The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 24
ตอนที่ 24 โอ่งดีน้ำดี
“คิดวิธีอื่น? ฉันยังคิดอะไรได้อีก? เอาเถอะ ขึ้นเขาไปรอหิวตายก็ได้” ฟางเจิ้งพูดด้วยความคับแค้นใจ ปากพูดแบบนี้ แต่ความคิดกลับหมุนวนอย่างรวดเร็ว คิดหาวิธี ผ่านฤดูหนาว ข้าวสองถุงร้อยจิน หากเขากินประหยัดๆ จะกินได้สามเดือนหรือเปล่านะ เกิดคำถามแล้ว ในวัดก็ไม่ได้มีเขาคนเดียว ยังมีหมาป่าเดียวดายจอมตะกละ รวมมันแล้ว ข้าวจะต้องไม่พอแน่
ฟางเจิ้งกลัดกลุ้ม คิดหาวิธีไม่ได้เลย
เมื่อขึ้นเขามาแล้วก็เทถังน้ำสองถังกับถังน้ำเล็กอีกสองถังของหมาป่าเดียวดายเข้าไปในโอ่ง สรุปคือ เติมไปได้หนึ่งส่วนสิบ!
ฟางเจิ้งอยากจะร้องไห้ จึงกล่าวขึ้น “ระบบ นายจงใจใช่ไหม! จงใจให้โอ่งใหญ่แบบนี้ เพื่อแกล้งฉันใช่ไหม!”
“ขอแนะนำอย่างเป็นมิตร นายจะไม่เติมให้เต็มโอ่งก็ได้ แต่หากเติมเต็ม จะมีข้อดี”
“ข้อดี? ข้อดีอะไร?” หลังฟางเจิ้งสัมผัสถึงข้อดีของข้าวผลึกแล้ว จึงเชื่อคำว่าข้อดีของระบบมาก ทั้งยังอยากรู้
“ความลับ”
“นาย…” ฟางเจิ้งด่าทอในใจ ‘ไอ้แก่!’ จากนั้นก็ลงเขาไปตักน้ำอย่างว่าง่าย ดีที่ฟางเจิ้งร่างกายแข็งแรง มีวิทยายุทธ์ปกป้องตัวเอง กินข้าวผลึกปนกับข้าวธรรมดาทุกวัน แต่กลับส่งผลต่อทางเดินเลือดลมและเลือดเนื้อในร่างกายที่แน่นอน ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้แม้จะตักถังน้ำใหญ่สองถังก็ยังฝีเท้าเร็วราวกับเหาะเหิน ขั้นบันไดสูงชันประหนึ่งพื้นราบใต้เท้า ห้อวิ่งขึ้นลงตลอดทาง เขาพลันพบว่ารู้สึกคล่องแคล่วมาก!
วิ่งไปๆ มาๆ สิบรอบในที่สุดก็เติมน้ำเต็มโอ่ง
ทว่าฟางเจิ้งกำลังนอนหมอบอยู่บนโอ่งมองไปข้างใน มองอยู่นานก็ไม่เห็นว่าโอ่งพุทธมีความพิเศษอะไร จึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “ระบบ นี่มันอะไรกัน? ไหนนายบอกว่าจะต้องตกใจไง?”
“วิ่งสิบรอบเติมน้ำเต็มโอ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ตกใจรึไง?” ระบบตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ไอ้เวร!” ฟางเจิ้งอ้าปากด่าทอ
เปรี้ยง!
สายฟ้าสายหนึ่งผ่าเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ผ่าลงตรงหน้าฟางเจิ้ง!
ก่อนมีอีกสายระเบิดตรงหน้า!
