The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 345 จับรางวัล
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 345 จับรางวัล
“หลวงพี่ ท่านนี่ขี้เกียจจริงๆ เลย! โยนงานมาให้ฉันหมด แต่ท่านกลับอยู่สบายบนเขา เฮ้อ ชีวิตฉันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน…” จิ่งเหยียนส่ายหน้า เดินไปด้วยสีหน้าคับอกคับใจ
ฟางเจิ้งไม่ถูกหลอก เขารู้สึกได้ว่าจิ่งเหยียนกำลังมีความสุข เธอชอบความรู้สึกในการช่วยเหลือคนอื่นมาก
ถึงฟางเจิ้งจะรู้ว่าจิ่งเหยียนมีพลังงานไม่น้อย แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีพลังงานเยอะขนาดนี้!
วันต่อมาเขาเห็นข่าวของเฉาชั่นบนอินเทอร์เน็ตไม่น้อย สถานภาพครอบครัวเฉาชั่นรวมถึงสภาพการณ์ของเฉาเสวี่ยเคอได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม คนจิตใจดีนับไม่ถ้วนพากันเขียนคอมเมนต์
“บรรณาธิการ เขียนไว้ซะเยอะ จะไม่ให้เบอร์มือถือไว้เลยรึไง เลขบัญชีธนาคารก็ยังดี”
“ฉันร้องไห้แล้ว ไม่ได้การ ฉันจะบริจาคให้ ขอเลขบัญชีๆ!”
“ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีเงินหรอก แต่จะบริจาคให้หนึ่งร้อย!”
“น้องน่าสงสารมาก ฉันบริจาคเงินค่าขนมเดือนนี้ดีไหม แต่จะบริจาคยังไงล่ะ…”
“เถ้าแก่พวกเราเห็นข่าวนี้แล้วนะ กำลังไป เถ้าแก่บอกว่าจะออกเงินให้หมดเลย!”
“เถ้าแก่เมนต์บนเป็นคนดีจัง ขอให้เขามีความสุขนะ”
“เถ้าแก่ดี บอกชื่อบริษัทพวกคุณมาเลย จะสนับสนุน!”
“เถ้าแก่เราบอกว่าทำความดีเพื่อสร้างชื่อเสียงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการโฆษณารึเปล่า? ขออวยพรให้น้องมีความสุขแล้วกัน”
………
วันที่สาม ฟางเจิ้งได้รับข้อความจากจิ่งเหยียนว่า “เถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่งบินมาไกลพันลี้ รับเฉาเสวี่ยเคอไปแล้ว เฉาชั่นก็ตามไปด้วย ที่เหลือเถ้าแก่คนนั้นจัดการให้หมดเอง เฉาชั่นฝากฉันมาขอบคุณท่านด้วย บอกว่ากลับไปเมื่อไรจะต้องมาหาท่านให้ได้”
ฟางเจิ้งอ่านถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างรู้ใจ “ขอบคุณอาตมาทำไม? สีกาเป็นคนช่วยเขา ไม่ใช่อาตมา อาตมาแค่เป็นกระบอกเสียงเท่านั้น ยินดีด้วยนะ จะได้เลื่อนขั้นแล้ว”
“อะไรนะคะ?” จิ่งเหยียนส่งเครื่องหมายคำถามมาเป็นชุด
ฟางเจิ้งกลับตอบไปว่า “เปิดเผยความลับสวรรค์ไม่ได้ คนดีย่อมโชคดี”
ตอนที่จิ่งเหยียนกำลังจะซักถามนั้น มีคนมาหาเธอก่อนพูดคุยกับเธออีกเล็กน้อย รอจนคนคนนั้นไปแล้ว จิ่งเหยียนยังเหมือนอยู่ในความฝัน กอดถุงเอกสารพลางหัวเราะ ส่งข้อความไปหาฟางเจิ้งว่า “ไต้ซือ ท่านมหัศจรรย์มาก! ฉันต้องย้ายไปในเมืองแล้ว วางใจนะ ถ้าว่างจะมาเยี่ยมท่านแน่”
ฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ ก่อนส่งหน้ายิ้มกลับไป
คลี่คลายเรื่องของเฉาชั่นได้แล้ว ฟางเจิ้งก็วางใจได้ ถึงครั้งนี้เขาจะยังใช้อภินิหารความฝันยามต้มข้าวฟ่าง แต่สุดท้ายวิธีที่แก้ปัญหากลับไม่เกี่ยวกับอภินิหาร เขาชอบความรู้สึกนี้ เป็นคนดีทำความดี ไม่จำเป็นต้องใช้อภินิหารเสมอไป ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกว่าประสบความสำเร็จ…ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความดีจากสังคม สังคมนี้ไม่ได้ดำมืดมองไม่เห็นแสงตะวันเหมือนในข่าวจากสื่อมวลชนต่างๆ มากมาย! คนดีก็ยังมีอีกเยอะเหมือนกัน…
“อาจารย์” ตอนนี้เอง เจ้าลิงเข้ามาใกล้
ฟางเจิ้งว่า “อะไร?”
