The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 324 นักบวชเทพจุติจากฟ้า
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 324 นักบวชเทพจุติจากฟ้า
กินข้าวเสร็จ ทุกคนกลับไปนอนกลางวันในห้อง ทว่าฟางเจิ้งกับเด็กแดงนอนไม่หลับ
“อาจารย์ ต้องเอาตัวเองเข้าไปในการทำความดีทุกเรื่องเลยรึ?” เด็กแดงพลิกตัวมามองฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งส่ายหน้า “ทำความดี ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสมอไป ในโลกนี้ ไม่ทำร้ายคน ไม่หลอกลวงคนอื่น ความจริงแล้วคือการทำความดี ทุกคนไม่ทำชั่ว โลกนี้จะสงบสุข ประสกเฮ่อทำถึงขั้นนี้ได้ ถือว่ามีค่ามากจริงๆ”
เด็กแดงเงยหน้ามองฟ้า “อาจารย์ ข้ามองไม่ออกจริงๆ ว่าการทำความดีมีอะไรน่าสนุกกัน ตอนที่ข้ายังไม่เป็นมหาราชา มีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ…”
ฟางเจิ้งพูดเบาๆ “ตอนที่นายเป็นราชาปีศาจ ทุกคนต่างประจบนาย นายจึงรู้สึกอิสรเสรี แต่เมื่อนายลำบาก มีคนออกมาช่วยไหม?”
เด็กแดงนึกถึงเหตุการณ์ตอนแรก เมื่อหมดอำนาจทุกคนก็แทบจะตีตัวออกห่าง ปีศาจน้อยที่ประจบตนในวันวานวิ่งหนีไป ใครยังจำมหาราชาอย่างเขาได้?
ผ่านการนอนกลางวันแล้ว พวกอาสาสมัครเตรียมรถม้าเรียบร้อยก่อนเอ่ยลาไป ก่อนไปเหยาอวี่ซินกอดเด็กแดงพลางพูดกระซิบเป็นกอง เห็นได้ว่าเธอยังทำใจจากเด็กน้อยนิสัยไม่ดีคนนี้ไม่ได้นิดๆ ฟางเจิ้งมองเงาแผ่นหลังทุกคนพลางประนมสองมือสวดมนต์เงียบๆ “อมิตาพุทธ ศิษย์ พวกเราไปกันเถอะ”
“อาจารย์ พวกเราจะไปที่ใด?” เด็กแดงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เดินไปเรื่อยๆ ประสกเหลย อาตมาขอตัวลา” ฟางเจิ้งพูดกับผู้ใหญ่บ้านเหลย
“หลวงพี่ไม่อยู่อีกสักสองสามวันล่ะครับ?” ผู้ใหญ่บ้านเหลยพูดชักชวนให้อยู่ต่อ
ฟางเจิ้งส่ายหน้า “ถ้ามีวาสนา วันหลังต้องได้พบกันแน่ ขอบคุณประสกเหลยมากที่ให้การต้อนรับ”
สองคนพูดคุยกันเป็นพิธีอีกสองสามประโยคก่อนฟางเจิ้งจะพาเด็กแดงออกจากหมู่บ้านไต้หลี่
“อาจารย์ พวกเราจะไปที่ใดกันแน่?” เด็กแดงถาม
ฟางเจิ้งตอบ “ไปบนภูเขา เย็นวันนี้เราจะพักบนเขา”
“หา? หมายความว่า?” เด็กแดงถาม
ฟางเจิ้งยิ้มแต่ไม่ตอบ ทว่านัยน์ตามีประกายความเข้าใจวูบผ่าน
