The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 302 ดอกบัวทองคำ!
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 302 ดอกบัวทองคำ!
ฟางเจิ้งตาเหลือก เกิดอารมณ์ชั่ววูบจะหมดสติตายไป ถ้ารู้แต่แรกว่าภารกิจลวงหลอกขนาดนี้เขาคงไม่รับ อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่า? บนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีจริงๆ อยากจะใช้ประตูไร้ลักษณ์ออกมาข้างนอกเพื่อประหยัดค่าเดินทางนิดหน่อย แต่ผลคือ…
เฮ้อ…
ฟางเจิ้งถอนหายใจ เงามืดตรงหน้าสว่างขึ้น เขาพบว่ามาปรากฏอยู่บนถนนเส้นหนึ่ง รอบๆ มีคนสัญจรไปมาอย่างเร่งรีบ แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นหลวงจีนกับเด็กชายราวกับรูปปั้นหยกสวมตู้โตวที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ราวกับว่าฟางเจิ้งกับเด็กแดงยืนอยู่ตรงนี้มาตลอด
ฟางเจิ้งจึงได้แต่ยกความดีความชอบให้กับความเจ๋งของระบบ ขี้เกียจไปคิดอย่างอื่นแล้ว
มองไปรอบๆ ที่นี่เป็นถนนในเมืองทั่วไป ข้างหลังมีซูเปอร์มาเก็ตที่ชื่อว่าปาอี ตรงข้ามมีใจกลางโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ปากประตูเป็นรถที่ฟางเจิ้งไม่รู้จักเลยแถวหนึ่ง…สองข้างทางเป็นร้านค้าเล็กๆ ต่างๆ มากมาย และยังมีร้านตัดผม บำบัดเท้าหรือนวดอะไรพวกนี้ ตรงปากประตูมีผู้หญิงแต่งตัวง่ายๆ ยืนอยู่จำนวนหนึ่ง กำลังสูบบุหรี่พลางคุยกัน
เทียบกับภูเขาเอกดรรชนีและหมู่บ้านเอกดรรชนีแล้ว มีสีสันและความยุ่งเหยิงเพิ่มมาหลายส่วน แต่ขาดหายความสงบไปหลายส่วนเช่นกัน
“นี่คืองานของคนธรรมดารึ? ดี พวกเขาทำอะไรกันแน่? ไม่มีอภินิหาร ไม่มีฤทธิ์ แต่ยังสร้างของมีสีสันลวดลายแบบนี้ได้?” เด็กแดงมองภาพตรงหน้า แอบอึ้งกับตัวเอง ไม่ได้บอกว่าของพวกนี้มหัศจรรย์แค่ไหน แต่เขาตกใจกับพลังในการสร้างของคนธรรมดามากกว่า เปรียบได้กับผู้คนใช้แก้วดื่มน้ำ รู้สึกว่าธรรมดามาก แต่ถ้ามีสัตว์ใช้แก้วนั่นดื่มน้ำ นั่นปกติหรือ?
ฟางเจิ้งได้ยินเด็กแดงร้องอุทานแล้วคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย ถึงเด็กแดงจะมีศักยภาพไม่น้อย ทว่าก็ยังเป็นคนจากข้างนอก ขาดความรู้ต่อโลกนี้ ตอนแรกยังมองไม่ออกอะไร แต่เมื่อนานเข้าจะต้องเกิดปัญหาแน่ ดูแล้วคงจำเป็นต้องให้บทเรียนกับเขามากขึ้น…
ชั่วขณะที่ฟางเจิ้งเตรียมจะพูดบางอย่างนั้น เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้น
ฟางเจิ้งหันไปมอง เห็นแสงไฟสีฟ้าเหนือรถพยาบาลสาดเข้ามา ฟางเจิ้งมองแสงไฟนั้นพลันรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย จนรถพยาบาลไปไกลแล้วถึงตบเข้าที่หน้าผาก ‘เหมือนกับแสงไฟในภาพเลือนรางนั่นเลย!’
คิดได้ดังนั้นฟางเจิ้งก็วิ่งตามไป
เด็กแดงไม่กล้าห่างฟางเจิ้งไปไกลนักเลยรีบตามมาข้างหลัง ฟางเจิ้งไม่ใช้อภินิหารแล้วจะตามรถพยาบาลที่วิ่งเร็วเต็มกำลังได้อย่างไร?