“ถ้า…ศิษย์พูดถึงว่าถ้าหากนะ ถ้าหากพวกเราไม่ช่วย วิธีที่เฉาชั่นเลือกใช้ความตายจะช่วยลูกสาวเขาได้จริงๆ ไหม?” ลิงถาม
ฟางเจิ้งพยักหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเนตรสวรรค์หรือความฝันล้วนอธิบายทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะฟางเจิ้งปรากฏตัว ผลลัพธ์ในนั้นจะไม่ได้ธรรมดาเหมือนในโศกนาฏกรรมครอบครัว เหมืองมีคนงานตายติดต่อกัน จะต้องเจอกับการตรวจสอบต่างๆ กดไม่ลง ปิดไม่มิด ถึงตอนนั้นเจ้าของเหมืองต้องซวยแน่ๆ ต้องใช้เงินจำนวนมากปรับปรุงอุปกรณ์ นี่ก็เท่ากับสูญเสียทุกอย่าง อาจจะล้มละลายได้ และถ้าเขาล้มละลาย คนงานเหล่านั้นจะตกงานไปด้วย…สุดท้ายครอบครัวเฉาชั่นจะได้เงินชดเชยหรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้
“อาจารย์ คนคนหนึ่งถูกบีบมาถึงขนาดนี้ได้จริงๆ เหรอ ถ้าพวกเราไม่ลงมือ เขาจะมองไม่เห็นความหวังเลยหรือ หรือว่าสังคมนี้มันดำมืด ทำให้หาหนทางไม่เจอ?” ลิงถาม
ฟางเจิ้งเงยหน้ามองฟ้า พลางว่า “หนทางมีเสมอ เพียงแต่บางคนมองไม่เห็นก็เท่านั้น วงล้อชีวิต ทัศนวิสัยสั้นไกล จะเป็นตัวตัดสินประเภทและจำนวนของวิธีแก้เวลาคนคนหนึ่งเจอกับปัญหา ถ้าเรื่องนี้เกิดกับจิ่งเหยียน เธอใช้วิธีอย่างเช่นผ่านสื่อได้ หรืออาจจะขอให้หน่วยงานสาธารณประโยชน์ช่วย แต่สำหรับเฉาชั่นที่อยู่แต่ในเหมืองทั้งคืนทั้งวันแล้ว เขาไม่รู้จักวิธีอื่นๆ นอกจากขอยืมเงินจากญาติพี่น้อง ดังนั้นหลังจากเขาใช้วิธีทุกอย่างของตัวเองแล้ว จึงเลือกทางออกที่เขาคิดว่ามีอยู่ทางเดียว
จิ้งซิน นายอ่านข่าวทุกวัน เห็นอะไรไหม?” ฟางเจิ้งถามเด็กแดงที่นั่งเล่นมือถืออยู่ข้างๆ ทันที
เด็กแดงตอบ “สังคมดำมืดมาก มีเรื่องหลอกลวงต่างๆ ไม่ขาดสาย แถมไม่มีใครสนใจ หรืออาจจะดูแลไม่ทั่วถึง…ข้าว่าคนข้างนอกใช้ชีวิตได้หนึ่งวันก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว”
“จิ้งซิน โลกนี้ใหญ่แค่ไหน?” ฟางเจิ้งถาม
จิ้งซินส่ายหน้า
ฟางเจิ้งถามต่อ “บนโลกมีคนเท่าไร?”