วันต่อมาขบวนส่งน้ำเดินหน้าไปช้าๆ ครั้งนี้มีรถม้าเพียงคันเดียว ม้าชราก้าวเท้าอย่างยากลำบาก ข้างหลังมีคนตามมาห้าคน นอกจากคนรถม้าแล้ว ที่เหลือกำลังเข็นรถ บนรถกองเต็มไปด้วยน้ำ เฮ่อหมิงอยู่ในขบวนเช่นกัน ผลักไปพลางพูดไปพลาง “ทุกคนออกแรงหน่อย ข้ามเนินนี่ไปก็จะลงเนินแล้ว จะประหยัดแรงได้บ้าง”
“หัวหน้าเฮ่อ คุณคิดจะอยู่ที่หมู่บ้านไต้หลี่จริงๆ เหรอครับ?” ชายร่างกำยำไว้เคราแนวศิลปะถาม
“ครับ หมู่บ้านนี้ต้องการผม” หัวหน้าเฮ่อถอนหายใจ
“คุณนี่นะ ทำใจจากผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณหลิวได้จริงๆ เรอะ?” ผู้ชายพูดยิ้มๆ
หัวหน้าเฮ่อมองค้อนเขาทีหนึ่ง “ทำใจจากได้ไม่ได้ เธอก็ไม่สนใจเราอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเธออยู่กับผมจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ สู้ไปหาคนดีๆ แต่งงานด้วย มีความสุขไปตลอดชีวิตดีกว่า”
“ฮ่าๆ…ผมรู้ว่าคุณชอบคุณหลิว แต่พูดไปพูดมาเธอก็สวยจริงๆ นะ ถ้าผมเป็นคุณจะไม่ยอมปล่อยไปอย่างเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ต้องจีบให้ได้ ไม่ขี้กลัวเหมือนคุณหรอก”
หัวหน้าเฮ่อส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เองในที่สุดขบวนรถก็ขึ้นมาบนยอดเนิน หัวหน้าเฮ่อพลันพูดขึ้น “ทุกคนระวังหน่อย ลงเนินแล้วจะต้องลากรถ ม้านี่อายุเยอะแล้ว บางครั้งก็เบรกรถไม่อยู่”
เพิ่งสิ้นเสียง รถม้าพลันพุ่งลงไปด้วยความเร็วกว่าเดิม ทว่าม้าชรารั้งรถไว้ไม่อยู่จึงวิ่งตามลงไปด้วย ทุกคนร้องตกใจ รีบดึงรถม้าไว้ แต่ภายใต้แรงเฉื่อยจึงดึงรถม้ากับม้าชราไว้ไม่อยู่!
ผู้ชายเคราน้อยร้องเสียงดัง “แย่แล้ว ลงไปเป็นโค้งหักศอก รีบดึงรถเร็ว! ดึงม้าไว้! ไม่อย่างนั้นจบเห่แน่!”
หัวหน้าเฮ่อเร่งความเร็วตามไป ดึงเชือกบังเหียนม้าพลางตะโกนเสียงดัง “ฮึบ! ฮึบ! ฮึบ!”
ทว่าแรงคนจะดึงม้าได้อย่างไร? ถึงม้าจะอยากหยุด ทว่ารถม้าผลักมันวิ่งไปข้างหน้า เวลานี้คน ม้าและรถพุ่งไปข้างหน้า คนข้างหลังพยายามดึงรถม้าไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ขณะจะตกหน้าผานั้น นัยน์ตาม้าชรามีประกายคึกคักวูบผ่าน วินาทีนั้นมันเหมือนหนุ่มขึ้นมาก ตอนนั้นมันเหมือนเข้าใจความสิ้นหวังของหัวหน้าเฮ่อ ตอนนั้นมันเหมือนเข้าใจภารกิจที่ตนแบกรับ จึงร้องเสียงดัง พลิกตัวนอนลงกับพื้น รถม้าคว่ำตามม้าชรา ทว่าด้วยแรงเฉื่อยจึงยังผลักม้าแก่ให้ไถลไปข้างหน้า บ่วงบาศขาด รถม้าที่พลิกคว่ำทับผ่านตัวม้าชรา แต่ก็ยังพุ่งไปข้างหน้า น้ำสาดกระจายไม่น้อย รถม้าจะพุ่งออกจากหน้าผา!
