The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 271 จัดการเด็กดื้อ
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 271 จัดการเด็กดื้อ
“เฮ้ย เด็กนี่โหดชะมัด แต่ตัวแค่นี้โหดไปจะมีประโยชน์อะไร? ท่านหมาป่าตบทีเดียวคงกระเด็นไปสิบกว่าเมตร!” หมาป่าเดียวดายหัวเราะเบาๆ
เด็กแดงหูกระดิก ยิ้มให้หมาป่าเดียวน้อยๆ หมาป่าเดียวดายเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี แต่อีกฝ่ายเป็นเด็กน้อย ส่วนมันเป็นผู้ปกปักวัดเอกดรรชนีหมายเลขหนึ่ง มีอะไรน่ากลัว?
ทว่าต่อมาหมาป่าเดียวมองอะไรไม่ชัดเลย รู้สึกแค่ว่าเหมือนถูกรถไฟชนหน้า จากนั้นลอยลิ่วข้ามกำแพงวัด ไปตกนอกกำแพงดังโครม…
เด็กแดงหัวเราะหึๆ “อย่าคิดว่าข้ามหาราชาไม่เข้าใจภาษาสัตว์! ไอ้ลูกหมาป่ากล้าเรียกตัวเองว่าท่านต่อหน้าข้า? ถ้าไม่เห็นแก่หน้าไอ้ลา…ข้าคงตบเจ้าตายเอามาตุ๋นซุปกินแล้ว!”
ฟางเจิ้งมองหมาป่าเดียวดายที่ลอยออกไป อดด่าทอในใจไม่ได้ว่า ‘เด็กธรรมดา? ระบบ ฉันล่ะอยากด่าโคตรตระกูลนายนัก…’
ผู้ปกปัดวัดถูกอัดแล้ว แน่นอนว่าฟางเจิ้งมองเฉยไม่ได้จึงแค่นเสียงหึ “เด็กแดง ในเมื่อนายเข้าวัดเอกดรรชนีของอาตมาแล้ว นับจากวันนี้ไปห้ามทำชั่ว ห้ามใช้พลังโดยที่อาตมาไม่อนุญาต ถ้าอาตมาเห็นครั้งเดียว หึๆ จะลงโทษทวีคูณ! อีกอย่างจะทวีคูณไปไม่มีสิ้นสุด นายอยากเจ็บจนทุกข์ไปทั้งชีวิตก็ลองดู! อ้อ อาตมาขอเตือน อาตมาควบคุมระดับความเจ็บปวดได้ ความเจ็บเมื่อครู่เพียงแค่เจ็บเบาๆ อาตมายินดีถ้านายจะท้าทายระดับที่มากกว่านี้!”
พอเด็กแดงได้ยินว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้เบาที่สุดก็ตัวสั่น แต่จะให้เชื่อฟังเณรแบบนี้? เขาไม่ยอม! ดวงตาโตกลอกไปมา กำลังตรึกตรองว่าจะหาโอกาส อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่สนใจและไม่ทันระวังลงมือแทงให้ตายดีหรือไม่? เมื่อคิดหาวิธีได้แล้ว เด็กแดงจึงตอบหน้าเรียบๆ “ข้ายอมแล้วไต้ซือ! จากนี้จะไม่ทำชั่วอีก!”
ฟางเจิ้งถึงพยักหน้าอย่างพอใจ นึกลำพองใจ เด็กแดงเอ๋ย! ปีศาจที่ซึงหงอคงยังจัดการไม่ได้ หนึ่งในเด็กสองคนที่จัดการยากที่สุดในไซอิ๋ว! กลับถูกเขากำราบ! จึงสุขใจมาก แต่เขาก็ยังคงจับตามอง ตอนแรกเด็กแดงถูกพระโพธิสัตว์กวนอิมกำราบก็ยังก่อกบฏ
“ไม่ต้องกังวล ทุกอภินิหารของเขาไม่มีผลกับนาย อีกอย่าง นายถอนความสามารถของอภินิหารเขาได้ตลอดเวลา” ระบบเอ่ยขึ้นในฉับพลัน
ฟางเจิ้งได้ยินดังว่าก็ร้องดีใจอยู่ภายใน “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้? รู้อย่างนี้แต่แรกนะ…เหอะๆ…อาตมาจะตีสักสิบที!”
