The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 283 ร้านค้าออนไลน์
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 283 ร้านค้าออนไลน์
“คือ…” ผู้หญิงตกอยู่ในห้วงความเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งถึงตอบกลับ “ไต้ซือ พูดจริงๆ นะคะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…ตอนนี้ฉันคงได้แค่เดินไปทีละก้าว”
“สีกา ได้ยินว่าขาไม่ดีนี่?” ฟางเจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
ผู้หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง “ยังไหวค่ะ ไต้ซือ ลูกตื่นแล้ว ค่อยคุยทีหลังนะคะ”
ฟางเจิ้งรู้สึกได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก ที่ไว้ค่อยคุยทีหลังนั่นเพราะความดื้อรั้นกับความมุ่งมั่น เธอเป็นคนเข้มแข็งและอดทน ไม่อยากให้ใครเห็นใจ และไม่อยากให้ใครมาดูแลอะไรทำนองนี้
หลังจากวางสาย ฟางเจิ้งกลับวัดไปสวดมนต์ อ่านหนังสือ
ยามเย็น เด็กคนนั้นโทรมาอีกจริงๆ แต่ครั้งนี้ฟางเจิ้งเก้อเขินแล้ว
“พ่อครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นตำรวจ เล่าเรื่องจับคนเลวให้เป่าเป่าฟังได้ไหมครับ?”
ฟางเจิ้งมองบน เรื่องจับคนเลว? เขาอยากจะเล่า แต่จะเล่าอะไรล่ะ? ทว่าก็ปิ๊งความคิดขึ้นมา เขาเปิดลำโพงมือถือ ก่อนกดออกไปหน้าข้างนอก เข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาเรื่องตำรวจของชื่อคนแรก จากนั้นเล่าเรื่องให้เด็กฟังเป็นตอนๆ เด็กน้อยหลอกง่าย ไม่คิดเลยว่าเขาจะเชื่อ…
คุยกันสักครู่ แม่เด็กเอามือถือไป เห็นได้ว่าเธอไม่อยากให้ลูกตนรบกวนเวลาคนจิตใจดีมากเกินไป
“ขอบคุณนะคะไต้ซือ วันนี้เขามีความสุขมาก อาการป่วยดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อีกสักช่วงหนึ่งก็คงออกจากโรงพยาบาลได้” น้ำเสียงผู้หญิงมีความสุขสบายขึ้นหลายส่วน
ฟางเจิ้งยิ้มกล่าว “อมิตาพุทธ อย่างนั้นก็ดี สีกา ตอนนี้อาตมายังไม่รู้เลยว่าสีกาชื่ออะไร แล้วก็เด็กคนนั้นชื่ออะไร? อาตมาเป็นพ่อปลอมก็ต้องเป็นมืออาชีพหน่อย”
ผู้หญิงชะงักงันตามด้วยยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าไต้ซือจะมีอารมณ์ขันแบบนี้ ฉันฉินเสี่ยว ลูกฉันต่งจวิน สามีฉันชื่อต่งปิง ไต้ซือ ท่านชื่ออะไรคะ?”
“อมิตาพุทธ อาตมาฟางเจิ้ง สีกา เล่าเรื่องเกี่ยวกับโยมต่งให้ฟังหน่อยได้ไหม?” ในเมื่อฟางเจิ้งจะปลอมเป็นบิดาต่งจวินแล้ว แน่นอนว่าต้องศึกษาให้ดี ไม่อย่างนั้นนานวันเข้า เกิดถูกเปิดโปงขึ้นมาจะทำอย่างไร?
