The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 260 คุณคิดว่าผมโง่
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 260 คุณคิดว่าผมโง่
หมาป่าเดียวดายเร่งความเร็วอีก เพิ่มความเร็วอีก!
ไปๆ กลับๆ หลายครั้ง เจียงเยี่ยร้องขึ้นราวกับเห็นผี “เวร! หมาบ้านี่วิ่งถึงร้อยยี่สิบห้าแล้ว! ผมฝันไปรึเปล่าวะ?”
ผู้หญิงชิดเบาะหลังแน่น ร้องด้วยใบหน้าซีดขาวยิ่ง “ช้าหน่อย ช้าหน่อย…”
ขณะเดียวกันข้างๆ ไร่นาข้างหน้า มีพ่อลูกคู่หนึ่งนั่งอยู่ หยิบแตงกวายาวสองลูกออกมาจากในบ่อน้ำ ลูกถามบิดา “พ่อ พ่อดูสัตว์โลกทุกวัน ผมถามหน่อยว่าบนโลกนี้สัตว์อะไรวิ่งเร็วที่สุด?”
พ่อได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะเสียงดัง “อันนี้แกล้มพ่อไม่ได้หรอกนะ อย่างอื่นไม่ว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องสัตว์พ่อมีฝีมืออยู่บ้าง ถือว่าเป็นครึ่งผู้เชี่ยวชาญ นักศึกษาทั่วไปสู้พ่อไม่ได้ สัตว์ที่เร็วที่สุดในโลกนี้คือเสือชีตาห์ ความเร็วสูงสุดคือหนึ่งร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง! เป็นเจ้าแห่งความเร็วบนบก ราชันวิ่งระยะสั้น!”
ลูกจะเอ่ยชม แต่พอหันหน้าไปกลับตาค้าง ถามโดยจิตใต้สำนึก “พ่อ แล้วหมาวิ่งเร็วเท่าไร?”
“หมา? หมาเป็นขยะ พูดถึงวิ่งเหรอ ก็คงเป็นบรรพบุรุษหมาป่าของพวกมันมากกว่าที่เก่งกาจ วิ่งเร็วหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่สำคัญคือความอดทนของหมาป่า มันวิ่งได้เก่งมาก คนเองก็ค่อนข้างขยะเหมือนกัน วิ่งไม่เร็ว ความอดทนก็น้อย…” ขณะบิดากำลังพูดพลันได้ยินเสียงเครื่องยนต์แว่วมา จึงขมวดคิ้วด่าไป “ไอ้บ้ารนหาที่ตายไร้คุณธรรมที่ไหนวะ มาขับรถเร็วบนทางแคบๆ แบบนี้? อยากตายรึไง?”
บิดาหันไปมองก่อนตะลึงงัน!
เห็นรถกระบะแล่นไปอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วค่อนข้างสูงเหมือนกับวิ่งบนทางด่วน!
ที่แปลกกว่านั้นคือหมาป่าตัวหนึ่งเร็วกว่ารถกระบะ! อ้าปากกว้าง ลิ้นตวัดไปมาตามลม ดูแล้วพึ่งพาไม่ได้ แต่แววตากลับจริงจัง สี่กรงเล็บก้าวทีเป็นหลาราวกับเหาะเหิน!
รถกระบะกับหมาป่าพุ่งทะยานไป!
ลูกถาม “พ่อ นี่เสือชีตาร์เหรอครับ?”
บิดา “%……#¥”
ตอนนี้เองมีเงาสีขาวขยับวูบผ่าน เหลือไว้เพียงหัวโล้นสว่างวาบแก่พ่อลูกที่อึ้งค้างสองคน จีวรหลวมโบกสะบัดตามลม จังหวะก้าวเนิบช้า แต่เร็วจนน่าตกใจ! เหมือนไม่ช้ากว่ารถกระบะและหมาป่าเลย ยังคงรักษาระยะห่างไว้
“พ่อครับ นั่นเสือชีตาร์สองขาเหรอ? ทำไมไม่มีขนล่ะ?” ลูกเหม่อมอง
ในใจบิดาเหมือนมีตัววรนุชวิ่งผ่านแสนตัว เขาก็อยากถามเหมือนกันว่านั่นเสือชีตาร์หรือ? ถูกตบหน้าแรงเกินไปแล้ว เมื่อครู่ยังบอกว่าหมาป่าเร็วไม่เกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เพิ่งบอกว่าคนเป็นขยะ แต่หลวงจีนนี่เดินเท้าเปล่าไปร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง!