ส่วนหัวหน้าเฮ่อถูกม้าชราเหวี่ยงตีลังกาไป กลิ้งบนพื้น ก่อนถูกรถม้าชนอีกที ตัวเขาลอยออกไป ได้ยินเสียงร้องตกใจของคนไม่น้อยรางๆ แทบเป็นขณะเดียวกันที่เท้าเหยียบความว่างเปล่า เขาร้องในใจ ‘แย่แล้ว!’ พริบตานั้นในความคิดว่างเปล่า เหลือเพียงร่างเงาหลิวเอวี่ยนชัดเจน เส้นผมยาวประบ่า สุภาพเรียบร้อย
ขณะเฮ่อหมิงกำลังสิ้นหวังนั้น มีมือใหญ่ข้างหนึ่งพลันดึงเขาขึ้นไปจากข้างบน คว้าที่ข้อมือเขาก่อนรู้สึกตัวเบา ราวกับถูกรถเครนจับไว้ แล้วถูกเหวี่ยงขึ้นไปตามกำลัง ตอนนั้นเขาเพิ่งเห็นชัดว่าคนที่ช่วยเขาคือฟางเจิ้งจีวรขาว ยิ้มประหนึ่งแสงตะวัน!
เมื่อยืนอยู่บนพื้น เฮ่อหมิงมองฟางเจิ้งอึ้งๆ “หลวงพี่ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่?”
ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย ประนมสองมือกล่าว “อมิตาพุทธ อาตมาผ่านทางมาพอดีเลยถือโอกาสช่วยก็เท่านั้น”
“หัวหน้าเฮ่อ คุณไม่เป็นไรนะ?” พวกเสี่ยวหูจื่อวิ่งเข้ามา เหตุการณ์เมื่อครู่กะทันหันเกินไป ทุกคนต่างมึนงง ทำอะไรไม่ทัน และก็ไม่รู้ด้วยว่าควรทำอะไร ตอนนี้ได้สติกลับมาก็ยิ่งตกใจกว่าเดิมจนเหงื่อเย็นซึมไปทั่วร่าง! ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้หลวงจีนตรงหน้า เฮ่อหมิงต้องตายแน่!
เฮ่อหมิงไม่เป็นไร แต่แววตาที่ทุกคนมองฟางเจิ้งกลับเหมือนมองสัตว์ประหลาด รถม้ามีแรงเฉื่อยมากขนาดนั้น เฮ่อหมิงถูกชนปลิว ทุกอย่างคือวิกฤตที่ไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว! ทว่าหลวงจีนรูปนี้กลับเหมือนออกมาจากอากาศ ใช้เท้าถีบรถม้าทีหนึ่ง รถม้ากลับจอดสนิท! ก่อนจะพลิกมือคว้าเฮ่อหมิงดั่งถือลูกเจี๊ยบขึ้น ทุกอย่างราวกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทำให้หวาดเสียว แต่กลับบ้าระห่ำเต็มสิบ! น่าตื่นตกใจ!
เฮ่อหมิงไม่เห็นภาพนี้ เมื่อครู่ตระหนกตกใจย่อมไม่ได้คิดอะไรมาก เขาก็รู้ว่าฟางเจิ้งแรงเยอะเลยไม่ได้คิดมาก ไม่ได้ตอบคำถามเสี่ยวหูจื่อ แต่มองรถม้าที่พลิกคว่ำกับน้ำเต็มพื้นพลางพูดด้วยความปวดใจ “ไม่มีน้ำหกนะ?”
เสี่ยวหูจื่อยิ้มแห้งๆ “เวลาแบบนี้คุณยังสนใจของพวกนี้อีกเหรอ? น่าจะหกไปไม่เท่าไร ส่วนใหญ่ยังอยู่ แต่ว่าม้านั่น…”
ทุกคนมองไป เห็นม้าชรานอนอยู่บนพื้น ปากพ่นฟองขาวกับคราบเลือด มันพยายามลืมตาสองข้าง ลมหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ว่าคงมีชีวิตอีกไม่นานแล้ว
…………………..