The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 291 พักผ่อนเถอะ
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 291 พักผ่อนเถอะ
ฟางเจิ้งพิจารณามองแวบหนึ่ง มองหน้าไม่ออกว่าอะไร เป็นขนดำๆ ทั้งใบหน้า ทว่ามองไปที่หัว เครื่องแต่งกาย ก็เป็นโจวอู่จริงๆ ฟางเจิ้งพลันหัวเราะในใจ ‘วิชาไฝดำนี่เจ๋งจริงๆ! เจ้านี่เจ๋งยิ่งกว่า สิ้นเปลืองไผ่หนาวต้นเดียวจะเกิดไฝดำขนาดเท่าเล็บมือ แต่เจ้านี่มีไฝทั้งหน้า เขาไม่รู้สึกเลยเหรอ? ละโมบเป็นบาปดั้งเดิมแท้ๆ’
ฟางเจิ้งยิ้มในใจ แต่ใบหน้าราบเรียบ ยิ้มน้อยๆ “อมิตาพุทธ ที่แท้ก็ประสกโจว มาได้พอดีเลย”
มาได้พอดี? โจวอู่เหงื่อแตก นี่มันหมายความว่าอย่างไร? หลวงจีนนี่รู้ว่าตนจะมา? แต่ว่าเรามาจะเกี่ยวอะไรกับเขา? หรือเขาคิดจะช่วยกำจัดไฝดำขนดำบนหน้าให้?
ตอนนี้เองมีเสียงตะโกนดังมาจากข้างหลังฟางเจิ้ง “หลบไปๆๆ จะไปตักน้ำ!”
ต่อมาเป็นเด็กน้อยอายุหกเจ็ดขวบหามถังใหญ่สูงหนึ่งเมตรเดินออกมา
โจวอู่อึ้งไป ความคิดแรกคือ ‘ของปลอมเถอะ!’
ฟางเจิ้งยิ้ม “จิ้งซิน ในเมื่อประสกโจวมาแล้ว สองสามวันนี้นายพักเถอะ วางถังน้ำลง”
เด็กแดงอึ้งงัน มองฟางเจิ้งแปลกๆ พลางคิดในใจ ‘ไอ้สารเลวหัวล้านเปลี่ยนนิสัยแล้วรึ?’ แต่ไม่ต้องทำงานเด็กแดงก็ดีใจมาก เอ่ยทันใด “ขอรับอาจารย์” ก่อนวางถังเหล็กใหญ่สองใบลงอย่างตรงไปตรงมา
โจวอู่กล่าว “หลวงพี่ฟางเจิ้ง คือว่าผมมาหาท่านเพราะมีธุระ”
ฟางเจิ้งยิ้ม “ไม่ต้องรีบ ในเมื่อประสกมาแล้วก็ช่วยงานตักน้ำหน่อยเถอะ หลังลานวัดอาตมามีโอ่งน้ำอยู่ใบหนึ่ง รบกวนเติมน้ำให้เต็มที”
โจวอู่ตะลึงค้างอยู่กับ จ้องฟางเจิ้ง “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม?”
เด็กแดงมองอาจารย์ตนอย่างมึนงงเช่นกัน ไอ้สารเลวหัวโล้นบ้าไปแล้ว? ให้ญาติโยมไปตักน้ำ? อีกฝ่ายยอมทำสิแปลก!
แต่ฟางเจิ้งกลับตอบหน้าเรียบนิ่ง “แล้วแต่ความสมัครใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วประสกตามสบาย อาตมากับศิษย์มีธุระต้องไปทำ”
พูดจบฟางเจิ้งหมุนตัวกลับพร้อมเอ่ยว่า “จิ้งซิน ในเมื่อประสกโจวไม่ยอมทำ นายก็ไปตักน้ำเองเถอะ”
“หืม?!” เด็กแดงไม่คิดเลยว่าตนต้องพบหายนะอีก จึงบ่นโจวอู่ทันที คิดในใจ ‘ไอ้วิญญาณหมีดำนี่ไม่รู้จักวางตัวเลยจริงๆ!’
