The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 289 หน้ากาก
โจวอู่ได้ยินดังนั้นก็โกรธแทบระเบิด ทว่าตอนนี้จะมีใจมาประชันปากกับซ่งเอ้อโก่ว? เขาไม่ได้พูดอะไร แต่วิ่งหนีไป ไม่สนหน่อไม้อะไรนั่นแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่ที่มือสั่น สุดท้ายแล้วได้ถ่ายรูปออกมา
เห็นโจวอู่วิ่งมา เก๋อเยี่ยนกับโจวเหวินอู่พลันวิ่งตามไป เก๋อเยี่ยนกวาดสายตามองหน่อไม้ที่โยนเกลื่อนพื้นโดยจิตใต้สำนึกแวบหนึ่ง ในใจตกใจจนเหงื่อซึมไปทั้งตัว ไฝดำนี่ต้องมีปัญหาแน่ ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ! ทว่าเธอไม่กล้าพูด พูดแล้วใครจะเชื่อ? เธอเองยังไม่ค่อยจะเชื่อเลย จึงพูดกับตัวเอง “ต้องเป็นเรื่องบังเอิญ เรื่องบังเอิญ…”
โจวอู่วิ่งลงเขามาตลอดทาง ปิดหน้า ไม่กล้าเงยหน้าเลย แต่รู้สึกถึงขนบนใบหน้า เขาเลิกคิดถึงอย่างเด็ดขาด นี่มันอัปลักษณ์เกินไป น่าขยะแขยงมาก นี่ยังเป็นคนอยู่หรือ?
ครอบครัวโจวอู่วิ่งไป ซ่งเอ้อโก่วเก็บมือถือของโจวอู่ขึ้นมาดูภาพที่ถ่ายก่อนหัวเราะโดยพลัน ซ้ำยังกดปุ่มส่งเงียบๆ…
โจวอู่ลงเขาเอกดรรชนี ขึ้นรถแล่นไปโรงพยาบาลอำเภอซงอู่ ถึงเขาจะรู้สึกว่าโรงพยาบาลเล็กไปหน่อย แต่ตอนนี้เขายังไงก็ได้แล้ว ขอแค่เป็นโรงพยาบาลก็พอ
วันนี้หมอผิวหนังเถียนเสียอารมณ์ดี เพราะผู้ป่วยวันนี้น้อยมาก เจียดเวลามาเล่นวีแชตได้ พูดคุยกัน อยู่แบบสบายๆ
ระหว่างที่เถียนเสียกำลังเล่นมือถือพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากข้างนอก จึงเก็บมือถือไปตามจิตใต้สำนึกพร้อมกับเงยหน้ามองไป แทบเป็นขณะเดียวกันนั้น มีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากประตู คนนี้เงยหน้าขึ้น…
“อ๊าก! ผีหลอก!” เถียนเสียตกใจ คว้าสมุดบนโต๊ะได้ก็ปาเข้าไป
โจวอู่ที่น่าสงสารใจร้อนเช่นกัน เขาไม่ได้เคาะประตู ไม่ได้ทำอะไร แต่พุ่งเข้ามาเลยก็โดนสมุดกระแทกเข้าที่หน้า จึงพูดด้วยความโกรธ “คุณทำบ้าอะไรของคุณ?!”
เถียนเสียได้ยินเข้า เสียงคน? เลยถามเสียงอ่อยๆ “คนเหรอคะ?
“พูดไร้สาระ! ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นผีได้รึไง?” โจวอู่พูดถึงผีก็เกิดความอึดอัดใจอย่างยิ่ง อยู่ดีๆ ทำไมถึงมีไฝดำขนยาวล่ะ? นี่มันแปลกมากจริงๆ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ มันกะทันหันเกินไป คุณมาหาหมอเหรอคะ?” เถียนเสียมองหน้าโจวอู่
โจวอู่นั่งลงบนม้านั่ง ชี้ไปที่หน้าตัวเอง “คุณคิดว่าไงล่ะ? หมอ วันนี้จู่ๆ หน้าผมก็มีไฝดำขึ้นมาเยอะแบบนี้ แถมมีขนดำอีก คุณดูให้ผมหน่อย”
เถียนเสียไม่รังเกียจ ใช้มือกดหน้าโจวอู่ “เจ็บไหม? คันไหน? มีความรู้สึกไหม?”
