The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 235 ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 235 ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่
ดูถึงตรงนี้ จูหลินอดชมไม่ได้ “หลี่เสวี่ยอิงยอดเยี่ยมมาก ฉากสั้นๆ แบบนี้ยังทำให้คนดูฮึกเหิมได้ แต่มันเกี่ยวอะไรกับไต้ซือล่ะ? แถมบนปกไม่ใช้หลี่เสวี่ยอิง แต่ใช้ไต้ซือทำบ้าอะไร?”
เพิ่งพูดจบ ฟางเจิ้งก็ปรากฏกายแล้ว สวมจีวรเก่าๆ ทั้งตัว เหมือนกับโทนสีทั้งหมดในฉาก นั่นคือสีครึ้ม หลวงจีนสะอาดสอ้านแบบนี้ปรากฏตัวขึ้น ตามหลักแล้วน่าจะคาดไม่ถึงมาก แต่แววตาหลวงจีนรูปนี้ไม่ธรรมดา พริบตาเดียวทำให้คนที่จะด่าแม่เก็บคำพูดกลับไป วินาทีนั้น อารมณ์ซับซ้อนเช่นแววตาที่กรุณาฟ้าเวทนาคน ในความเศร้ามีความไม่เข้าใจอยู่ และความโกรธต่อสงคราม ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาทั้งหมด
ขณะเดียวกันแบคกราวด์มิวสิคเปลี่ยนไป เสียงผู้หญิงดังขึ้น ไม่ใช่เนื้อเพลง มีเพียงเสียงงึมงำเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยพุทธะ ซ้ำยังมีความยากลำบากและจำใจของสงคราม
จูหลินรู้สึกขนลุก ดวงตาร้อนผ่าว เกิดความเจ็บปวดในใจเบาๆ เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงซาบซึ้ง นี่คือความรู้สึกเศร้าใจ…
ฉากของฟางเจิ้งไม่เยอะ แต่ตอนที่ฟางเจิ้งจัดระเบียบเสื้อผ้าให้กับทุกคนแล้วยืนขึ้นนั้น จีวรเก่าร่วงลงพื้น เผยให้เห็นจีวรขาว ประกอบกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ ทำให้จีวรขาวเด่นตากว่าเดิม! แสงสว่างบนฟ้าส่องลงมา ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เขาประนมสองมือมองฟ้าเล็กน้อย ราวกับกำลังตะโกนอย่างไร้เสียง ทุกคนมองแล้วเข้าใจ และเหมือนจะได้ยินด้วย
ตอนนี้เอง ภาพจบลงแล้ว
“พระเจ้า! สร้างกระแสชัดๆ นี่ฉากหลุดมาเหรอ ฉบับโฆษณามั้ง?” จูหลินพลันตั้งสติกลับมา เช็ดน้ำตาตรงหางตาก่อนต่อว่ายกใหญ่
ขณะเดียวกัน ใต้คลิปวิดีโอยังมีข้อความจำนวนมาก แทบจะด่าแม่กันทั้งหมด
“อวี๋กว่างเจ๋อคนเจ้าเล่ห์ จะมาย้อมแมวขาย บอกว่าเป็นฉากหลุดมาเหรอ? นี่มันจงใจโฆษณาชัดๆ! แต่ว่าก็ดีมาก…”
“ฉันอยากจะด่าแม่ แต่เห็นแก่นางฟ้าหลี่เสวี่ยอิง ช่างหัวมันเถอะ”
“หลวงจีนนั่นเป็นใครน่ะ? หล่อมาก ฉันชอบแววตาที่ดูเป็นทุกข์นั่น ขอชื่อหน่อยสิ”
“ใช่ๆ หลวงจีนนั่นหล่อมาก ตอนที่โชว์จีวรขาวนะ หล่อระเบิด!”
“พวกผู้หญิงความรู้ตื้นเขินทั้งหลาย ไม่เคยเห็นฝีมือการแสดงของหลวงจีนเหรอ? แววตานั่นน่ะ จิ๊ๆ…ฉันร้องไห้เลย ไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“บ่อน้ำตาตื้นกันจังนะ ฉันไม่ร้องแต่ก็ต้องยอมรับว่าหลวงจีนนี่ต้องดังแน่ ฉันเริ่มรอดูเรื่องล่มเมืองแล้ว”
“นั่งรอเข้าฉาย”
“ขอชื่อหลวงจีนด้วย ขอที่อยู่…จากนี้เขาคือเทพบุตรของฉัน!”