โจวอู่รีบพูด “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ผมยังไม่ได้พูดธุระของผมเลย”
“อาตมามีธุระต้องไปทำ ยังไม่เสร็จเลย เกรงว่าคงไม่มีเวลาช่วยเรื่องของประสกหรอก ตามสบายเถอะ…” ฟางเจิ้งพูดพลางเร่งความเร็วฝีเท้า
โจวอู่ไม่ใช่คนโง่ ดูจากความหมายแล้ว ถ้าเขาไม่ทำงานก็อย่าคิดคุยกับหลวงจีนรูปนี้ และอย่าหวังให้เขาช่วยกำจัดไฝดำกับขนดำบนหน้า โจวอู่มองถังเหล็กบนบ่าเด็กแดงแล้วคิดในใจ ‘เด็กนี่ยังทำได้เลย ทำไมเราจะทำไม่ได้? โอ่งน้ำนั่นน่าจะไม่ใหญ่หรอก…’ คิดถึงตรงนี้ โจวอู่เรียกฟางเจิ้งไว้ “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ผมยอมไปตักน้ำ! แต่ว่าหน้าผม…”
“กลับมาค่อยคุยกัน” ฟางเจิ้งโบกมือ ก่อนเข้าไปหลังลานวัดโดยไม่หันกลับมามองอีก
ฟางเจิ้งไปแล้ว ความน่ารักในแววตาเด็กแดงตอนแรกพลันหายไปจนสิ้น เขาโยนถังเหล็กลงพื้นดังปัง ถลึงตามองโจวอู่ทีหนึ่ง “มองอะไร? ยังไม่รีบไปทำงานอีก? จะบอกให้นะ ถ้าเจ้ากล้าขี้เกียจ ข้าจะตุ๋นเจ้า!”
เด็กแดงคำนวณไว้อย่างดีมาก ถ้าไอ้หัวใหญ่ตรงหน้านี่ไม่ทำงาน เขาก็ต้องทำ ดังนั้นเขาต้องให้ไอ้หัวใหญ่นี่เข้าใจว่าต้องทำงานอย่างว่าง่าย
น่าเสียดายโจวอู่ไม่สนใจเด็กแดงเลย แต่แบกถังใหญ่สองถังขึ้น คิ้วพลันขมวดเป็นปม นี่มันถังเหล็กของจริง แถมหนักมาก! แต่พอนึกถึงไฝดำบนใบหน้าก็ยังรีบเดินลงเขาไป ขณะเดียวกันยังตัดสินใจในใจว่าถ้าหลวงจีนนี่กำจัดไฝดำบนหน้าได้ ทุกอย่างก็พูดง่าย แต่ถ้ากำจัดไม่ได้ เขาจะต้องรื้อวัดพังๆ นี่!
เด็กแดงเห็นโจวอู่ไปแล้วจึงปรบมือ โคลงศีรษะอย่างมีความสุขพลางเดินออกจากประตูใหญ่วัดไปเที่ยวเล่น
ส่วนฟางเจิ้งนั่งอยู่หลังลานวัด หยิบมือถือออกมาอ่านพุทธคัมภีร์ ไม่สนใจโจวอู่เลย
โจวอู่แบกถังเหล็กมาถึงกลางภูเขาก็เห็นตาน้ำพุ ก่อนมองถังน้ำเหล็กสองใบของตน พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ถังน้ำใหญ่ขนาดนี้ บรรจุน้ำเต็มถัง เกรงว่าต้องหนักถึงสองร้อยจิน! หนักขนาดนั้นจะแบกขึ้นไปอย่างไร?
“เด็กนั่นแบกได้ ก็อธิบายได้ว่าไม่ต้องตักน้ำเยอะมากในแต่ละครั้ง ถ้าตักเต็ม เด็กนั่นต้องแบกไม่ไหวแน่…อืม ฉันก็ตักน้อยๆ หน่อยแล้วกัน” โจวอู่พึมพำพร้อมกับใช้ถังน้ำสองถังตักน้ำมาครึ่งถัง จากนั้นแบกถังน้ำขึ้นเขาไป ต่อให้เป็นน้ำครึ่งถัง ระหว่างทางโจวอู่ยังพักหลายครั้งถึงแบกขึ้นเขามาได้ แต่มาถึงสุดทางภูเขาก็เห็นเด็กแดงสวมตู้โตวสีแดงนั่งอยู่บนราวจับ ทำหน้าสบายๆ ดูพอใจ พอเด็กน้อยเห็นเขาก็เบะปาก “ตัวก็ไม่เล็ก มีแรงแค่นี้หรือ ขยะจริงๆ!”
