The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 341 อยากลงเขา
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 341 อยากลงเขา
ฟางเจิ้งพยักหน้าเอ่ย “ที่แท้ก็แบบนี้เอง อมิตาพุทธ ขอบคุณประสกมากที่ช่วยไขปัญหา กลับดีๆ นะ”
พูดจบฟางเจิ้งก็หมุนตัวกลับเข้าอุโบสถไป
เฉาชั่นอึ้งงัน หลวงจีนนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ หรืออีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะทำอะไร? คิดได้ดังนั้น เฉาชั่นขมวดคิ้วแน่น หลังมั่นใจแล้วว่าไม่ได้พูดความคิดของตัวเองกับใครจึงค่อยพาเฉาเสวี่ยเคอจากไป
ระหว่างทาง เฉาเสวี่ยเคอถามอย่างแปลกใจ “พ่อคะ เป็ดตัวเมียตายแล้ว เป็ดตัวผู้ตายตาม น่าสงสารจังเลย ถ้าหนูเป็นเป็ดตัวเมีย หนูหวังว่าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้…”
เฉาชั่นชะงักเล็กน้อย ก่อนถามเสียงเบา “ถ้าเป็ดตัวผู้ตายล่ะ จะช่วยชีวิตเป็ดตัวเมียให้รอดได้ไหม?”
“ไม่ค่ะ…เป็ดตัวเมียตาย เป็ดตัวผู้จะเสียใจมากและตายตามไปด้วย ถ้าไม่มีเป็ดตัวผู้ เป็ดตัวเมียก็เสียใจเหมือนกัน แล้วก็จะตายตามไปด้วย…” เฉาเสวี่ยเคอกอดกระต่ายในอ้อมกอดแน่น
เฉาชั่นไม่ตอบอะไร แต่พาเฉาเสวี่ยเคอลงเขา ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เพียงแต่ระหว่างทางมักจะใจลอยบ่อยครั้ง
ในตอนนี้เอง ฟางเจิ้งกำลังใจลอยเช่นกัน เพราะวันนี้เขาเปิดเนตรสวรรค์ เห็นบางสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น
“เฮ้อ อมิตาพุทธ” ฟางเจิ้งประนมสองมือ สวดไปบทหนึ่ง
เมื่อกลับถึงบ้าน เฉาชั่นไม่ได้เข้าบ้าน วางเฉาเสวี่ยเคอลงแล้วขี่รถไปทำงาน เขาจึงไม่เห็นว่าเฉาเสวี่ยเคอไม่ได้กลับบ้าน แต่แอบหิ้วตะกร้าวิ่งออกไปอีก
วันนี้เฉาชั่นยังคงพยายามทำงานล่วงเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย ทว่าในหัวกลับมีข่าวลือที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้วาบผ่าน และทุกครั้งที่เขาเกิดความคิดนี้จะนึกถึงคำถามที่ฟางเจิ้งถามกับคำตอบของเฉาเสวี่ยเคอ ทุกอย่างตัดสลับในใจ ทำให้เขาสับสนเล็กน้อย…
รอจนเฉาชั่นกลับถึงบ้าน ก็เห็นหลี่เซียงนั่งร้องไห้อยู่…
เฉาชั่นใจสั่น วิ่งเข้าไปถาม “เป็นอะไร?”
ถามเสร็จ เฉาชั่นวิ่งเข้าไปในบ้าน
“อย่าเข้าไป ลูกเพิ่งนอน” หลี่เซียงเรียกเฉาชั่นไว้
เฉาชั่นถึงค่อยโล่งอกแล้วนั่งลง ถามว่า “ไม่ต้องร้อง ทุกอย่างจะดีเอง”
“ไม่ใช่เรื่องนี้ คุณดูนี่…” หลี่เซียงชี้ไปที่เห็ดตะกร้าเล็กบนพื้น มีเห็ดทุกชนิด บ้างมีสีสัน ดูก็รู้ว่ามีพิษ
เฉาชั่นขมวดคิ้วถาม “คุณเก็บมาเหรอ พวกนี้มันเห็ดมีพิษนี่ เอาเห็ดธรรมดาไปขายก็ขายได้ไม่กี่หยวนเอง อีกอย่างมันขายไม่ดีด้วย”
“ไม่ใช่ เสวี่ยเคอเก็บมา” หลี่เซียงตอบ
เฉาชั่นอึ้งงัน เงียบอยู่นานถึงเอ่ย “ลูกคนนี้…”
“ลูกกลับมาดูเหนื่อยมาก ฉันเลยให้ไปนอนบนเตียงเตา” หลี่เซียงกล่าว
ตกดึก เฉาชั่นนั่งบนเตียงเตา กอดเฉาเสวี่ยเคอพลางพูดขึ้นว่า “เสวี่ยเคอ ทำไมวันนี้หนูถึงไปเก็บเห็ดล่ะ?”
