The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 290 กลับเขาเอกดรรชนีอีกครั้ง
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 290 กลับเขาเอกดรรชนีอีกครั้ง
“เฮ้ย ต้องสว่างแบบนี้แหละ! เมื่อก่อนถูกไฟส่องไกลๆ บ่อยๆ ตอนนี้ฉันจะส่องกลับเรียงตัวบ้าง!” หลิวเสี่ยวโจวพูดอย่างลำพองใจ
“จะเกิดปัญหาได้ง่ายๆ เอานะ ถ้าทำให้เกิดอุบัติเหตุล่ะจะทำยังไง” เพื่อนกล่าว
“มันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของฉัน จะโทษใครได้?” หลิวเสี่ยวโจวเบะปาก พูดโดยไม่คิดอย่างนั้น
เพื่อนคิดๆ แล้วก็ใช่ แต่ก็ยังเตือน “ถ้าเกิดปัญหาจริงๆ ก็รีบไป อย่าหยุด อย่าลงไปดู”
หลิวเสี่ยวโจวหัวเราะ “แน่นอน วางใจเถอะ!”
ขณะกำลังคุยกันมีรถคันหนึ่งสวนมา หลิวเสี่ยวโจวเป่าปากพูด “เฮ้ย ไฟพวกพี่เขาสว่างมาก ใครจะกลัวใครวะ! ใช้ไฟสูงที่เปลี่ยนมาสั่งสอนการเป็นคนหน่อย!”
แต่พอเปิดไฟสูงส่องสว่าง!
“เวร ตัวอะไรวะนั่น!” หลิวเสี่ยวโจวเห็นเพียงสัตว์ประหลาดขนดำทั้งหน้านั่งอยู่บนที่นั่งคนขับตรงข้ามเหมือนกับวิญญาณหมีดำ! วินาทีนั้น หลิวเสี่ยวโจวตกใจจนรูขุมขนแตกออกทั้งตัว ผิวหนังเป็นตุ่มๆ แทบจะหลุดร่วงลงพื้น ตัวสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ออกแรงเหยียบคันเร่งโดยไม่สนอะไรแล้ว! แทบจะชิดกับตูดรถที่อยู่ข้างหน้า แต่สุดท้ายด้วยความที่รีบเปลี่ยนทิศทางเลยพุ่งไปโดยคุมรถไม่อยู่ ชนเข้ากับกำแพง กำแพงพังเป็นรูใหญ่ รถค้างอยู่ในนั้นออกมาไม่ได้
ดีที่หลิวเสี่ยวโจวกับเพื่อนคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยดีดออกมาเลยรักษาชีวิตไว้ได้…
ปีนออกมาจากรถแล้ว หลิวเสี่ยวโจวกับเพื่อนมองตากัน อยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา!
เพื่อนว่า “เปิดไฟสูงยังสู้ไม่ได้อีกเหรอ?”
หลิวเสี่ยวโจวส่ายหน้า พูดสะอื้นไห้ “แม่งเอ๊ย จากนี้ฉันจะรื้อไฟสูงนี่ซะ หลอกลวง…อีกอย่างในรถนั่นมีตัวอะไรนั่งอยู่ไม่รู้? ฉันจะไปซื้อหน้ากากมาใส่บ้าง!”
เล่าถึงโจวอู่ขับรถบ้าง เขาเห็นรถBMW คันหนึ่งชนกำแพง ในที่สุดใบหน้าที่กลัดกลุ้มอย่างยิ่งมีรอยยิ้มหลายส่วน เห็นคนอื่นซวยแล้วตนมีความสุข!