……….
ไม่ผิดจากที่คิดไว้ มีคนด่าประณามอยู่แค่ไม่กี่คอมเมนต์ ที่เหลือเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วกับเกย์ที่มาขอชื่อ แต่ที่มากกว่านั้นคือชมหลี่เสวี่ยอิง ไม่สนว่าฟางเจิ้งจะทรงพลังแค่ไหน แฟนคลับหลี่เสวี่ยอิงต่างหากที่เป็นกำลังหลัก เพียงแต่ว่าฟางเจิ้งอาศัยโอกาสนี้โดดเด่นขึ้นมาเท่านั้น ทุกคนเลยจำเขาได้ คนที่มาสืบถามก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ในมหาวิทยาลัย พวกจ้าวต้าถงรวมตัวกันดูคลิปสั้นตรงหน้า
จ้าวต้าถงแสยะปากยิ้ม “ไม่นึกเลยนะว่าไต้ซือของเราจะขึ้นกล้องขนาดนี้”
“เมื่อก่อนก็คิดว่าไต้ซือหล่อมากนะ โดยเฉพาะความรู้สึกเหมือนแสงตะวันนั่นน่ะ รู้สึกสบายใจและอบอุ่นมากตอนอยู่ข้างๆ เขา ไม่คิดเลยนะว่าเขาจะทำหน้าแบบกรุณาฟ้าเวทนาคนได้ด้วย จิ๊ๆ…” หม่าเจวียนพูดอย่างปลงอนิจจัง
เมื่อเห็นฟางเจิ้งในนั้น ฟางอวิ๋นจิ้งยิ้มแล้ว เธอเคยเห็นฟางเจิ้งในลักษณะแบบนี้มาก่อน ก็ยิ่งมั่นใจว่าในความฝันคือฟางเจิ้ง! ส่วนเขาทำได้อย่างไรนั้นเธอไม่อยากถาม และไม่ได้พูดกับใครทั้งนั้น ทว่าเธอจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้แล้ว เธอไม่ได้หายเอง แต่ฟางเจิ้งช่วยกลับมา!
“คนถามชื่อไต้ซือเยอะเลย ฉันตอบไปดีไหม?” หูหานถาม
“ตอบกับผีแกสิ ไต้ซือเป็นคนอยากมีชื่อเสียงรึไง? ถ้าอยากมีชื่อเสียงนะ ด้วยความสามารถของไต้ซือคงมีชื่อเสียงไปนานแล้ว” จ้าวต้าถงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ถ้าฟางเจิ้งอยู่ที่นี่ได้ยินจ้าวต้าถงพูดแบบนี้ เดาว่าคงตบเขาจนตาย ส่วนคนที่พยักหน้าเห็นด้วยพวกนั้นอาจจะถูกตบตายไปพร้อมๆ กัน…
ที่อำเภอซงอู่ มีหลายคนเห็นคลิปนี้ แต่ละคนต่างร้องด้วยความแปลกใจ ทำไมหลวงจีนนี่ถึงคุ้นตาขนาดนี้?
ทว่าสมาชิกสมาคมศิลปะพู่กันจีนเหล่านั้นตบหน้าผากพลางหัวเราะเสียงดัง “เป็นหลวงพี่ฟางเจิ้งจริงๆ ด้วย! ไม่คิดเลยนะว่าเขาเขียนอักษรเก่งแล้วยังแสดงเก่งด้วย ฮ่าๆ…ดีนะที่เขาปกปิดตัวเอง ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่อิจฉา”
คนที่รู้จักฟางเจิ้งกำลังคุยกัน แต่กลับไม่มีใครตอบคำถามคนเหล่านั้น ในมุมมองพวกเขา ฟางเจิ้งเป็นผู้วิเศษ น่าจะไม่อยากมีชื่อเสียง ไม่อยากถูกรบกวน ไม่อย่างนั้นคงดังไปนานแล้ว
แต่ว่าถึงยังไงฟางเจิ้งก็เคยมีชื่อหลายครั้ง มีคนดีค้นหาเรื่องที่ฟางเจิ้งเคยประสบมา จากนั้นหาชื่อทางธรรมของเขา สุดท้ายก็ส่งไป
หินหนึ่งก้อนคลื่นกระจายเป็นพันชั้น กระดานข่าวที่เดิมทีคุยกันอย่างร้อนแรงยิ่งระอุกว่าเดิม
“เวร เป็นหลวงจีนของจริงว่ะ!”