ดีที่รถพยาบาลคนนั้นเลี้ยว ความเร็วจึงช้าลง ฟางเจิ้งวิ่งไปอย่างว่องไวถึงตามทัน
รถพยาบาลจอดอยู่หน้าประตูตึกใหญ่ชั้นสูงแห่งหนึ่ง ตรงปากประตูมีคนรออยู่แล้ว ด้านบนเปลหามที่ทำมาจากผ้ามีผู้สูงวัยนอนอยู่คนหนึ่ง ผู้สูงวัยคนนี้กอดกล่องใบหนึ่งเอาไว้แน่น
เจ้าหน้าที่พยาบาลส่งผู้สูงวัยขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ผู้สูงวัยพยายามจะพูดบางอย่างตลอด ผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งพยักหน้าถี่ๆ อยู่ข้างกาย น้ำตาหยดลงดังแปะๆ “ครับๆ พ่อวางใจนะ ผมต้องช่วยพ่อหาให้เจอให้ได้ พ่อวางใจ!”
ต่อให้ผู้ชายคนนั้นรับปาก ผู้สูงวัยก็ยังไม่วางใจ
“คุณครับ เอากล่องนั่นออกไปก่อนเถอะ จะรบกวนการรักษานะครับ” หมอคนหนึ่งว่า
ผู้สูงวัยได้ยินแบบนั้นก็กอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม
ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยความจำใจ “หมอครับ คือว่า…ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นคือชีวิตของเขา ถ้าเป็นไปได้จะ…”
“มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตอีก? แค่กล่องใบเดียวเอง…ผู้สูงวัยอายุเยอะแล้วสติเลอะเลือนไปบ้าง พวกคุณจะมาตามใจเขาไม่ได้นะ” หมอวัยหนุ่มไม่พอใจเล็กน้อย กล่องใหญ่ขนาดนี้ กอดไว้ที่หน้าอก พวกเขาเริ่มงานกันไม่ได้เลย
ผู้ชายจะพูดบางอย่าง ผู้สูงวัยพลันเริ่มหายใจแรง เห็นได้ชัดว่าหายใจลำบาก
หมอรีบปรี่เข้ามาคว้ากล่องไว้ ขณะเดียวกันยังสั่งให้พยาบาลให้ออกซิเจน แต่หมอก็ต้องพบสิ่งที่น่าตกใจคือเห็นๆ อยู่ว่าผู้สูงวัยหายใจลำบาก แต่ยังคงคว้ากล่องไว้สุดชีวิตไม่ยอมปล่อย ตาเริ่มเป็นสีขาวแล้ว…
“ลุงนี่…ทำไมดื้อด้านแบบนี้” หมอร้อนใจแล้ว ใช้แรงจะฉุดดึง แต่มีมือใหญ่ข้างหนึ่งพลันกดที่กล่องไว้ตามด้วยเสียงสวดดังขึ้น “อมิตาพุทธ ประสก ถ้าเอากล่องนี้ออกเกรงว่าเขาอาจจะไปทันที หัวใจตายแล้ว ยาและเข็มหินก็รักษาไม่ได้”
“คุณเป็นใคร? ใครก็ได้มาหน่อย หลวงจีนบ้าจากไหนเนี่ย? ลากเขาออกไปที รีบออกรถไปโรงพยาบาล!” หมอตะโกนด้วยความโกรธอย่างยิ่ง นี่มันสมัยไหนแล้ว ทำไมถึงมีคนมาก่อปัญหาเพิ่มอีก? คนป่วยก่อปัญหาพูดได้ว่าอายุเยอะแล้ว ทางครอบครัวก่อความปัญหาก็พูดได้ว่าร้อนใจ ทำไมระหว่างทางถึงมีหลวงจีนกระโดดออกมา? อีกอย่างหลวงจีนนี่ผิวขาวสะอาด หน้าตาหล่อเหลา มองแวบแรกเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมีชีวิตสุขสบาย มองอย่างไรก็ไม่เหมือนหลวงจีนจริงๆ
ทางครอบครัวไม่นึกเลยว่าจะมีหลวงจีนมาขวางการช่วยเหลือ พลันมีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาดึงฟางเจิ้งไว้ ลากไปข้างนอกพร้อมตะคอกด้วยความโมโห “หลีกไป อย่าทำให้เสียเวลา ถ้าเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ผมจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด!”