แต่ก็เป็นอย่างนี้ไป ในเมื่อเด็กแดงเชื่อฟัง ฟางเจิ้งก็สบายใจ ตอนนี้หมาป่าเดียวดายกลับมาแล้ว หน้าเทาเปื้อนดิน พอเข้ามาก็ร้องเสียงดัง “เจ้าอาวาส ท่านสนใจหน่อยได้ไหม? เด็กนี่โหดไปแล้ว! ต่อยตีคนอื่น เห็นไหม? ไม่ใช่ ต่อยตีหมาป่า เขาต่อยหมาป่า! ต่อยหมาป่าของท่าน จะไม่สนใจหน่อยเหรอ?”
“หุบปาก ถ้ากล้าพูดจาไร้สาระอีก ข้าจะตุ๋นเจ้า!” เด็กแดงถลึงตามอง หมาป่าเดียวกายตกใจจนวิ่งไปหลบหลังฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นจึงส่ายหน้า เจ้านี่เป็นแบบอย่างของคำว่าข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่มีอำนาจกว่า! จะหวังให้มันปกป้องวัดก็คงพึ่งพาไม่ได้จริงๆ
แต่ฟางเจิ้งก็ยังต่อว่าเด็กแดง “เด็กแดง ในเมื่อมาวัดเอกดรรชนีของอาตมาก็ต้องทำตามกฎวัด จากนี้ลดคำพูดว่าจะฆ่าจะแกงกันลง โดยเฉพาะ…ห้ามฆ่าคน! ถ้าอาตมารู้ว่านายหาญกล้าทำ หึๆ…อาตมาจะปล่อยพลังอัคคีทั้งหมด สวดมนต์ให้นายฟังสิบยี่สิบปี!”
ความเจ็บปวดของเด็กแดงก่อนหน้านี้ก็แทบจะตายแล้ว ถ้าสวดสิบยี่สิบปี? แค่คิดก็ตัวสั่นงันงก รีบรับปาก “ได้ๆๆ จากนี้ข้าจะไม่ฆ่าคน แต่ว่าถ้ามีคนรังแกข้าล่ะ?”
ฟางเจิ้งมองค้อน “ใครจะรังแกนาย? นายไม่รังแกคนอื่นอาตมาก็อมิตาพุทธแล้ว แล้วก็จากนี้อย่าเรียกตัวเองว่ามหาราชาอีก ในเมื่อเข้าวัดก็เป็นนักบวช ในเมื่อเป็นนักบวชก็ต้องมีนามทางธรรม นายเรียกตัวเองว่ามหาราชาเซิ่งอิง พ่อนายคือราชาปีศาจกระทิง แม่นายคือองค์หญิงพัดเหล็กลั่วซา ดังนั้นแล้วจากนี้นายชื่อว่าโก่วต้าน!(ไข่สุนัข)”
‘พรวด!’ ลิงพ่นน้ำบริสุทธิ์ออกไปไกล
กระรอกกุมท้องหัวเราะกลิ้งไปบนพื้น
หมาป่าเดียวดายแสยะปากแอบหัวเราะ
แต่เด็กแดงโกรธโดยพลัน กระทืบเท้าดังปุงปัง ราวกับว่าทั้งยอดเขาสั่นสะเทือน ดีที่วัดไร้พ่าย ไม่อย่างนั้นฟางเจิ้งสงสัยว่าวัดนี้จะถูกเหยียบพัง ขณะเดียวกันก็แอบระแวง เด็กแดงมีพลังเทพเซียน ห้ามละเลยอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องสร้างปัญหาใหญ่แน่
เด็กแดงพูดด้วยความโกรธ “ไอ้หัวล้านชั่ว เจ้ากล้าเรียกข้าแบบนี้ วันนี้มหาราชาจะแทงเจ้าให้ตาย!”