“เหอะๆ ไต้ซือ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องถูกเปิดโปงหรอกค่ะ เมื่อก่อนปีหนึ่งจวินจวินเจอหน้าพ่อเขาแค่ครั้งสองครั้ง เจอกันไม่เกินสองสามชั่วโมง ถึงจวินจวินจะเลื่อมใสพ่อเขา แต่ว่า…ความจริงเขาไม่เข้าใจพ่อ งานสามีฉันต้องเก็บเป็นความลับ เขาพูดกับฉันน้อยมาก ฉันรู้แค่ว่าเขาทำงานเป็นสายล่อซื้อยาเสพติด…ที่มากกว่านั้นฉันไม่ค่อยแน่ใจ เขาไม่ใช่คนชอบพูด ปากหนักมาก แม้จะเจอหน้ากันปีหนึ่งครั้งสองครั้ง แต่ทุกครั้งจะรีบมารีบกลับ” ฉินเสี่ยวพูด
ฟางเจิ้งจินตนาการออกถึงผู้ชายแบบนั้น ผู้ชายที่ต้องละทิ้งครอบครัวเพื่อประเทศ ผู้ชายแบบนั้นยิ่งใหญ่มาก อย่างน้อยฟางเจิ้งก็ละอายใจไม่อาจเปรียบเทียบสู้ได้
วางสายไปแล้ว ฟางเจิ้งก็โทรหาลวี่เหลียงทันที
“เอ่อ ไต้ซือ ท่านต้องการเรื่องเกี่ยวกับตำรวจล่อซื้อยา? เอาไปทำอะไรครับ?” ลวี่เหลียงทำหน้ามึนงง
ฟางเจิ้งหัวเราะแห้งๆ “จะเล่าให้ลูกอาตมาฟัง ประสกเชื่อไหม?”
ลวี่เหลียงหัวเราะทันที ฟางเจิ้งเพิ่งจะอายุเท่าไร? สองฝ่ายต่างรู้เรื่องของกันและกันทั้งนั้น ต่างรู้จักกันดี ใครจะไม่รู้จักใคร? ลวี่เหลียงจึงหัวเราะหึๆ “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ถ้าท่านมีลูกแล้ว ผมคงหลุดพ้นจากขบวนหมาโสดไปนานแล้ว ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ผมเคยได้ยินเรื่องราวความจริงมาไม่น้อย เดี๋ยวกลับไปผมจะจัดการให้ ท่านรอดูเลย”
“อืม เนื้อเรื่องเป็นรอง ที่สำคัญคือต้องเล่าคุณสมบัติพิเศษของตำรวจล่อซื้อยาที่เหมาะสมและโดดเด่นกับอาตมา” ฟางเจิ้งเอ่ย
ลวี่เหลียง “ได้ครับ ท่านรอก่อน ผมจะกลับไปถามพ่อให้ เขารู้เยอะดี”
ฟางเจิ้งรีบขอบคุณแล้ววางสายไป สบายไปทั้งตัวแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องแต่งเรื่องหน้างาน
พอมีการเตรียมตัว หลังต่งจวินโทรมา ฟางเจิ้งพลันสั่นตัวเปลี่ยนเป็นตำรวจล่อซื้อยาของประชาชน เล่าเรื่องราวต่างๆ ราวกับแม่น้ำไหลไม่ขาดสายจนต่งจวินร้องเสียงดัง เรียกว่าพ่อเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่!
เวลาผ่านไปทีละวัน อาการป่วยของต่งจวินดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ฉินเสี่ยวโทรคุยกับฟางเจิ้ง น้ำเสียงดูผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่งฉินเสี่ยวพูดกับฟางเจิ้งอย่างมีความสุขยิ่ง “ไต้ซือ ฉันมีงานแล้ว! พรุ่งนี้ฉันจะเริ่มธุรกิจของฉันอย่างเป็นทางการแล้ว!”
ฟางเจิ้งอึ้งงัน ผู้หญิงที่ขยับไม่ได้ ผู้หญิงที่มีลูกยังหางานได้ แถมยังมีธุรกิจได้? เลยถามไปตามจิตใต้สำนึก “อมิตาพุทธ ยินดีด้วย สีกาหางานอะไรได้ล่ะ?”