ฟางเจิ้งไม่ต่อต้าน ปล่อยให้สองคนนั้นลากไป เพราะหมอนั่นจะดึงกล่องออกหลายครั้ง แต่ผู้สูงวัยปกป้องสุดชีวิต สุดท้ายก็ต้องล้มเลิก
รถพยาบาลเปลี่ยนทิศทางทะยานไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลใจกลางมณฑล
รถพยาบาลไปแล้ว นอกจากชายวัยกลางคนตอนแรกสุดที่ขับรถตามไป อีกสามคนที่เหลือต่างเรียกแท็กซี่มาคันหนึ่งเตรียมจะตามไป ทว่าก่อนออกตัวนั้นชายสองคนยังทำท่าทางถมึงทึงใส่ฟางเจิ้ง ปากพูดพึมพำยังไม่จบ…
“หลวงจีนบ้าที่ไหนวะมาก่อกวนอย่างเดียวเลย”
“หลวงจีน ถ้าพ่อฉันไม่เป็นไรก็ช่าง แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะทุบหัวแกให้เละ!”
“พอแล้ว รีบไปโรงพยาบาลเถอะ เฮ้อ…มาทะเลาะอะไรอยู่ได้” ผู้หญิงวัยกลางคนดึงสองคนขึ้นรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล
“คิกๆ อาจารย์ วันนี้ข้าได้รู้แล้วว่าอะไรเรียกว่าสุนัขกัดหลี่ตังปิน[1] ไม่รู้เจตนาดีของคน แม่ข้าพูดถูก ในใต้หล้าไม่ควรเป็นคนดีที่สุด ทำความดีจะถูกเข้าใจผิด ถูกด่าไม่ว่า ยังถูกทุบตี ดีไม่ดีอาจมีอันตรายถึงชีวิต ต่อให้ได้รับการยอมรับแล้วอย่างไร? ได้ผลประโยชน์มานิดหน่อยหรือ?” เด็กแดงทำเสียงจิ๊ๆ
ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ “มิน่านายถึงมีนิสัยหยาบคายแบบนี้ แม่นายสอนนี่เอง ไปเถอะ ตามอาจารย์ไปดูกัน…”
“ไปที่ใด?” เด็กแดงถาม
“โรงพยาบาลใจกลางมณฑล” ฟางเจิ้งตอบ
“ท่านยังไปหาเรื่องอีกเหรอ?” เด็กแดงถาม
ฟางเจิ้งส่ายหน้าด้วยความเศร้า ตอนแรกเขายังไม่มั่นใจว่าภารกิจของเขาใช่ผู้สูงวัยคนนี้หรือไม่ แต่เมื่อครู่เขาเปิดเนตรปัญญา สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจสะดุ้ง บนหัวผู้สูงวัยมีดอกบัวสีดองเบ่งบานทั้งหมดหนึ่งดอก! ชีวิตนี้เขาเพิ่งจะเคยเห็นบุญกุศลใหญ่ขนาดนั้น! แต่ขณะเดียวกันแรงกรรมในตัวผู้สูงวัยก็ไม่น้อย ทว่าพอเทียบกับบุญกุศลแล้วกลับไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
เห็นบุญกุศลนั้นแล้ว ฟางเจิ้งมั่นใจเลยว่าเขาต้องช่วยผู้สูงวัยคนนี้ ขณะเดียวกันเขาเองก็เคารพผู้สูงวัยที่มีบุญกุศลไม่มีจำกัดแบบนี้เช่นกัน จึงเอ่ยไปว่า “อาตมาจะไปช่วยคน ช่วยคนที่จำเป็นต้องช่วย!”
“เหตุใดต้องช่วยเขา?” เด็กแดงไม่เข้าใจ
……………………..
[1] สุนัขกัดหลี่ตังปิน หลี่ตงปินเป็นหนึ่งในโป๊ยเซียน เป็นเซียนย่อมเป็นคนดี แต่สุนัขกลับไม่รู้จักคนดี กระโดดกัดหลี่ตังปิน