ฟางเจิ้งรู้ว่าเจ้านี่บ้าระห่ำไม่เชื่อฟัง จึงยกมุมปาก ประนมสองมือ ยิ้มหยีตามองเด็กแดง “บนสวรรค์มีคุณธรรมที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อาตมาจะให้โอกาสนายเรียงคำพูดใหม่อีกครั้ง เด็กน้อย คว้าโอกาสไว้ ไม่อย่างนั้นอาตมาจะสวดเล่นๆ หนึ่งวัน”
“เจ้า…” เด็กแดงโกรธจนตาแดงก่ำ จ้องฟางเจิ้ง เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉยเมยฟางเจิ้งแฝงไว้ด้วยความหมายว่าฉันกำลังรังแกนายอยู่ สุดท้ายจึงกัดฟันพูด “ชื่อนี้ก็ไม่เลว…”
“นายว่าไงนะ? อาตมาได้ยินไม่ชัด พูดดังๆ หน่อย” ฟางเจิ้งยิ้ม
“เจ้าอย่ารังแกคนอื่นให้มากนัก!” เด็กแดงโมโห
ฟางเจิ้ง “ช่างเถอะ อาตมาสวดมนต์ดีกว่า คืนนี้ยาวๆ ไป สวดหนึ่งคืนเป็นการอุ่นเครื่อง”
“ชื่อนี้ไม่เลว!” เด็กแดงกลั้นน้ำตาตะโกนเสียงดัง
“เพิ่งจะเชื่อฟังเรอะ ช่างเถอะ โก่วต้านเป็นชื่อภายในของพวกเรา ส่วนชื่อข้างนอก…ตามลำดับของวัดเอกดรรชนีคืออี้ ฟาง จิ้ง ถู่ หยวน หมิง จิ้ง จื้อ เต๋อ ซิง ฝู เสียง[1] ลำดับของอาตมาคือฟาง ลำดับของนายคือจิ้ง อาตมาหวังว่าจากนี้นายจะชะล้างความผิดในใจได้ นามทางธรรมของนายคือ จิ้งซิน[2]!” ฟางเจิ้งพูดด้วยหน้าเคร่งขรึม นามทางธรรมจะตั้งกันมั่วๆ ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้แค่หยั่งเชิงเด็กแดงก็เท่านั้น ความผิดบาปในใจเด็กแดงหนักเกินไป ฟางเจิ้งต้องหาเหตุผลให้เขาแสดงออกมาแล้วค่อยขัดเกลา พูดตรงๆ คือต้องเคาะตีเด็กคนนี้ตลอด ไม่อย่างนั้นถ้าเด็กนี่ดื้อขึ้นมา นั่นเทียบไม่ได้กับเด็กดื้อธรรมดา
เด็กแดงได้ยินนามทางธรรมก็คิดว่าไม่เลว อย่างน้อยก็ดีกว่าโก่วต้าน เด็กแดงจึงพูดว่า “อันนี้ก็ใช้ได้…”
“อืม?” ฟางเจิ้งเหลือบตามอง
เด็กแดงรีบประนมสองมือ เอ่ยด้วยความไม่ยินยอม “ขอบคุณมาก…”
“ถึงนายจะเป็นสุธนกุมาร แต่เข้าวัดเอกดรรชนีแล้วก็เป็นศิษย์ของอาตมา” ฟางเจิ้งหาผลประโยชน์อย่างมีเหตุผล ถูกระบบลวงมาหนักหนา รู้สึกว่าต้องเอาคืนบ้างถึงจะถูก รับสุธนกุมารเป็นศิษย์ คิดแล้วก็ฟิน
เด็กแดงประนมสองมือกล่าว “ศิษย์จิ้งซินคารวะอาจารย์” ในใจเด็กแดงเต็มไปด้วยความไม่ยอม แต่ด้วยความจำใจ อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นก็ต้องก้มหัว! อีกอย่างเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะหาโอกาสลงมือกะซวกไอ้หัวโล้นสารเลวนี่ จากนั้นบินไปให้ไกล
ฟางเจิ้งรู้ว่าเด็กแดงไม่ยอมเชื่อฟังง่ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมคงไม่โยนเขามา แต่ในเมื่อรับงานมาแล้ว ฟางเจิ้งก็ต้องตรึกตรองหาวิธีจัดการเด็กนี่ แม้จะปวดหัวอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงว่าตนรับเทพเซียนเป็นศิษย์กลับสุขใจยิ่ง…มีเด็กแดงคอยปกป้อง ในโลกนี้ใครจะหาเรื่องเขาได้?
แต่ไม่นานฟางเจิ้งก็ดีใจไม่ออก กระทั่งเกิดความสำนึกเสียใจที่รับเด็กเวรนี่เป็นศิษย์
…………………..
[1] อี้ ฟาง จิ้ง ถู่ หยวน หมิง จิ้ง จื้อ เต๋อ ซิง ฝู เสียง แปลได้ว่า หนึ่ง ทิศ บริสุทธิ์ ดินแดน สมบูรณ์ สว่างไสว สะอาด ความรู้ คุณธรรม โชค มงคล อี้ในลำดับแรกคือชื่อของหลวงจีนหนึ่งนิ้ว อี้จื่อ
[2] จิ้งซิน หมายถึงจิตใจบริสุทธิ์