The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 314 มาเมื่อไร
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 314 มาเมื่อไร
เห็นฟางเจิ้งจะออกมา เด็กแดงจึงไล่ตามไปทันที ร้องขึ้นว่า “อาจารย์ ท่านไม่ให้ข้าออกไปก็ได้ แต่ท่านพาข้าออกไปเดินเล่นหน่อยได้หรือไม่? ไม่แน่อารมณ์ดีแล้วอาจจะคิดออก”
ฟางเจิ้งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรก็ว่าง อยู่บนเขาไปคงคิดไม่ออกจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเดินเล่นแล้วกัน
เปิดประตูไร้ลักษณ์อีกครั้ง
วินาทีนั้น ฟางเจิ้งรู้สึกว่ามีคลื่นความร้อนโถมเข้ามา ในคลื่นความร้อนมีความระอุ ไม่มีไอน้ำแม้แต่นิด! ขณะเดียวกันเขาได้ยินเสียงร้องของม้า และยังมีคนตะโกน เหมือนได้ยินเสียงเด็กร้องในความวุ่นวาย “หิวน้ำ…”
ฟางเจิ้งพิจารณามอง ได้ฟังข้อมูลที่มีทุกอย่างแล้ว เพื่อไม่ให้ถึงเวลาแล้วหาเป้าหมายภารกิจไม่เจอ ไปกลับเขาเอกดรรชนีได้ นั่นเป็นเรื่องน่ายินดี
ความมืดตรงหน้าหายไป ฟางเจิ้งพบว่าเขาปรากฏอยู่กลางเขารกร้าง นี่คือภูเขาร้างจริงๆ แม้แต่บนเขายังไม่เห็นต้นไม้สูงใหญ่ อย่างมากสุดมีพุ่มไม้เตี้ยจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นหินทรายโล้นๆ สีเหลืองดิน สายลมพัดมาพร้อมกับฝุ่นและดินทรายต็มฟ้า
ท้องฟ้าร้อนระอุ อบแผ่นดิน ทั้งโลกเหมือนกับเตาอบ นอกจากความร้อนแล้วก็มีแต่ร้อน! จุดที่ฟางเจิ้งอยู่ตอนนี้คือบนถนนดินของที่ราบที่โอบด้วยภูเขา ถนนภูเขาแย่มาก สองข้างทางไม่มีรั้วกั้นไม่ว่า เพราะทรายเยอะ ถ้าไม่ระวังจะลื่นลงไปได้
ฟางเจิ้งมองลงไปข้างล่าง ข้างล่างเป็นเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด ถ้าตกลงไปไม่มีจีวรขาวจันทร์ปกป้องก็อาจจะตายก็ได้
ตอนนี้เองสายลมพัดมา ฟางเจิ้งหรี่ตาลงโดยจิตใต้สำนึกเพื่อไม่ให้ทรายเข้าตา ทว่าเด็กแดงข้างๆ ที่จะพูดบางอย่างไม่พอใจแล้ว
ถุยๆๆ!
เด็กแดงอ้าปาก ทรายเข้าไปในปากเขาจึงถุยดินลงพื้นมั่วไปหมดพร้อมกับบ่นว่า “นี่มันที่บ้าที่ใดกัน? ภูเขาเปลวเพลิงรึ?”
ฟางเจิ้งตอบ “อาจจะ แต่ตอนนี้ไม่มีพัดใบตองของแม่นายแล้ว”
เด็กแดงเบะปาก “อาจารย์ ที่นี่ไม่สนุกเลย เรากลับกันเถอะ”
“อยากจะกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เข้าประตูไร้ลักษณ์แล้วก็สำรวจดูรอบๆ ก่อนเถอะ” ฟางเจิ้งไม่พอใจกับสภาพแวดล้อมตอนนี้มาก ออกมาเดินเล่นหนีความร้อน แต่ดันมาเจอที่ที่ร้อนกว่า นี่เรียกว่าออกจากโพรงหมาป่าเข้าปากเสือชัดๆ! ดีที่สวมจีวรขาวจันทร์ หนาวอบอุ่นร้อนเย็นสบาย จึงไม่ถือว่าทุกข์ตรมอะไร ทว่าทัศนียภาพตอนนี้ มองไปแวบเดียว ในใจจะเกิดเพียงความคิดหนึ่ง…หิวน้ำ!
