The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 308 ภูเขา
เฉินต้าซานตะโกนเสียงต่ำ “ลืมที่ฉันบอกนายไปแล้วรึไง? ทหารรัสเซียฝึกหนัก ไม่ว่าเมื่อไรก็ห้ามเผยตัวเองให้ศัตรูรู้ ไม่อย่างนั้นนายอาจจะตายได้!”
พูดจบ ทหารนายหนึ่งข้างๆ ถูกระเบิดหัว เลือดกระจายใส่หน้าหวงเหริน เห็นว่าสหายร่วมรบที่เมื่อครู่พูดกับตนตายไปในพริบตา สมองหวงเหรินพลันทึ่มทื่อ ทว่าหวงเหรินไม่ใช่คนกลัวตาย ความตายของสหายร่วมรบเพียงแค่ทำให้เขารู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม ไม่ใช่การฝึก ไม่ใช่การเล่นแบบเด็กๆ แต่นี่คือการต่อสู้สุดชีวิตที่คุณตายฉันรอด!
สงครามต่อมาไม่ราบรื่นอย่างที่เขาจินตนาการ แม้การซุ่มโจมตีจะฆ่าทหารรัสเซียไปได้สิบกว่านาย แต่ฝั่งตนก็มีคนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อยเช่นกัน สุดท้ายต้องถอย ล้มเลิกการทำสงครามต่อ
หวงเหรินมองศพบนพื้นตรงหน้าพลางสะอื้นไห้ คนเหล่านี้มีไม่น้อยที่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกับเขา ตอนนั้นมาเกณฑ์ทหารด้วยกัน ต่างเป็นพลทหารที่ดี ต่างไม่กลัวตาย แต่มาถึงสุดท้ายใครจะไปคิดว่าเป็นแบบนี้…ส่วนเจิ้งเหว่ยกำลังพูดอะไรอยู่นั้น เขาฟังไม่เข้าหูแล้ว รู้สึกแค่ว่าเฉินต้าซานตบบ่าเขาอยู่ตลอด
ภาพเปลี่ยนไป หวงเหรินป่วย นอนขดตัวเป็นก้อนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เฉินต้าซานวิ่งไปวิ่งมาคอยดูแลเขา ต้มน้ำร้อน ส่งผ้าขนหนู ช่วยให้เขาเหงื่อออก…
หวงเหรินอดไม่ไหวถามขึ้น “พี่ต้าซาน ผมจะตายไหม?”
“ไม่!” เฉินต้าซานตอบอย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องคิด ก่อนพูดเสริม “มีพี่อยู่ แกไม่ตายหรอก รออยู่นี่สงบๆ เถอะ พี่จะออกไปข้างนอก”
“พี่ต้าซานจะไปไหน? ฝนตกนี่…”
ทว่าเฉินต้าซานวิ่งออกไปแล้ว
วันนี้หวงเหรินไม่เห็นเฉินต้าซาน ข้างนอกครึกครื้น เหมือนเจิ้งเหว่ยสั่งการแล้ว หวงเหรินได้ยินรางๆ ว่ามีคนหายไป รวมถึงมีคนไปหยิบปืนอะไรพวกนี้…
วันที่สอง เฉินต้าซานกลับมา หน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่กลับยิ้มดีใจมาก ตอนนั้นหวงเหรินไข้ขึ้นสูง ดวงตาพร่าเลือนนิดๆ เฉินต้าซานตบหน้าอกหวงเหรินพลางว่า “ดวงแกดีนะ และก็แข็งพอ ไม่ตายหรอก”
จนหวงเหรินตื่นมาอีกครั้ง เขารู้สึกตัวเบา วิ่งไปตบบ่าเฉินต้าซานแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “พี่ต้าซาน ผมหายดีแล้ว! ฮ่า! ไม่ตายแล้ว!”