“พ่อกินขนมเปี๊ยะทุกวันเลย เสวี่ยเคอจะทำของอร่อยให้พ่อกิน เมื่อก่อนพ่อชอบกินเห็ดที่สุด…แต่ว่าหลังๆ มาพ่อไปทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาไปเก็บเห็ด” เฉาเสวี่ยเคอยิ้มหวานมาก ในหัวใจเฉาชั่นก็หวานฉ่ำมากเช่นกัน ทว่าส่วนลึกกลับเจ็บปวด เจ็บปวดไปถึงหัวใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้ม…
หลี่เซียงที่อยู่ข้างๆ หันหน้าหนี เห็นได้ว่ากำลังกลั้นน้ำตาไว้
“พ่อคะ แม่คะ เสวี่ยเคอโตแล้ว วันนี้ขึ้นเขาเดินไปไกลมาก เก็บเห็ดมาเยอะเลย รอหนูโตอีกหน่อย หนูจะไปเรียนหนังสือ ได้ยินพวกคุณอาคุณป้าบอกว่าเรียนหนังสือแล้วจะมีงานดีๆ ทำ ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ได้เยอะ มีของอร่อยๆ กินเยอะด้วย ถึงตอนนั้นเสวี่ยเคอจะซื้อให้พ่อกับแม่เยอะๆ เลย…” เฉาเสวี่ยเคอโบกมือเล็กๆ ยิ้มตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยว ในอ้อมอกเป็นกระต่ายที่หูหายไปข้างหนึ่ง กำลังก้มหน้า…
เฉาชั่นมองลูกสาวที่รู้เรื่องแล้วในอ้อมกอด ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้ว! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…
วันต่อมา ฟ้าเริ่มสางเล็กน้อย ฟางเจิ้งบิดเอวขี้เกียจ ทำความสะอาดอุโบสถ และกินอาหารเช้า
หมาป่าเดียวดายวิ่งไปเปิดประตูใหญ่ของวัดแต่เช้า แต่ข้างนอกว่างเปล่า ตอนกินข้าวเจ้าลิงถามด้วยความแปลกใจ “อาจารย์ ทำไมวันนี้สองคนนั้นถึงไม่มาล่ะ?”
ฟางเจิ้งตอบเรียบๆ “มาก็มา ไม่มาก็ไม่มา ทำไมจะต้องมาแน่?”
ลิงงุนงง เกาหัวพลางว่า “ปกติพวกเขามาเช้าๆ นี่”
เด็กแดงหลักแหลมกว่า กลอกตาโตไปมา เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า พวกเราลงเขากันดีหรือไม่?”
ฟางเจิ้งถามยิ้มๆ “ลงเขาไปทำไม”
“ไปช่วยคนสิ! ถ้าเกิดเรื่องกับเขา หรือว่าเราที่เป็นพุทธสาวกไม่ควรช่วยคน?” เด็กแดงพูดดีมาก แต่ในใจคิดอย่างไร มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
หมาป่าเดียวดายเบะปากบอก “ศิษย์น้อง นายอยากลงเขาไปเล่นใช่ไหม ดูตัวเองบ้าง ไปเรียกฝนทุกวันเหนื่อยออกปานนั้น กลางวันไม่ยอมออกมาเลย ถ้าออกไปนายจะมีแรงเหรอ อาจารย์ ท่านว่าศิษย์เป็นยังไง?”
