิ้งถาม พลันชี้ไปยังหินใต้ยอดเขาไกลๆ
หวงเกาหลันมองหินก้อนใหญ่สูงเท่าตัวคนนั้นพลางส่ายหน้ารัวๆ “ใหญ่เกินไป ฉันไม่มีทางผลักขึ้นไปได้หรอก”
“ไม่ลองดูจะรู้ได้ยังไงว่าไหวไหม? พูดอีกอย่างคือสีกาไม่คิดแม้แต่จะลองเพื่อเจี่ยงซงเลยเหรอ?” ฟางเจิ้งถาม
หวงเกาหลันตะลึงงัน เธอกัดฟันวิ่งไป ทุ่มแรงผลักหินใหญ่ ผลคือออกแรงจนหมดแรงแล้ว หินก็กลิ้งไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หวงเกาหลันยังไม่สิ้นหวัง ในทางตรงข้ามกลับมีความหวังขึ้นมา “ผลักขยับได้!”
หวงเกาหลันผลักสุดชีวิต ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือ จะต้องทำให้สำเร็จเพื่อเจี่ยงซง! ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน เธอผลักหินก้อนใหญ่ขึ้นยอดเขาไปทีละนิดๆ ผลักไม่ขยับก็จะหยุดใต้หินใหญ่ สายลมพัดผ่านฝนตกชุ่มกาย ฟ้าผ่าก็ไม่หวั่น จนในที่สุดก็ผลักหินไปจนถึงยอดเขาได้ในปีที่สิบ
หวงเกาหลันพูดด้วยความตื่นเต้น “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันทำได้แล้ว ท่านต้องช่วยฉันนะ! ช่วยฉันเปลี่ยนตัวเองให้ได้?”
แต่ฟางเจิ้งที่ยืนอยู่บนภูเขาถามกลับ “ผลักหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้ กับแค่เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่านั้น มันยากมากเหรอ? คิดดูว่าสีกาผลักหินใหญ่ขึ้นมาเพื่ออะไร แล้วค่อยตอบอาตมา”
หวงเกาหลันงงงัน ตรึกตรองถึงเหตุผลที่เธอมีความมั่นใจแน่วแน่ตลอดสิบปีมานี้โดยละเอียด มีเพียงอย่างเดียวคืออยากให้เจี่ยงซงรักเธออีกครั้ง เพราะเธอรักเขา! ถ้าอย่างนั้นวางทุกอย่างลงเพื่อเขา แล้วเปลี่ยนตัวเอง จะทำไม่ไหวจริงๆ เหรอ?
การคิดครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งปี ดวงตะวันขึ้นฟ้า ดวงจันทร์ลาลับ ดอกไม้เบ่งบาน
ชั่วขณะที่หวงเกาหลันสับสนก็เข้าสู่ใบไม้ผลิ หิมะละลาย ดอกไม้ดอกหนึ่งบานอีกครั้ง
พลันปรากฏร่างเงาหนึ่งขึ้นตรงหน้า นั่นคือฟางเจิ้งในสีขาวไร้จุดด่างพร้อย ยิ้มเหมือนแสงตะวัน
ฟางเจิ้งลูบดอกไม้เบาๆ “เมื่อปีก่อนมันโรยรา ในตอนนั้นมันอัปลักษณ์ ในปีนี้มันเบ่งบานอีกครั้งแล้ว งามเหมือนในอดีต แต่ความงามนี้จะต้องผ่านหน้าหนาวไปให้ได้…”
หวงเกาหลันได้ยินดังนั้น ดวงตาเปล่งประกายในฉับพลัน ลุกขึ้นยืนเอาหัวโขกให้ฟางเจิ้งสามครั้ง “ขอบคุณมากค่ะไต้ซือ ฉันเข้าใจแล้ว ขอแค่เปลี่ยนตัวเองกลับไปได้ ฉันจะยอมสารภาพผิด ชดใช้กรรมชั่วในตัวฉัน ฉันจะให้พี่ซงเห็นฉันในแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต ฉันไม่อยากให้เราจากโลกนี้ไปด้วยความเสียดาย เพื่อเขาและฉัน และก็เพื่อเว่ยซูเฉียว”
พูดจบ หวงเกาหลันแย้มยิ้ม
ฟางเจิ้งก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนเงยหน้ามองฟ้า เอ่ยว่า “ฟ้าร้องแล้ว”