ใจกระหายน้ำ ร่างกายก็กระหาย ทว่าความรู้สึกที่ไม่มีน้ำกินทำให้ฟางเจิ้งรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
เด็กแดงเบะปากพูด “อาจารย์ ถ้าไม่อย่างนั้นคืนพลังให้ข้าเถอะ แล้วข้าจะพาท่านบินกลับไปเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็สนใจเล็กน้อยจริงๆ…
“เตือนนายไว้ก่อนนะ ถ้าภารกิจนี้ไม่สำเร็จ นายกลับวัดเอกดรรชนีได้ แต่จากนี้จะใช้ประตูไร้ลักษณ์ไม่ได้อีก ถ้าใช้มันจะส่งนายกลับไป ถ้าเป้าหมายภารกิจนั้นหายไป ความสามารถทั้งหมดของประตูไร้ลักษณ์จะหายไปด้วย กลายเป็นประตูธรรมดา” ระบบเตือนทันที
น้ำเย็นชามหนึ่งราดลงมา ความคิดที่จะกลับบ้านหายไปในฉับพลัน ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าสั่งสอน “จิ้งซิน สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นคนคือมีเริ่มมีจบ ในเมื่อมาแล้ว จะกลับไปแบบนี้ได้ยังไง? ไปเถอะ เดินหน้าไป ทำเรื่องที่สมควรแล้วค่อยกลับก็ยังไม่สาย”
เด็กแดงมองบน เขาสาบานว่าเห็นไอ้สารเลวหัวโล้นนี่สนใจ แต่พลันเปลี่ยนเป็นสั่งสอนเขา…เด็กแดงอยากจะตบฟางเจิ้งสักทีจริงๆ น่าเสียดายสู้ไม่ได้ ได้แต่เดินตามไปอย่างว่าง่าย
คำว่าเส้นทางภูเขาสิบแปดโค้งคร่าวๆ แล้วคือที่นี่แหละ สองคนเดินหน้าและหลัง เลี้ยวลดคดเคี้ยวอยู่หนึ่งชั่วโมงกว่าในที่สุดก็มาอยู่หลังภูเขา มองทอดไกลเห็นหมู่บ้านไกลๆ ควันไฟหุงอาหารลอยโชย…
พริบตานั้นฟางเจิ้งกับเด็กแดงรู้สึกท้องร้องจ๊อกๆ ลำคอแห้งผาก!
เด็กแดงพูด “อาจารย์ หิวน้ำมาก ท่านคืนอภินิหารให้ข้า ข้าจะเสกน้ำออกมาดื่มหน่อย แล้วพาท่านบินไปก็ได้…”
ฟางเจิ้งสนใจเล็กน้อยจริงๆ แต่ขบคิดดูแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่เข้าสู่โลกมนุษย์ จะรู้จักความลำบากของโลกมนุษย์ได้ยังไง? นายกับอาจารย์ฝึกฝนจะมุ่งแต่เสพสุขได้ยังไง? ไปเถอะ ลงเขากัน ถึงหมู่บ้านน่าจะมีน้ำกิน”
เด็กแดงมองบน เขาไม่เข้าใจว่าไอ้สารเลวหัวโล้นนี่ดูยังไงก็ลดความลำบากได้ ทำไมจะต้องใช้ชีวิตลำบาก นี่เรียกหาเรื่องใส่ตัวเองรึเปล่า? เขาตามอยู่ข้างหลังฟางเจิ้ง พยายามหดตัวเข้าไปในเงาฟางเจิ้ง แสวงหาความเย็นน้อยนิด…ถึงสำหรับเขาแล้วความเย็นนี่ไม่มีประโยชน์อะไร ตนเป็นราชาปีศาจ ความร้อนแค่นี้ผ่านไปได้สบายๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความทุกข์ในใจต่างหากคือความทุกข์แท้จริง! คือความทรมานแท้จริง!