เด็กแดงร้อนใจแล้ว เขาแสร้งป่วยจริงๆ แต่นั่นก็เป็นการเสแสร้งอย่างมีฝีมือ! ต่อให้บนเขาจะดีกว่านี้ก็มีพื้นที่แค่หนึ่งหมู่สามส่วน อยู่นานๆ ก็เบื่อเหมือนกัน กว่าจะได้ออกไปไม่ง่ายเลย แน่นอนว่าต้องพยายามช่วงชิงเอามา เขามองฟางเจิ้งด้วยน้ำตาคลอเบ้า รอฟางเจิ้งตัดสินใจ
ฟางเจิ้งกล่าว “ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยบอกว่าให้เรียงตามลำดับ ครั้งแรกอาจารย์พาจิ้งซินไป ครั้งที่สองเพราะสถานการณ์เฉพาะจึงต้องพาจิ้งซินไปอีก นี่คือครั้งที่สามแล้ว”
หมาป่าเดียวดาย กระรอก ลิง และเด็กแดงยืดคอยาวพร้อมกัน เบิกตากว้าง มองฟางเจิ้งด้วยสีหน้าเฝ้ารอคอย
ฟางเจิ้งวางตะเกียบลง พูดขึ้นว่า “อาจารย์ตัดสินใจแล้ว จะพาเจ้าลิงไป”
“โอ๊ยๆๆ เวียนหัว ตอนเย็นคงไปเรียกฝนไม่ไหวแล้ว” เด็กแดงได้ยินเข้าก็กุมหัวแสร้งทำเป็นหมาตาย
ลิงตกใจสะดุ้ง แม้เด็กแดงจะเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง แต่การจะให้ฝนตกเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาลยังต้องพึ่งเขา ถ้าเขาไม่ทำแล้วจะไปรอดได้อย่างไร? ลิงกำลังจะพูดบางอย่าง ก็ได้ยินฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ “จิ้งซิน ถ้าปวดหัวก็ไปพักเถอะ วันนี้อาจารย์จะสวดมนต์ใหญ่ ว่าจะเตรียมสวดอุ่นเครื่องสักสามชั่วโมงก่อน”
เด็กแดงได้ยินแล้วพลันนั่งตัวตรง กระแอมไอทีหนึ่ง “อาจารย์ เพื่อชาวบ้านตรงตีนเขา เพื่อบรรยากาศที่ดีของโลก เพื่อ…เพื่อ…” เด็กแดงเจอทางตันแล้ว ตัดจบไปเลยว่า “สรุปคือข้ายังไหว ยังยืนหยัดไหว!”
“เรียกฝนได้แล้ว?” ฟางเจิ้งถาม
เด็กแดงตอบ “แน่นอน! ต้องได้อยู่แล้ว!”
“อืม เรียนภาษาแถบตะวันออกเฉียงเหนือได้ไม่เลว เอาล่ะ กินข้าวเถอะ” ฟางเจิ้งพูดจบ ทุกคนกินข้าวต่อ กินข้าวเสร็จ ฟางเจิ้งจึงพาเจ้าลิงลงเขาไป
ลงมาแล้ว ฟางเจิ้งพาเจ้าลิงเดินออกไปนอกหมู่บ้าน เฉาชั่นพักอยู่ที่ไหนเขาพอจะเดาได้ เพราะเขาเห็นภูเขาและถนนที่มีเอกลักษณ์มากมายในความทรงจำของเฉาชั่น โดยเฉพาะเหมืองแร่ ทั้งอำเภอซงอู่มีเหมืองแร่อยู่ที่เดียว คาดการณ์จากตรงนี้ เขาจึงหาตำแหน่งบ้านของเฉาชั่นได้ไม่ยาก
ฟางเจิ้งพาลิงออกจากหมู่บ้านแล้ว ก็เริ่มวิ่งโดยพลัน ช่วยไม่ได้ ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารก็ได้แต่วิ่งเท่านั้น
เจ้าลิงตามฟางเจิ้งไปด้วยสีหน้าขมขื่น ถ้ารู้แต่แรกว่าต้องวิ่งมันคงไม่ลงเขามา นี่จะวิ่งไปจนถึงเมื่อไร เนื่องจากยังเช้า บนถนนจึงไม่มีคน และไม่มีรถโดยสารด้วย คนกับลิงเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งไป