“เพื่อนบ้านช่วยฉันเปิดร้านค้าออนไลน์ค่ะ เขายอมแบ่งแหล่งผลิตสินค้าให้ฉันส่วนหนึ่งให้เอาไปขายในเว็บไซต์ ขายได้ค่อยคำนวณค่าใช้จ่ายให้เขา”
“ยินดีด้วยนะสีกา” ฟางเจิ้งดีใจแทนฉินเสี่ยวจริงๆ คุยกันหลายครั้ง เขาพบว่าฉินเสี่ยวเป็นผู้หญิงที่แกร่งมาก ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร ถ้าเป็นไปได้เธอจะไม่ขอให้ใครช่วย
“ขอบคุณค่ะ” ฉินเสี่ยวพูดอย่างดีใจ
แต่ดีใจไม่ถึงสองวัน ฟางเจิ้งพบว่าฉินเสี่ยวหดหู่ลงเล็กน้อย ฟางเจิ้งถามถึงรู้ว่าฉินเสี่ยวค้าขายร้านค้าออนไลน์ไม่เป็น คิดซื่อๆ ว่าแค่วางของลงในเว็บไซต์ก็จะมีคนมาซื้อ แต่เมื่อวางขายกลับไม่มีคนสอบถามราคา ถึงขั้นไม่มีใครเอ่ยถึงสินค้า
“สีกา ทุกเรื่องตอนเริ่มยากเสมอ คนไม่ถนัดอยู่ในวงการจะต้องใช้เวลาสักระยะ อ้อ ร้านสีกาชื่ออะไร?” ฟางเจิ้งถาม
“ร้านรองเท้าจวินปิงค่ะ” ฉินเสี่ยวตอบ
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆ เขาทำธุรกิจไม่เป็น แต่ชื่อนี้ไม่ถือว่าเป็นชื่อที่ดี มองปราดเดียวเหมือนสินค้าแผงลอย ถ้าจะขายบนอินเทอร์เน็ตคงไม่ง่ายจริงๆ ถึงสินค้าของเธอจะไม่เลวก็ตาม…
วางสายไปแล้ว ฟางเจิ้งถูจมูก “ระบบ ยืมเงินหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้” ระบบตอบด้วยความงกสุดๆ
“นายไม่ต้องขี้เหนียวขนาดนี้ก็ได้มั้ง? นายเอาเงินจุดธูปอาตมาไป อาตมายังไม่ว่าอะไรเลย” ฟางเจิ้งโต้ตอบ
“คำพูดนายมีผลด้วยเหรอ?” ระบบถามกลับ
เส้นสีดำพลันแขวนอยู่บนหน้าผากฟางเจิ้ง “ระบบ นายชอบพูดแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะถูกตีตาย”
“โอ้โห…ยินดีต้อนรับให้นายมาตีฉันให้ตายเลย จะทำความดีก็ได้ แต่จะทำความดีก็ต้องใช้สมอง สมองนายเองก็ไม่ใช่ว่าจะดี จำเอาไว้ ถึงอภินิหารจะสุดยอด แต่มีหลายเรื่องมากที่ไม่ต้องใช้อภินิหารจัดการ เอาล่ะ คิดด้วยตัวเองเถอะ” ระบบพูดจบก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ฟางเจิ้งมองค้อนใส่อากาศ ถือเป็นการต่อต้านอย่างไร้เสียง ในเมื่อไม่มีวิธีลงมือช่วยฉินเสี่ยวโดยตรง เขาจึงได้แต่คิดหาวิธีจากทางอื่น
ตอนนี้เองมีข้อความเข้าวีแชตฟางเจิ้ง พอหยิบมาดูฟางเจิ้งตะลึงงัน เป็นหลี่เสวี่ยอิงที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานมาก!
‘หลวงพี่ฟางเจิ้ง ไม่ได้ติดต่อกันมานานมากเลยนะคะ ได้ข่าวว่าภูเขาเอกดรรชนีซ่อมถนนแล้ว? ซ่อมเป็นยังไงบ้างคะ?’ หลี่เสวี่ยอิงพูดจบก็ส่งรูปสติกเกอร์มา เป็นรูปของเธอเอง ทำเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายโอเวอร์มาก สวมหมวกเอียง คล้ายๆ กับรูปภาพโปรไฟล์วีแชตเธอ
………………………