หวงเกาหลันเงยหน้าตาม เพียงได้ยินเสียงดังสนั่นก็พลันตกใจตื่น ข้างหูได้ยินเสียงเคาะมู่อวี๋กับเสียงสวด ทุกอย่างตรงหน้าหายไป เหลือเพียงอุโบสถรวมถึงป้ายหมื่นพุทธข้างหน้า
หวงเกาหลันมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นมองฟางเจิ้งตรงหน้า อดถามขึ้นไม่ได้ “ฟาง…”
“อมิตาพุทธ สีกา วัดจะปิดประตูแล้ว” ฟางเจิ้งยืนขึ้น ขัดคำพูดหวงเกาหลัน
หวงเกาหลันมองฟางเจิ้งอย่างลึกซึ้ง ฟางเจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง หวงเกาหลันโค้งตัวลงต่ำก่อนหมุนตัวเดินจากไป ช่วงที่ลงเขา เมื่อหันกลับไปมองเธอเห็นเพียงเณรจีวรขาวรูปหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูวัด กำลังปิดประตูวัดช้าๆ สุดท้ายก็หายไปจากสายตาหวงเกาหลัน
“อย่างกับความฝัน ในเมื่อตื่นมาแล้วก็ควรเผชิญหน้ากับความจริง” หวงเกาหลันพูดจบก็ลงเขาไป
ระหว่างทาง หวงเกาหลันเจอกับพวกหวงเกาผิงและหวงเกาอวี่ที่กินข้าวเสร็จแล้วเตรียมจะขึ้นเขามา
“น้องพี่ ลงเขามาทำไมล่ะ? ไม่ขวางประตูแล้วเหรอ?” หวงเกาผิงมองหวงเกาหลันอย่างปวดใจ ไม่ว่าคนอื่นจะมองหวงเกาหลันยังไง แต่ในสายตาเขาเธอก็ยังเป็นน้องสาว คนอื่นไม่เจ็บปวด แต่เขาเจ็บปวด เพียงแต่เมื่อเห็นหวงเกาหลันย่ำแย่ลงทุกวันราวกับเป็นโรคประสาท มีนิสัยแปลกๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เขาก็ปวดใจอยู่บ้าง เขาไม่กลัวที่จะไปก่อเรื่องกับหวงเกาหลัน แต่กลัวหวงเกาหลันไม่ได้ดั่งใจมากกว่า
หวงเกาหลันยิ้มบอก “พี่ ขอบคุณมากสำหรับหลายปีที่ผ่านมา”
“เอ่อ เกาหลัน เธอ…เธอเป็นอะไรไปน่ะ?” หวงเกาผิงรู้สึกว่าหวงเกาหลันเปลี่ยนไป แม้คำพูดจะยังแปลกๆ แต่แววตากระจ่างใส ไม่มีความเสียสติและหมดอาลัยเช่นปกติ
“ฉันเข้าใจแล้ว พี่เกาผิง เกาอวี่ พี่สะใภ้ พี่เถียนเหยี่ย จากนี้ฉันจะเป็นอาหลันเมื่อยี่สิบปีก่อน ไม่ใช่หวงเกาหลันคนพาลอย่างตอนนี้ ฉันจะเป็นคนใหม่ เอาทุกอย่างของฉันคืนมา” หวงเกาหลันยิ้มเอ่ย
หวงเกาผิง หวงเกาอวี่ ติงเชี่ยน และเถียนเหยี่ยงุนงง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทว่าหวงเกาผิงกลับยิ้ม กอดหวงเกาหลันทั้งน้ำตาไหลพราก ทั้งยังหัวเราะเสียงดัง “อาหลัน เธอเข้าใจแล้วเหรอ พี่รอคำนี้มายี่สิบปีแล้ว! ยี่สิบปีที่พี่เป็นอันธพาลตามตูดเธอ แปดหมู่บ้านสิบลี้มองพี่เป็นคนเสเพลกันหมด แต่พี่ไม่เสียใจหรอกนะ เธอดีขึ้นพี่ก็ดีใจ…จากนี้พวกเราจะกลับตัวด้วยกัน”
หวงเกาหลันร้องไห้เช่นกัน…
หวงเกาอวี่ร้องไห้ตาม ติงเชี่ยนก็ร้อง ส่วนเถียนเหยี่ยทำหน้ามึนงง
ครอบครัวนี้ลงเขามา กลับไปในหมู่บ้าน หวงเกาหลันโทรศัพท์หาเจี่ยงซง แต่เจี่ยงซงที่รับจ้างทำงานอยู่รับสายแล้วไม่พูดไม่จา วางสายหนีไปเลย
“เจี่ยงซงนายจะไปไหน? จะบอกให้นะ ถ้านายกล้าทิ้งงานก็อย่าหวังเงินเดือนเดือนนี้เลย! ฉันจะเอาไปซื้อบุหรี่แจกให้หมด!” หัวหน้าคนงานตะโกนหยอกล้อ
“ไม่เอาแล้ว! ฮ่าๆ…ไม่เอาแล้ว! ไม่เอาอะไรทั้งนั้น!” เจี่ยงซงหัวเราะเสียงดังพลางวิ่งไปสุดชีวิต