เฉินต้าซานพยายามแสยะปากยิ้ม คิ้วขมวดแน่น แต่วินาทีที่หมุนตัวกลับมาสิ่งเหล่านี้หายไปแล้ว ก่อนสั่งสอนเหมือนกับพี่ใหญ่ในอดีตที่มีความคร่ำครึอยู่เล็กน้อย “จำเอาไว้ จากนี้ห้ามทำตามอำเภอใจ ฝนตกอย่าไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ถ้าไข้ขึ้นสูงอีกจะรักษายาก”
“อืม แน่นอนครับ! อ้อ พี่ต้าซาน ทำยังไงถึงรักษาผมหายดีได้?” หวงเหรินถาม
“แค่ใช้สมุนไพรพื้นบ้านนิดหน่อย ช่างมันเถอะ พี่จะออกไปเดินเล่นข้างนอก” พูดจบเฉินต้าซานก็ออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหวงเหรินก็รู้ว่าเฉินต้าซานช่วยเขาได้อย่างไร เฉินต้าซานแอบลงเขาเข้าไปในเมือง เสี่ยงตายซื้อยากลับมาจากร้านขายยา แต่ระหว่างทางถูกเผยตัว ถูกยิงที่หลังสองนัด…ถ้าไม่ใช่เพราะดวงดี ได้เจิ้งเหว่ยที่ลงเขามาตามหาทั้งแบกทั้งลากกลับมาล่ะก็ เกรงว่าคงตายไปแล้ว
ตอนนั้นหวงเหรินร้องไห้ เขาไม่รู้ว่าจะแสดงความซาบซึ้งใจของตนอย่างไร ได้แต่พูดอยู่กับเฉินต้าซานอยู่ตลอดว่า “พี่ใหญ่ ขอบคุณครับ…”
เฉินต้าซานกลับยิ้มตอบว่า “แกเรียกฉันพี่ใหญ่ ฉันก็ต้องปกป้องแกสิ เอาล่ะ แกไม่เป็นอะไร ฉันก็ไม่เป็นอะไร นี่ไม่ใช่เรื่องดีรึไง?”
พอเห็นรอยยิ้มของเฉินต้าซาน หวงเหรินสาบานในใจว่าเขาก็จะปกป้องเฉินต้าซานเช่นกัน!
เด็กแดงเห็นถึงตรงนี้ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยความตื้นตันใจนิดๆ “มนุษย์เปราะบางจริงๆ…”
ฟางเจิ้งไม่แสดงออกว่าเห็นด้วย และก็ไม่คัดค้าน
ภาพเปลี่ยนไปอีก ห่ากระสุนปืนใหญ่เต็มฟ้า มืดฟ้ามัวดินไปหมด ไม่รู้ว่ากระสุนตกลงพื้นเท่าไร ดินโคลนปะปนไปด้วยเลือดสด ระเบิดผืนฟ้าจนขุ่นมัว หวงเหรินกับเฉินต้าซานที่นอนหมอบอยู่ในสนามเพลาะรู้สึกแค่ว่าแผ่นดินสั่นไหว ราวกับจะทำลายล้างโลก
แต่สองคนนี้ยังคงเบิกตากว้าง กอดปืนในมือไว้แน่น นั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ รอคอยการบุกของศัตรูหลังห่ากระสุนปืนใหญ่ผ่านไป!
เห็นได้ชัดมากกว่าตอนนี้หวงเหรินกลายเป็นทหารแท้จริงแล้ว ไม่กลัวอีก ไม่ลนลานอีก แต่ใจนิ่งอย่างยิ่ง แววตาแน่วแน่
ฟางเจิ้งยืนอยู่ตรงหน้าหวงเหริน เงยหน้ามองเห็นรถถังแล่นเข้ามาไกลๆ ห่ากระสุนปืนใหญ่เต็มฟ้า กองทหารรัสเซียบุกเข้ามา
เห็นดังนั้นเด็กแดงพูดด้วยความตกใจ “นี่คือศัตรูของพวกเขา? พวกเขาใช้ของเล่นโง่ๆ สู้กับพวกเขา? พวกเขาโง่รึ?”