บิดาหยิกตัวเอง เจ็บ ไม่ใช่ฝัน! แต่ว่าใครอธิบายให้เขาได้บ้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่ารายการข้อเท็จจริงเพียงหนึ่งเดียวของสถานีโทรทัศน์จะมั่วข้อมูล? ตอนนี้บิดาเกิดความสงสัยในชีวิตแล้ว
แต่มีคนที่สงสัยในชีวิตมากกว่าเขา นั่นคือเจียงเยี่ย!
“พระเจ้า! ฉันเหยียบมิดคันเร่งแล้ว หมาบ้านี่ยังเพิ่มความเร็วได้อีก?!” เจียงเยี่ยอยากจะร้องไห้ รถกระบะเขาไม่ถือว่าเป็นยี่ห้อใหญ่อะไร วิ่งได้ร้อยสามสิบกว่าก็สุดแล้ว เร็วกว่านี้รถจะเหิน ถึงเขาจะไม่ยอม แต่ก็ไม่อยากเอาชีวิตไปล้อเล่น!
ระหว่างที่เหม่ออยู่นี้ แฟนสาวเจียงเยี่ยร้องขึ้น “ตำรวจ…”
เจียงเยี่ยได้ยินดังนั้นก็ตกใจสะดุ้ง รีบเบรกรถ แต่ด้วยความเป็นคนขับรถมือเก๋า ถึงจะเจอตำรวจก็ยังไม่รีบเบรกรถ แต่แค่กดเบรก ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ยังเกิดเสียงเบรกรถแสบแก้วหู ทำให้ตำรวจที่กำลังกินน้ำอยู่ข้างเครื่องจักรบ่อน้ำตกใจ ตำรวจหันมามองก่อนหัวเราะโดยพลัน เขาจอดรถกินน้ำชั่วคราว แต่จับกระต่ายที่วิ่งเข้ามาชนกับต้นไม้ได้! สะบัดน้ำที่มือ เดินไปพลางหัวเราะหึๆ ไม่ได้เห็นร่างเงาสีขาวสองร่างที่วิ่งไปไกลแล้วเลย…
“ถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วที่สี่สิบ คุณวิ่งร้อยกว่า ถ้ามีปีกคุณจะบินขึ้นฟ้ารึไง?” ตำรวจเข้ามาใกล้
“คุณตำรวจฟังผมอธิบายก่อน เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้ ตอนแรกผมขับสี่สิบ แต่มีหมาตัวหนึ่งแซงรถผม ส่ายก้นอยู่หน้ารถผมตลอด คุณว่าผู้ชายอย่างเราๆ จะทนไหวเหรอ? ผมก็โกรธสิ เลยเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว” เจียงเยี่ยรีบอธิบาย
“หมา? คุณแข่งกับหมา? ถึงคุณจะแข่งกับหมาจริงๆ หมาวิ่งได้แค่ห้าสิบ หกสิบนี่?” ตำรวจถาม
“ปัญหาคือหมานั่นวิ่งเร็วมาก สุดท้ายหมานั่นวิ่งร้อยสามสิบกว่า ผมตามไม่ทันเลย! ถ้าไม่ใช่ต้องไล่ตามมันผมคงลดความเร็วไปนานแล้ว” เจียงเยี่ยพูด
ตำรวจมองเจียงเยี่ยด้วยความเคร่งขรึม “คุณลงมาตรวจวัดแอลกอฮอล์ก่อนดีกว่า หมาวิ่งร้อยสามสิบ? คุณว่าหมานั่นเป็นหมาสายฟ้าหรือหมายอดมนุษย์เหรอ?”