แต่โจวอู่ขับรถไปได้ไม่ไกลก็มาถึงโรงพยาบาล เขาร้องไห้…หลังโรงพยาบาลทำการตรวจต่างๆ แล้ว ข้อสรุปคือ
“จากผลการตรวจสอบ ใบหน้าคุณไม่มีปัญหาอะไร ส่วนทำไมถึงมีขนยาว ทำไมมีไฝดำ เอ่อ…อันนี้ต้องทำการตรวจสอบอีกขั้น” หมอกล่าวอย่างจริงจังมาก
โจวอู่ได้ยินดังนั้นพลันเข้าใจ คำพูดน่าฟัง ความจริงจะบอกเขาว่ารักษาไม่ได้! ดวงตาสองข้างดำมืด หมดสติไปโดยพลัน
เก๋อเยี่ยนกับโจวเหวินอู่รีบเข้ามาประคอง…
จนโจวอู่ตื่นมา เขาลูบขนทั่วใบหน้า นี่ไม่ใช่ความฝัน! พลันร้องไห้โดยไร้น้ำตา…
เก๋อเยี่ยนข้างๆ หยิบมือถือออกมาก็ทำหน้าโกรธ มุมของโจวอู่ทำให้เห็นบางอย่างบนหน้าจอพอดี มองแวบแรกกลีบปอดแทบระเบิด! นั่นคือหน้าฟีตข่าวของเก๋อเยี่ยน ด้านบนยังมีรูปภาพหนึ่ง นั่นคือภาพเขาหน้าขนดำ! เขาจำได้ว่าตนเป็นคนถ่ายเอง!
โจวอู่รีบหามือถือแต่หาไม่พบ เพิ่งนึกออกว่าตอนนั้นตกใจจนโยนมือถือทิ้ง อดใจด่าทอในใจไม่ได้ว่า ‘ไอ้ห่าตัวไหนเอามือถือฉันไปวะ แถมยังลงในหน้าฟีตมั่วๆ อีก แม่งเอ๊ย!’
ขณะเดียวกันโจวอู่มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง สายตาที่คนในโรงพยาบาลมองเขามีประกายแววตาแปลกๆ พวกเขากำลังเย้ยเยาะเขา! ได้ยินรางๆ ว่าข้างๆ มีคนกำลังคุยกันเรื่องขนดำกับไฝดำบนหน้าเขาอยู่ วินาทีนั้นโจวอู่แทบจะระเบิด พุ่งออกไปชี้ผู้ป่วยเตียงข้างๆ ตะคอกด้วยความโมโห “แกหุบปากเดี๋ยวนี้ พูดห่าอะไรมั่วซั่ว?”
ผู้ป่วยคนนั้นตกใจสะดุ้ง ก่อนมองเนื้อหัวหมูในชามข้าวตน “ฉะ…ฉันบอกว่าขนบนเนื้อหัวหมูนี่ทำไม่สะอาด ทำไมเหรอ?”
โจวอู่พลันตะลึงค้างอยู่กับที่ มองเนื้อหัวหมูในชามข้าวผู้ป่วยคนนั้น มีขนหย่อมหนึ่ง…
“เวรๆๆ” โจวอู่ด่าไปสามที ก่อนหมุนตัววิ่งไปข้างนอก
เก๋อเยี่ยนเห็นโจวอู่วิ่งออกไปเลยดึงโจวอู่ไว้ “เหล่าโจว คุณจะทำอะไร?”
โจวอู่ชี้หน้าตัวเอง “ทำอะไรเหรอ? ผมจะทำอะไรได้? หน้าแบบนี้จากนี้จะทำอะไรได้อีก?” พูดจบโจวอู่ก็วิ่งไปข้างนอก ทำเอาโจวเหวินอู่ร้องไห้เสียงดัง เก๋อเยี่ยนรีบวิ่งมากอดลูกชายตามไป
พอขึ้นรถของครอบครัว ตัดขาดจากสายตาคนนอก โจวอู่ถึงสงบลงไม่น้อย พิงเบาะนั่งพูดพลางสะอื้น “เมียจ๋า ผม…จากนี้ผมจะทำยังไงดี…”
เก๋อเยี่ยนว่า “เหล่าโจว เรียนผูกต้องเรียนแก้ เรื่องนี้ฉันว่ามีโอกาสสูงมากที่เกี่ยวกับหลวงจีนของวัดเอกดรรชนี คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเขาพูดว่าอะไร? อีกอย่างไฝดำเม็ดแรกก็โผล่มาตอนเขาไปแล้ว พอคุณทิ้งหน่อไม้แรกมันก็เริ่มผุดออกมา จากนั้นถึงฉันจะไม่เห็นนะ แต่ฉันกล้ามั่นใจว่าทุกครั้งที่คุณทิ้งหน่อไม้หนึ่งหน่อ ไฝดำจะโผล่มาหนึ่งเม็ด”
โจวอู่อยากคัดค้านมาก แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ได้แต่หวังอันริบหรี่ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมต้องทำยังไง?”