“พวกเขาไม่โง่ เพราะพวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ในใจพวกเขามีการยืนหยัดของตัวเอง ไหนเลยต้องกลัวตาย” ฟางเจิ้งเก็บความสุขุมความอ่อนโยนในเวลาปกติไป ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเงียบ แววตาเป็นสมาธิ มีความรวดเร็วและดุดันอยู่หลายส่วน
เด็กแดงเงยหน้ามองฟางเจิ้งในตอนนี้ “อาจารย์ ทำหน้าแบบนี้แล้วค่อยดูเหมือนบุรุษหน่อย”
ฟางเจิ้ง “…”
เด็กแดงมองสงครามข้างหน้าเหมือนมีความคิด “แต่ข้าไม่เข้าใจวิธีของพวกเขาจริงๆ เวลานี้ควรจะหนี สู้ไม่ได้จะอยู่ทำไม? รอความตาย? มีอะไรสำคัญกว่าชีวิต?”
ฟางเจิ้งยังคงเงียบ บางเรื่อง เด็กแดงไม่เคยประสบจึงไม่เข้าใจ อธิบายไม่ได้ ค่อยๆ ดูไปเถอะ
การต่อสู้เริ่มขึ้น ตามด้วยเสียงตะโกน “เหล่าสหาย จงสู้สุดชีวิตเพื่อให้ประชาชนข้างหลังเราถอยไปได้อย่างปลอดภัย สู้!”
ทหารทั้งหมดลุกขึ้นมาจากที่กำบัง รู้ทั้งรู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ก็ยังเปล่งเสียงของตนอย่างไม่กลัวตาย ยิงกระสุนของตนออกไป!
หน่วยกล้าตายเรียงเป็นแถวหนึ่ง กอดถุงดินระเบิดพุ่งไปข้างหน้า คนที่อยู่ข้างหน้าคือโล่เนื้อมนุษย์ ขวางกระสุนระลอกหนึ่งไว้ ล้มลงกับพื้นสละชีพ ถ่วงเวลาให้คนข้างหลังบุกไปได้มากกว่าเดิม คนล้มลงทีละคน สละชีพไปหกเจ็ดคนถึงมีคนกอดถุงดินระเบิดกลิ้งไปอยู่ใต้สายพานรถถังได้ ก่อนจุดชนวนระเบิดดังโครม ให้สัตว์ยักษ์เหล็กกล้าตนนี้หยุดแล่น
เห็นถึงตรงนี้เด็กแดงอ้าปากกว้างด่าทอ “ไอ้พวกบ้าไม่กลัวตาย…” แต่เขากลับกำหมัดเล็กแน่นโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าจิตใจเขาไม่สงบนิ่ง
สงครามคือเครื่องประหารชีวิต มีคนสละชีพไม่หยุด เลือดย้อมดินโคลนกับย้อมผืนฟ้า
เด็กแดงด่าเสียงต่ำ “พวกโง่ ไม่รู้จักหนีรึ?”
“พวกเขากำลังปกป้องครอบครัว” ฟางเจิ้งหันหน้ากลับไป เด็กแดงหันหน้าตาม สองคนลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มองเห็นประชาชนกลุ่มใหญ่กำลังถอยอย่างรวดเร็วบนแผ่นดินไกลๆ…และสงครามข้างหน้าก็คือกำแพงเมืองเนื้อมนุษย์ที่ขวางทหารศัตรูไว้! ขณะเดียวกันฟางเจิ้งเห็นว่าทหารที่สละชีพทุกนาย บุญกุศลของพวกเขาจะเคลื่อนย้ายไป บ้างย้ายไปที่ไกลๆ ตรงนั้นน่าจะเป็นญาติพี่น้องพวกเขา บ้างย้ายไปให้สหายร่วมรบ นี่อธิบายว่าพวกเขาไม่มีญาติพี่น้อง…
ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ตลอดว่า “ตายก็ต้องอุดปากกระบอกปืนพวกมันให้ฉัน กอดขาพวกมันไว้! ห้ามถอยแม้แต่ก้าวเดียว ห้ามให้พวกมันบุกเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว!”
เห็นดังนั้นเด็กแดงเงียบอีกครั้ง ก้มหน้าลงถามฟางเจิ้ง “คุ้มค่ารึ?”
ฟางเจิ้งถามกลับ “ถ้าพ่อแม่นายมีอันตราย นายจะทำยังไง?”
………………….