โจวอู่โกรธจัด ถ้าไม่ใช่เพราะมาขอร้องฟางเจิ้ง ด้วยอารมณ์ของเขาแล้วจะต้องวางถังน้ำเข้าไปต่อยกับเด็กนี่สักยกแน่ แต่ตอนนี้หรือ ได้แต่ทำเป็นไม่ได้ยิน มุมานะพุ่งไปในวัดเอกดรรชนี เข้าไปหลังลานก็เห็นฟางเจิ้งนั่งเล่นมือถือ โจวอู่กลุ้มใจ ตนทำงาน ส่วนเจ้านี่เล่นมือถือ ช่าง…
ตอนนี้โจวอู่เริ่มสงสัยแล้วว่าหลวงจีนนี่จะมีความสามารถลบไฝดำให้เขาได้จริงๆ หรือ ถึงอย่างไรหลวงจีนที่เล่นมือถือมองยังไงก็ไม่เหมือนคนสูงส่งหรือผู้วิเศษที่มีความสามารถ…
ทันใดนั้นเองฟางเจิ้งเงยหน้าขึ้น “ทางนั้นคือห้องครัว โอ่งที่ใหญ่ที่สุดคือถังน้ำ”
โจวอู่กัดฟันมองฟางเจิ้ง ตัดสินใจอยู่ภายในว่า ‘หึๆ เติมน้ำเต็มถังแล้ว ถ้าแกรักษาฉันไม่ได้ ฉันไม่ยอมแน่!’
โจวอู่เข้าครัวไป กวาดสายตามองในครัวแวบหนึ่งพลันชะงักงัน พูดงึมงำ “โอ่งใหญ่ที่สุด คงไม่ใช่อันนี้หรอกมั้ง?”
ทันใดนั้นเองลิงสวมจีวรตัวหนึ่งเดินเข้ามา ชี้ถังน้ำของเขาแล้วชี้โอ่งพุทธ ความหมายชัดเจนมาก ไม่ผิด อันนี้แหละ!
วินาทีนั้นโจวอู่เกิดอาการชั่ววูบจะหมดสติไป โอ่งน้ำใหญ่ขนาดนี้ เขาต้องตักน้ำกี่รอบ?
ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่สุดท้ายโจวอู่ก็ยังเทน้ำลงไป จนเมื่อเทเสร็จพลันรู้สึกคันๆ บนหน้า ลองใช้มือลูบก็อึ้งไป ผิวหน้าเกลี้ยงเกลา!
โจวอู่รีบส่องเงาจากน้ำในโอ่งพุทธ เห็นเพียงสัตว์ประหลาดขนดำในโอ่งพุทธที่กำลังจับขนดำบนหน้าตัวเองไม่หยุด เขาเห็นจุดที่เพิ่งคันเมื่อครู่แล้ว ตรงนั้นไม่มีไฝแล้ว! ถึงจะเป็นจุดเล็กไม่ถึงครึ่งของนิ้วก้อย แต่เขามั่นใจมากว่าเดิมทีตรงนั้นเต็มไปด้วยไฝดำ! ทว่าทำไมไฝดำถึงหายไปล่ะ?
เขามองฟางเจิ้ง มองถังน้ำ มองโอ่งพุทธแล้วนึกถึงคำพูดที่เก๋อเยี่ยนเคยพูด เขาทิ้งหน่อไม้หนึ่งหน่อจะมีไฝดำโผล่มาหนึ่งเม็ด ตอนนี้ตักน้ำหนึ่งถัง ไฝดำหายไปหนึ่งเม็ด หรือจะเป็นแบบนี้จริงๆ?
………………………