“กลับภูเขาเอกดรรชนี คุยดีๆ กับหลวงจีนนั่น บางทีอาจจะช่วยได้…” เก๋อเยี่ยนตอบ
โจวอู่กัดฟันพูด “ไป ไปดูกัน! ถ้าเป็นฝีมือเขาจริงๆ ล่ะก็ ผม…ผม…”
คิดอยู่นานโจวอู่ก็พูดคำโหดๆ ไม่ได้ ฟางเจิ้งทำให้หน้าเขามีไฝดำได้ ก็ให้ทั้งตัวเขามีไฝดำได้เช่นกัน เจอกับคนมหัศจรรย์แบบนี้ เขารู้สึกกลัวจริงๆ
เก๋อเยี่ยนกล่าว “โจวอู่ ระหว่างทางมาฉันคิดถึงปัญหาเรื่องนี้มาตลอด สิ่งที่เราทำก่อนหน้านี้ใช้อำนาจระรานคนอื่นมากไปหน่อยรึเปล่า? คงไม่ใช่ว่าพระเจ้าส่งหลวงจีนนั่นมาจัดการเราหรอกนะ?”
โจวอู่แค่นเสียงหึๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่พิจารณาตัวเองถึงสิ่งที่เคยทำ เขาใช้อำนาจระรานคนอื่นมากไปหน่อยจริงๆ แต่ว่า…เขาผิดจริงๆ หรือ?
สองคนแทบไม่คุยกันตลอดทาง ขับรถจนมาถึงตีนภูเขาเอกดรรชนี แต่ตอนนี้เองเป็นยามรุ่งอรุณแล้ว
โจวอู่มองภูเขาเอกดรรชนีพลางถอนหายใจ “พวกคุณรอผมตรงตีนเขานะ ผมจะขึ้นไปดู”
“อย่า ฉันจะไปกัยคุณด้วย” เก๋อเยี่ยนพูด
โจวอู่ส่ายหน้าแล้วรีบเดินขึ้นเขาไป
เก๋อเยี่ยนตรึกตรอง สุดท้ายก็ไม่ได้ตามขึ้นไป เธอเข้าใจโจวอู่มาก นี่คือคนที่จะตายตกนรกทั้งเป็นแล้วแต่ก็ยังรักษาเกียรติ…
ชั่วขณะที่โจวอู่ปีนถึงยอดเขา ดวงตะวันโผล่หัวมาจากเส้นขอบฟ้าแล้ว เขายืนอยู่บนยอดเขาเอกดรรชนี มองเส้นขอบฟ้าตรงสุดปลายฟ้า เกิดความรู้สึกค่อนข้างโล่งใจ
ตอนนี้เองเสียงเอี๊ยดดังขึ้น ประตูใหญ่วัดเอกดรรชนีเปิดออกช้าๆ ตามมาด้วยหลวงจีนจีวรขาวรูปหนึ่งปรากฏตรงหน้าประตู
โจวอู่มองแวบแรกก็จำฟางเจิ้งได้ จึงวิ่งเข้าไปตะโกนเสียงดัง “หลวงพี่ฟางเจิ้งช่วยด้วย!”
ฟางเจิ้งเพิ่งเปิดประตูใหญ่วัด เตรียมจะลองความมหัศจรรย์ของประตูไร้ลักษณ์กลับได้ยินเสียงตะโกนแว่วมา จึงหันไปมอง “อมิตาพุทธ นั่นอะไร? วิญญาณหมีดำ?”
แม้ฟางเจิ้งจะจำได้ว่านั่นคือวิชาไฝดำ อีกทั้งวิชาไฝดำยังมีคำอธิบายไว้ชัดเจนด้วยว่า ‘หนึ่งความคิดเกิดไฝดำ กำหนดการเติบโตและหายไปของไฝดำได้อย่างอิสระ’ ที่ฟางเจิ้งกำหนดไว้คือขอแค่โจวอู่สิ้นเปลืองไผ่หนาวจะเกิดไฝดำทันที ทว่าจะเติบโตมาในลักษณะใดนั้น เขาไม่แน่ใจจริงๆ ขอแค่ไม่ถึงชีวิต เขาก็ขี้เกียจจะคิด
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง ผมโจวอู่เอง!” โจวอู่วิ่งมาอยู่หน้าฟางเจิ้ง
……………………..