ฟางเจิ้งอ้าปาก “นาย…”
ครืน…
เมฆดำข้างนอกกำลังรวมสายฟ้า…
“พูดได้ดี วันนึงทำผิดได้สามครั้ง อมิตพุทธ ประเสริฐๆ ไม่เล่นละ” ฟางเจิ้งสะบัดแขนเสื้อเตรียมเดินหนีไป
เมฆดำข้างนอกพลันหายไป ตอนนี้เองขากางเกงฟางเจิ้งถูกดึงลงไป พอก้มหน้ามองก็เห็นหมาป่าเดียวดายแลบลิ้น เห่าไม่หยุด
“หิวน้ำรึ? นายดื่มน้ำตรงตาน้ำพุไปไม่เท่าไรเองนี่ ได้ๆๆ จะให้นายดื่ม” ฟางเจิ้งพูดจบก็ตักน้ำชามใหญ่มาเทใส่ชามใหญ่ที่ดัดแปลงมาจากกระถางดอกไม้ซึ่งเตรียมไว้ให้ หมาป่าเดียวดายโดยเฉพาะ
หมาป่าเดียวดายเข้าไปใกล้ แลบลิ้นดื่มน้ำแผล่บๆ แต่ยิ่งดื่มก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่ถึงครู่เดียวดื่มจนหมดเกลี้ยง ซ้ำยังเลียก้นชามอีก! พอมั่นใจว่าไม่เหลือแล้วถึงเรอ ก่อนเข้าไปใกล้แล้วเห่าต่อ
“จะดื่มอีกเหรอ? นายอยากดื่มจนน้ำลายไหลแล้วนะ…เอ่อ หรือว่าอยากดื่มมาก?” ฟางเจิ้งกังวลแล้ว น้ำนี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือไง?
มีข้าวผลึกเป็นตัวอย่าง ความคิดฟางเจิ้งจึงไม่ใช่ต้นไม้แล้ว เขารีบวิ่งกลับไปตักน้ำมาชามหนึ่ง ดื่มไปอึกหนึ่ง ดวงตาพลันเปล่งประกาย ไม่สนใจอะไรแล้ว เอาแต่ดื่มไป อึกใหญ่…
เมื่อน้ำเข้าปากจะรสชาติหอมหวานอย่างยิ่ง สำคัญคือ เย็นสบาย แต่กลับไม่เย็นเยือก เมื่อเข้าไปในร่างกาย อวัยวะทั่วร่างจะเหมือนถูกกระตุ้น พวกอวัยวะเหล่านี้ราวกับ หญ้าแห้งและต้นไม้แก่ที่แห้งมานานมากแล้วพลันได้รับฝนตกครั้งใหญ่ จึงสูบน้ำอย่าง บ้าคลั่ง ปลดปล่อยพละกำลังแห่งชีวิต แตกหน่อออกกิ่ง…
ดื่มน้ำหมด ฟางเจิ้งลูบท้อง อิ่ม! แต่กลับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าพอใจ “สบาย!”
ฟางเจิ้งไม่คิดเลยว่าเขาที่ดื่มน้ำมาทั้งชีวิตจะรู้สึกว่าน้ำนี่อร่อยกว่าเครื่องดื่มทุกชนิด! ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าน้ำจากตาน้ำพุเอกดรรชนีเป็นน้ำที่อร่อยที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เทียบกับน้ำนั่นไม่ได้เลย!
“โฮ่งๆ…” หมาป่าเดียวดายใต้เท้าส่งเสียง
ฟางเจิ้งตอบกลับอย่างรำคาญ “เออๆ จะให้นายดื่ม”
ฟางเจิ้งก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว ในเมื่อน้ำนี่อร่อยจริงๆ ก็ให้หมาป่าเดียวดายดื่มให้เต็มที่! ให้ข้าวไม่ได้ จะให้น้ำไม่ได้หรือไง?
เขาให้หมาป่าเดียวดายดื่มน้ำชามใหญ่อีกชาม จากนั้นตรึกตรองเรื่องน้ำ เห็นได้ชัดว่าน้ำพุใต้ภูเขาไม่ได้มีรสชาติแบบนี้ เช่นนั้นคำตอบทุกอย่างก็อยู่ที่โอ่งพุทธแล้ว
“ระบบ นายอยู่ไหม?”