“ไม่รู้สึก มันเหมือนกับแป้งเปียกทาบนหน้าหนึ่งชั้น มันน่าอึดอัดใจจนกลัวไปหมดแล้ว” โจวอู่ตอบ
เถียนเสียขมวดคิ้ว “ไฝดำปกติจะเกิดขึ้นจากคุณสมบัติสีดำของผิวหนัง แต่ไฝดำของคุณพิเศษมาก เหมือนว่ามีผิวหนังไฝดำเพิ่มมาหนึ่งชั้นเป็นพิเศษ” พูดถึงตรงนี้ เถียนเสียนึกถึงคนประเภทหนึ่งในตำนาน ‘คนสองหน้า[1]’
“อย่าพูดเยอะหมอ คุณจะรักษามันได้ไหม” โจวอู่กล่าว
เถียนเสียยิ้มแห้งๆ “ขอโทษค่ะ ฉันอยู่ในวงการแพทย์มาหลายปี ไม่เคยเห็นโรคที่แปลกแบบนี้มาก่อน บอกได้ไหมว่าคุณได้โรคนี้มายังไง?”
“ผะ…ผมจะไปรู้ได้ยังไงเล่า” โจวอู่ร้อนใจจนเกาหูเกาแก้ม แถมด่าแม่ไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เองเก๋อเยี่ยนกับลูกชายโจวเหวินอู่วิ่งเข้ามา เก๋อเยี่ยนกล่าว “หมอคะ คืออย่างนี้ วันนี้พวกเราไปขุดหน่อไม้ที่ภูเขาเอกดรรชนี พวกเราไม่เคยมีประสบการณ์การขุดหน่อไม้มาก่อน ก็แค่ขุดไปเรื่อยๆ ภูเขาสูงขนาดนั้น พวกเราเอาไปกระสอบเดียวก็ต้องเลือกอันดีๆ แก่ไปไม่เอา เล็กไปไม่พอกิน…แต่สุดท้ายมีพวกชาวบ้านเห็นเข้า บอกว่าพวกเราสิ้นเปลือง หมอว่าไหมคะว่ามันก็แค่หน่อไม้ จะสิ้นเปลืองตรงไหนกัน? หรือจะให้พวกเราปีนภูเขาสูงขนาดนั้นแล้วขุดเอาหน่อไม้ไม่ดีกลับมา นี่ไม่เรียกว่าสิ้นเปลืองเหรอ? ต่อมาพวกเราก็…”
“คุณผู้หญิง เราพูดถึงจุดสำคัญได้ไหมคะ?” เถียนเสียกล่าว
“จุดสำคัญ เอ่อ…คือ มีหลวงจีนรูปหนึ่ง เขาบอกว่าพวกเราทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง และยังบอกอีกว่าเหนือหัวไปสามฉื่อมีเทพเจ้าเฝ้ามองอยู่ จากนั้นก็ไม่สนใจพวกเรา พวกเราขุดต่อไป แล้วก็เป็นอย่างที่คุณเห็น บนหน้าเป็นแบบนี้” เก๋อเยี่ยนเล่าถึงตรงนี้ยังนึกผวาในใจ แอบคิดว่าโชคดีที่ตนต้องดูแลลูกเลยไม่ได้ไปขุดหน่อไม้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้หน้าเธอ ไม่แน่ว่า…
ตอนนี้เองพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนอกประตู ได้ยินข้างในคุยกันถึงภูเขาเอกดรรชนีจึงหยุด คนนี้ก็คือเจียงถิง
เจียงถิงชะเง้อเข้าไปมองข้างใน เห็นหน้าขนดำของโจวอู่แล้วก็รีบหดหัวกลับไป
“เจียงถิง คุณเคยไปภูเขาเอกดรรชนีมาก่อนไม่ใช่เหรอ? บนเขาเป็นยังไงบ้าง?” เถียนเสียไม่เชื่อที่เก๋อเยี่ยนพูดเลย บนโลกนี้จะมีเทพจากไหน? ถ้ามีเทพจริงๆ คนเลวพวกนั้นควรตายแล้วรึเปล่า? ทว่าเธอไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร เห็นเจียงถิงพอดีเลยเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป
เจียงถิงได้ยินแบบนั้นจึงแลบลิ้นก่อนเดินเข้าไป “พี่เถียน ฉันเคยไปเมื่อปีก่อน แต่ว่า…” พูดถึงตรงนี้เจียงถิงชำเลืองตามองโจวอู่แวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “หลวงพี่ฟางเจิ้งข้างบนนั่นเก่งมาก ไม่ว่าพี่จะเชื่อไหมก็เถอะ แต่ฉันเชื่อ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาทำให้หลวงพี่ฟางเจิ้งโกรธเลยถูกลงโทษ”
“เจียงถิงอย่าพูดไร้สาระนะ” เถียนเสียรีบขัดคำพูดเจียงถิง เรื่องแบบนี้พูดกันส่วนตัวได้ แต่พูดในสถานการณ์เป็นทางการแบบนี้ออกจะเกินไปหน่อย
“หลวงจีนตูดหมา…” โจวอู่ด่าไปทีหนึ่ง ก่อนว่าต่อ “ช่างเถอะ พวกคุณรักษาไม่ได้ ผมจะไปโรงพยาบาลเมืองเฮยซาน ไม่ได้อีกก็ไประดับมณฑลดู” พูดจบ โจวอู่ดึงเก๋อเยี่ยนและโจวหวินอู่ไป
เถียนเสียมองเงาแผ่นหลังสามคนนั้นพลางถามเจียงถิงด้วยเสียงเบา “เก่งขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”
“อืม” เจียงถิงพยักหน้า
เถียนเสียเบะปาก “ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีหรอก ไปขุดหน่อไม้บนภูเขาคนอื่นเขายังมีหน้ามาโยนทิ้งสิ้นเปลืองอีก ไม่มีขนดำขึ้นทั้งตัวก็ดีแค่ไหนแล้ว เจียงถิง เย็นนี้กินอะไรไหม?”
“อืม…”
โจวอู่ออกจากอำเภอซงอู่ แต่ไม่นานก็เจอกับปัญหา
“คุณครับ ขับรถห้ามสวมหน้ากากแปลกๆ นะครับ” ตำรวจนายหนึ่งขวางรถโจวอู่ไว้ เอ่ยด้วยความจริงจังมาก
โจวอู่อยากจะร้องไห้ไม่มีน้ำตา เขาดึงขนบนหน้าพลางตะเบ็งเสียงดัง “หน้ากาก? พี่ใหญ่ คุณดูเองสิว่านี่หน้ากากเหรอ? นี่มันหน้ากากเหรอ?!”
ตำรวจใช้มือดึง ไม่ใช่หน้ากากจริงๆ! เขาอึ้งงันไป…ก่อนหัวเราะแห้งๆ สองที “ขอโทษครับ คุณเอ่อ…อืม ไม่มีอะไรครับ ไปได้”
โจวอู่เหยียบคันเร่งพุ่งออกไปด้วยความโมโห แต่พอเหยียบคันเร่งความเร็วก็เกินกำหนดอีก ถูกตำรวจไล่ตามอีกครั้ง หักคะแนน ปรับเงิน!
“แม่งเอ๊ย วันนี้ไปไหนทำไมดวงซวยไปหมดวะ? ทำไมซวยไปทุกที่เลย?” โจวอู่ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ทุบไปที่พวงมาลัย
กว่าจะถึงเมืองเฮยซานก็มืดแล้ว
หลิวเสี่ยวโจวกำลังขับรถBMW ที่ตนซื้อมาใหม่ด้วยความลำพองใจ ก่อนเปิดไฟสูงไปข้างหน้า เขาชอบเปิดไฟสูงไกลๆ แบบนี้ ชอบความรู้สึกที่ส่องตาอีกฝั่งให้มองไม่เห็น!
“เสี่ยวโจว ไฟนายสว่างไปรึเปล่า” เพื่อนที่นั่งมาข้างๆ กล่าว
………………..
[1] คนสองหน้าหมายถึงคนหน้าด้าน