“ฉันก็คิดว่าเป็นนักแสดงซะอีก แต่ไม่ว่าไงนะ ก็แสดงดีจริง”
………….
คนชมมาก คนด่าก็ไม่น้อยเช่นกัน
“เห็นวิดีโอต้นกกข้ามฟากของเขายัง เจ้านี่ไม่ใช่หลวงจีนจริงๆ หรอก แค่สร้างกระแสช่วงสั้นๆ เท่านั้น ทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียง”
“จริง หลวงจีนที่ไหนจะกระโดดไปอย่างนั้น”
…………
จากนั้นก็เกิดเป็นสงครามชุลมุนระหว่างคนที่สนับสนุนฟางเจิ้งกับต่อต้านฟางเจิ้ง…
ตอนนี้เอง ฟางเจิ้งกำลังนั่งยองๆ อยู่ในวัด อ่านข่าวเกี่ยวกับเขาอย่างสำราญใจ เห็นทุกคนโต้เถียงกันเรื่องเขาไม่หยุด รวมถึงคนที่ด่าเขาด้วย เขารู้สึกแค่ว่าคนพวกนี้น่าสนใจ แต่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคนเหล่านี้ ถ้าตัวตรงก็ไม่หวั่นเงาตัวจะเฉียง คนอื่นด่าว่าเขาไม่สนใจ ก็ย่อมไม่มาถึงตัวเขา จะไปกลัวอะไร? เพียงแต่รู้สึกว่าทุกอย่างน่าสนุกมาก ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ตนเป็นคนในกระแสข่าว
เวลานี้เอง เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
“ติ๊ง! ยินดีด้วย วัดเอกดรรชนีมีชื่อเสียงเล็กน้อยแล้ว นายอยากรับรางวัลสองครั้งรวมกันหรือแยกรับ?” ระบบถาม
ฟางเจิ้งอึ้งงัน ก่อนหัวเราะ “กำลังรอนายพูดอย่างนี้อยู่พอดี ไม่อย่างนั้นอาตมาคงรับไปแล้ว และแน่นอนว่าต้องรับแบบรวม! ช่วยคนไปสามคน สำเร็จภารกิจอีก บุญกุศลมากขนาดนี้ ถ้านายไม่ให้ฉันได้ของดีล่ะก็ หึๆ…” ฟางเจิ้งขบคิดครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรมาข่มขู่ระบบได้
ระบบไม่สนใจฟางเจิ้ง แต่เอ่ยตรงๆ ว่า “ติ๊ง! ยินดีด้วย ได้รับเวทเจ่อ[1]ในเวทหัตถ์เทพนพเก้า! รวมถึงมุทราพุทธ มุทราราชสีห์ใน พร้อมด้วยมนต์ร่ายมุทราราชสีห์ใน คาถาพระวัชรสัตว์สยบมาร จะรับหรือไม่”
“ของขวัญชิ้นใหญ่เลยนี่!” ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็พลันยิ้มร่า กระโดดลอยขึ้นจากพื้น ร้องเสียงดังเต้นแร้งเต้นกา ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วว่ายิ่งสั่งสมบุญกุศลสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสจับได้ของรางวัลที่ดีมากเท่านั้น ครั้งนี้ได้กำไรมากจริงๆ!
บางทีอาจมีคนคิดว่าของขวัญใหญ่แค่นี้จะดีใจอะไรขนาดนั้น แต่ฟางเจิ้งรู้ดีว่านี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่มาเป็นชุด! เปรียบกันง่ายๆ ถ้าจับรางวัลเดี่ยวๆ จับได้ปืนกระบอกหนึ่ง แต่มีปืนแต่ไม่มีกระสุนจะมีประโยชน์อะไร? ส่วนของขวัญใหญ่นี่คือปืนกับกระสุน แถมยังมีคู่มือการควบคุมปืนให้ด้วย จึงมีประสิทธิผลในทันที…
…………………………………………….
[1] เวทเจ่อ หนึ่งในเวทหัตถ์เทพนพเก้าหรือเวทเก้าอักขระเก้ามุทรา วิถีแห่งการหลุดพ้น คำว่าเจ่อในที่นี้หมายถึงการเยียวยา รักษา เรียกว่ามุทราหรือปางมือราชสีห์ใน