เด็กสองคนนั่งยองอยู่บนกองดินตรงปากหมู่บ้าน เลียริมฝีปากแห้งตลอดเวลา สายตามองทอดไกล
“พี่ต้าเฉิง ทีมส่งน้ำจะมาเมื่อไร?” เด็กอีกคนเล่นดินเหนียวในมือ ไม่รังเกียจความสกปรกของดินเลย
เด็กชายที่ตัวสูงหน่อยหรี่ตาลง พยายามเลี่ยงแสงตะวันแยงตา เขย่งเท้ามองทอดไกล แต่กลับเห็นเพียงภูเขาใหญ่ไม่มีสิ้นสุด ที่เหลือไม่เห็นอะไรเลย จึงส่ายหน้า “ไม่รู้ ตามหลักควรจะมาแล้วนี่”
“วันนี้ไม่มารึเปล่า” เด็กชายน้อยพูด
“ไม่หรอก…พวกเขามากันทุกวันนี่” เด็กชายตัวใหญ่พูดไม่มั่นใจเล็กน้อย
“พี่ต้าเฉิง พี่ว่าพี่ชายกับพี่สาวพวกนั้นจะเอาลูกอมมาให้พวกเราไหม? ครั้งก่อนพี่สาวให้แท่งลูกอมผมด้วย หวานมาก กินลูกอมหมดแล้วยังมีไม้เล็กๆ นั่น ตอนนี้ผมยังเก็บไว้อยู่เลย และยังมีกระดาษห่อข้างบน มันสวยมาก” เด็กชายน้อยพูดราวกับเป็นขุมทรัพย์
“ดูนายภูมิใจเนอะ พี่ก็มี มีหลายอันด้วย หืม? มีคนมาแล้ว!” เด็กชายตัวใหญ่กำลังพูดอยู่พลันร้องขึ้น
เด็กชายน้อยขึ้นลุกในฉับพลัน เขย่งเท้ามองไกลๆ ตาม เห็นมีคนสองคนเดินออกมาจากหลังภูเขาดิน คนหนึ่งสวมชุดคลุมขาว หัวโล้นมันวาว อีกคนสวมตู้โตวสีแดง เปลือยก้น มองจากรูปร่างและลักษณะแล้ว อายุพอๆ กับเด็กชายน้อยบนกองดิน
“ไม่ใช่ทีมส่งน้ำ” เด็กชายน้อยพูดอย่างผิดหวังนิดๆ
“สองคนนี้แปลกมาก ผู้ชายนั่นสวมเครื่องแบบโบราณเหมือนที่อาจารย์บอกเลย เด็กนั่นยังสวมตู้โตว…แปลกมาก” ต้าเฉิงจื่อกล่าว
“พี่ต้าเฉิง นั่นคงไม่ใช่ผีหรอกนะ? ปู่บอกไม่ใช่เหรอว่าพวกผีดิบไม่สวมชุดโบราณ?”
“เจ้าโง่ ปู่บอกว่าผีดิบกลัวแสงแดด พวกเขาไม่กลัว นั่นไม่ใช่ผีดิบ น่าจะเป็น…น่าจะเป็น…คนหลงทางมั้ง?” ต้าเฉิงจื่อก็เพิ่งเคยเจอกลุ่มคนแบบนี้เป็นครั้งแรก
ระหว่างที่สองคนคุยกัน หลวงจีนมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ฟางเจิ้งมองเด็กสองคนที่เหมือนขุดออกมาจากดินเหนียว ก่อนมองเด็กแดงอวบอ้วนผิวขาวข้างๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า “ดู นี่ต่างหากคือเด็กที่มีพลังในการเอาชีวิตรอด ส่วนนายเป็นนายน้อยมีฐานะสูงส่งมีชีวิตสุขสบาย กลับไปต้องทำงานมากขึ้น”
…………………..