“อันนี้ข้ารู้ หกพันล้านคน ใกล้จะตามปีศาจน้อยบนยอดเขาของพวกข้าทันแล้ว” เด็กแดงตอบทันที
ฟางเจิ้งมองบน ใครถามว่าบนยอดเขาพวกแกมีปีศาจน้อยเท่าไร? แล้วก็ ปีศาจน้อยพวกนั้นคือวิญญาณมดไม่ใช่รึ? สิ่งมีชีวิตแบบนี้…
ฟางเจิ้งอดกลั้นความไม่พอใจในใจไว้ ถามต่อว่า “โลกนี้ใหญ่มาก คน…” เดิมทีเขาอยากบอกว่าคนเยอะมากเช่นกัน แต่นึกถึงคำพูดเด็กแดง จึงเปลี่ยนคำ “คนก็มีไม่น้อยเช่นกัน ป่าใหญ่มีนกทุกชนิด ตอนที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งได้รับความสนใจและถูกลงข่าวนั้นไม่ใช่เพราะมันธรรมดา ไม่อย่างนั้นจะไม่มีราคาข่าว มีเพียงทำให้เรื่องนี้มีความพิเศษที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและค่อนข้างแปลกเท่านั้นถึงจะได้ลงข่าวไป มิเช่นนั้นคนเดินถนนเยอะแยะ ทำไมถึงไม่มีใครเอาไปทำข่าว แต่คนที่ไม่มีขาใช้สองมือเดินกลับถูกทำข่าว?
ดังนั้นแล้ว ความมืดมิดที่นายเห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบุคคลหรือสิ่งของที่หาได้ยากในสังคมเท่านั้น ที่นายคิดว่าโลกมืดมิด นั่นเพราะนายมองในจุดที่มันมืด มองเยอะๆ ก็จะคิดว่ามันมืด”
เด็กแดงลูบคาง “อาจารย์ ท่านพูดเหมือนจะมีเหตุผล”
ฟางเจิ้งพูดกับลิงต่อ “ฉะนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าสังคมมืดมิดทำให้เฉาชั่นหาหนทางไม่พบ แต่เป็นเพราะเขามองไม่เห็นหนทางเอง ความจริงพิสูจน์แล้ว เมื่อทุกคนรู้เรื่องของเขา เขาได้รับความห่วงใยและความช่วยเหลือจากคนมากมาย ไม่ใช่เจตนาร้าย หรือว่าไม่ใช่อย่างนั้น?”
ลิงพยักหน้า ประนมสองมือว่า “อมิตาพุทธ ศิษย์เข้าใจแล้ว”
เด็กแดงก็ตกอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน…
ตอนนี้เอง เสียงที่หายไปนานดังขึ้นมา
“ติ๊ง! ยินดีด้วย ช่วยได้อีกคนแล้ว จับรางวัลไหม?”
“จับ!” ฟางเจิ้งจะพลาดเรื่องดีๆ แบบนี้ได้ยังไง?
“ติ๊ง! ยินดีด้วย นายได้รับรูปวาดพระโพธิสัตว์องค์ใหม่ ไปดูได้ที่ป้ายหมื่นพุทธ” ระบบกล่าว
“ให้รางวัลเป็นรูปวาดพระโพธิสัตว์? ระบบ รางวัลรอบนี้ดีจังเลย?” ฟางเจิ้งพูดด้วยความตกใจ