“ผมไม่ได้ดื่ม! ผมพูดความจริง ไม่เชื่อคุณถามแฟนผมดู” เจียงเยี่ยร้องโวย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ใช่แฟนคุณ ทำนิสัยแบบนี้ เหอะๆ…ลาก่อน!” แฟนสาวเจียงเยี่ยพูดจบก็หมุนตัวไปอ้วก…ชีวิตนี้เธอไม่อยากนั่งรถของไอ้บ้านี่อีกแล้ว เกือบตาย!
ตำรวจมองเจียงเยี่ยด้วยความเห็นใจ เจียงเยี่ยพูดคับอกคับใจ “ผมพูดจริงนะ มีหมาวิ่งร้อยสามสิบจริงๆ แถมยังมีหลวงจีนรูปหนึ่งเดินตามอยู่ข้างหลัง คือ…ไม่ใช่ คุณทำสายตาแบบนี้คืออะไร?”
“คุณคิดว่าผมโง่เหรอ? หมาวิ่งร้อยสามสิบ? คุณเข้าอินเทอร์เน็ตไปดูนะว่าหมาวิ่งเร็วเท่าไร! แล้วก็หลวงจีนเดินตามข้างหลัง ทำไมคุณไม่บอกว่าเขาเหาะเลยล่ะ? อย่าพูดมั่ว มีอะไรพวกเราไปคุยกันที่โรงพักก่อน ผมสงสัยว่าสมองคุณจะมีปัญหา ไม่เหมาะจะขับรถต่อ…” ตำรวจพูด
เจียงเยี่ยทำหน้าเศร้า เขาสาบานว่าพูดความจริง! ทำไมไม่มีใครเชื่อเขาเลย
ข้ามความซวยต่อจากนี้ของเจียงเยี่ยไป ตอนนี้มีคนจะซวยครั้งใหญ่!
“พี่หวังขับรถเร็วหน่อยสิ อีกเดี๋ยวคนในหมู่บ้านตามมาจะมีปัญหา เด็กนี่ไม่เชื่องเลย ต้องยัดยาสลบไป แต่ก็คงหลับอีกไม่นานแล้ว” ผู้หญิงปากแหลมแก้มลิง เหนือคางมีไฝดำเร่งรัด
“จะเร่งอะไรนักหนา? พวกเขาทำงานกันอยู่ อีกอย่างฉันเคยไปหมู่บ้านนี้มาบ้างแล้ว คนที่มีรถมีไม่กี่บ้าน แถมยังมีหลังหนึ่งถูกไฟไหม้อีก ยังไม่ได้ปลูกใหม่ ตอนนี้เข้าเมืองไปแล้ว พวกเราขับเร็วแค่นี้ก็พอ เร็วกว่านี้เดี๋ยวจะมีปัญหาเอาง่ายๆ ไม่เห็นตำรวจเมื่อกี้เหรอ? ถ้าถูกจับเราจะอธิบายยังไง” ผู้หญิงร่างท้วมผิวเหลืองเทียน พันด้วยผ้าขนหนู สวมเสื้อเชิ๊ตลายตารางตอบ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน หนังตากระตุกรัวๆ เลย รู้สึกว่าจะเกิดเรื่อง” ผู้หญิงไฝดำพูด
“ไม่มีอะไรหรอก ทำมาหลายปีไม่เห็นเป็นอะไรเลย แค่เด็กคนเดียวเองจะมีปัญหาสักแค่ไหนกันเชียว? เจอคนอย่าตระหนกก็พอ” ผู้หญิงท้วมพูด ระหว่างกล่าวอยู่นี้ก็ผ่านไปอีกหมู่บ้าน
“พี่หวัง ฉันไม่ใช่พี่นี่ ฉันเพิ่งมารับช่วงเลยกลัวๆ อยู่บ้าง” ผู้หญิงไฝดำกล่าว
“น้องพี่ ตอนแรกก็แบบนี้แหละ ขายสักสองสามคนเดี๋ยวก็ชินเอง” พี่หวังว่า
“พี่หวัง จะขายเด็กนี่ที่ไหนเหรอ? จะถูกทำร้ายไหม?” ผู้หญิงไฝดำถาม
……………………….