ระบบเงียบ
“เฮ้ ยังโกรธอยู่อีกเหรอ? พี่ระบบ อย่าโกรธเลยนะ ถามหน่อย เรื่องน่าตกใจที่นายว่าคือหลังเติมน้ำเต็มโอ่งแล้ว น้ำจะเปลี่ยนเป็นอร่อยมากใช่รึเปล่า?” ฟางเจิ้งถาม
“เมื่อเติมน้ำในโอ่งพุทธเต็ม มันจะปลดปล่อยแก่นแท้ของสุริยันจันทรากับ แรงปรารถนาของทุกชีวิตในโอ่ง มันจะเปลี่ยนน้ำให้น้ำสะอาดบริสุทธิ์ น้ำสะอาดบริสุทธิ์จะไม่มีสิ่งปนเปื้อนทางโลกใดๆ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะหอมหวานมาก กระชุ่มกระชวย ไปทั้งตัว กระตุ้นพลังชีวิตทั่วร่างกาย” ระบบตอบ
ฟังจากน้ำเสียงระบบแล้วไม่ได้เหมือนโกรธอะไร ฟางเจิ้งก็วางใจ ขณะเดียวกันก็เข้าใจเล็กน้อยแล้วว่าระบบจะไม่มีอารมณ์อะไรเลย คล้ายกับว่าเป็นโปรแกรมที่แน่นอน ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ขอเพียงไม่ทำผิดกฎ เขาก็จะพูดอะไรก็ได้
พอนึกถึงตรงนี้ฟางเจิ้งก็วางใจ
“ไม่เติมเต็มโอ่งไม่ได้เหรอ?” ฟางเจิ้งถาม
“ไม่เติมเต็มโอ่ง จะไม่เกิดผลพิเศษของโอ่งพุทธ” ระบบตอบ
ฟางเจิ้งเงียบ ลูบเงินในกระเป๋าแล้วต้องถอนหายใจ พึมพำว่า “ต้องเก็บเงินแล้ว รีบหาคนงานสักคนมาคอยเติมน้ำ แบบนั้นจะไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องน้ำ”
พูดจบฟางเจิ้งก็ท้องร้องจ๊อกๆ เขาหิวแล้ว ถึงจะดื่มน้ำไปไม่น้อย แต่น้ำก็คือน้ำ แทนข้าวไม่ได้
ขัดหม้อ เติมน้ำ ซาวข้าว หุงข้าว!
ขณะเดียวกันฟางเจิ้งว่า “หมาป่าเดียวดาย ฟืนไม่พอ นายไปเอาฟืนมาหน่อย”
หมาป่าเดียวดายที่ก่อนหน้านี้ขี้เกียจ เห่าแล้ววิ่งออกไปทันที ฟางเจิ้งได้แต่ด่ายิ้มๆ “ให้นายไปตักน้ำ ทำอย่างกับเป็นหมาตาย พอให้ไปเอาฟืนมาหุงข้าวมีชีวิตชีวาขึ้นมาเชียวนะ แกนี่มันสุนัขจิ้งจอกหรือเปล่าเนี่ย?”
หมาป่าเดียวดายกลับแกว่งหางวิ่งไกลออกไป ไม่นานก็คาบท่อนไม้หนากลับมา ฟางเจิ้งหยิบขวานขึ้นมาตัดเป็นท่อนเล็กๆ อย่างคล่องแคล่ว ยัดใส่เตา จากนั้นหนึ่งคนกับหมาป่าต่างคุยกันเรื่อยเปื่อยแก้กลุ้ม แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง ฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดาย ก็เงียบ เอาแต่สูดกลิ่นไม่หยุด
“หอมมาก! ไม่ใช่แล้ว ฉันไม่ได้ใช้ข้าวผลึกมากนักนี่ ทำไมข้าวถึงหอมแบบนี้?” ฟางเจิ้งกลืนน้ำลายทีละอึกแล้วพูดงึมงำ
หมาป่าเดียวดายชี้ไปยังโอ่งพุทธพลางเห่าสองที ฟางเจิ้งจึงเอ่ย “นายจะบอกว่าเป็นเพราะน้ำในโอ่งพุทธเหรอ? ก็ใช่ น้ำอร่อยขนาดนี้ จะต้องทำให้อาหารอร่อยขึ้นแน่ ดูท่าปัญหาจะอยู่ที่…ไม่รู้ว่าเมื่อข้าวผลึกรวมกับน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ต้มสุกออกมาแล้วข้าวจะมีรสชาติเป็นยังไง” พูดจบ ฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดายกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกัน หนอนตะกละทุกตัวโลดแล่นออกมา…