The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 351 กลืนในคำเดียว
- Home
- The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์
- ตอนที่ 351 กลืนในคำเดียว
ฟางเจิ้งไม่ได้วิ่งไปไกล เพียงวิ่งมาสักระยะแล้วก็เปลี่ยนทิศทาง คลำตามทางของกวางซิกาไป ส่วนเจ้ากระรอก ฟางเจิ้งปล่อยออกมานานแล้ว ป่าใหญ่เป็นบ้านกระรอกเช่นกัน มันวิ่งบนต้นไม้เร็วกว่าฟางเจิ้งใต้ต้นไม้เยอะนัก ทั้งยังมองเห็นได้ดีกว่า
ไม่นาน เจ้ากระรอกกลับมา “อาจารย์ คนเลวนั่นพาหมาโหดสองตัวไล่ตามไปแล้ว”
“มาได้พอดีเลย คนคนนี้มีบาปกรรมหนักหนา ถ้าปล่อยเขาไปแบบนี้ ป่าไม้จะถูกทำลายหมด” สีหน้าฟางเจิ้งเคร่งขรึมขึ้นมา เขาไม่วิ่งแล้ว แต่ยืนอยู่ที่เดิม รอคอยเงียบๆ
ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่า ตามด้วยสุนัขโหดสองตัววิ่งมา
ฟางเจิ้งกล่าวเบาๆ ว่า “จิ้งซิน”
เด็กแดงได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มมุมปาก ฟันขาวสะอาดเป็นประกายเย็นเยือก
สุนัขโหดสองตัวเพิ่งวิ่งออกมา เมื่อเห็นฟางเจิ้ง ดวงตาก็เผยแววดุร้าย ไม่มีความกลัวแม้แต่นิด กลับกระโจนเข้ามา! ฟางเจิ้งแน่นิ่ง จากนั้นมีร่างเงาหนึ่งพุ่งมา พูดยิ้มๆ ว่า “หมาน้อยทั้งสอง หมอบลงให้ข้า!”
เพียะๆ!
หูใหญ่สองข้างถูกตบเสียงดัง สุนัขโหดสองตัวร้องครวญ ล้มกลิ้งลงกับพื้น กองรวมกันเป็นก้อน เด็กแดงนั่งตามลงไป ไม่ว่าสุนัขโหดจะดิ้นรนอย่างไรก็ขยับไม่ได้
แทบจะขณะเดียวกัน มีเสียงตะโกนด้วยความโมโหแว่วมา “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เหล่าเหลียงวิ่งมา ปืนล่าสัตว์ลงจากบ่ามาอยู่ในมือแล้ว ดวงตาสองข้างของเขาแดงก่ำ จ้องฟางเจิ้งกับเด็กแดงด้วยความโมโหสุดฤทธิ์
ฟางเจิ้งประนมสองมือ ดวงตาสองข้างไร้ความอบอุ่นในยามปกติ แต่มีความคมกริบและน่าเกรงขามเพิ่มมาหลายส่วน ตะโกนเสียงดังว่า “ผู้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า สำนึกผิดรึยัง?!”
เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นข้างหูเหล่าเหลียง เขาสะดุ้ง แต่เมื่อหันไปมองก็เห็นเพียงหลวงจีนหนุ่มผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เพียงแต่ไม่กลัวกลับยิ้มบอกอย่างโกรธเกรี้ยว “ลาน้อยหัวล้านจากไหนวะ มีหน้ามาสั่งสอนฉัน? ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า? ในป่าเขามีกฎปลาใหญ่กินปลาเล็ก หมาป่ากินกระต่าย กระต่ายกินหญ้า มีความผิดไหม?”
“แต่หมาป่าก็ดี เสือก็ดี พวกมันกินผู้อ่อนแอ แก่ชรา ป่วยหรือพิการตลอด แต่จะไม่มีวันกินให้สูญพันธุ์ แต่ประสกล่ะ? สูญสิ้นมโนธรรม สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ เทียบหมาป่ากับเสือไม่ได้ ยังมีหน้าไปว่าพวกมันอีก?” ฟางเจิ้งกล่าวอย่างเข้มงวด
“ไอ้หลวงจีนนี่สวดมนต์จนโง่แล้วรึไง ฉันจะฆ่าก็ฆ่า แกมายุ่งอะไรกับฉัน ไอ้หนู ลงมาจากตัวหมาฉันเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงแก!” ถึงเหล่าเหลียงจะโกรธ แต่ก็ไม่โง่ เขารู้กำลังต่อสู้ของสุนัขสองตัวนี้ แค่พบหน้ากันก็ถูกตีจนมีสภาพแย่แบบนี้ ทั้งยังถูกเด็กซนนี่นั่งทับขยับไม่ได้อีก เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนนี่ไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยก็มีวิชาต่อสู้ เขาไม่เข้าไปใกล้ แค่เอาปืนเล็งฟางเจิ้ง ทำท่าทางว่าถ้าไม่ฟังฉันจะยิงแก
ฟางเจิ้งส่ายหน้าเล็กน้อย บอกว่า “ขลาดเขลาเบาปัญญา ลงนรกเถอะ”
“ฮ่าๆ…ตลกชะมัด! ลงนรก? โลกนี้มีนรกด้วย? ต่อให้มี ใครจะทำให้ฉันลงนรกได้” เหล่าเหลียงต่างจากนายพรานที่สืบทอดต่อกันมาคนอื่นๆ พรานเหล่านั้นเชื่อเรื่องเจ้าป่าเจ้าเขา เชื่อในแผ่นดิน เชื่อว่าเหนือหัวขึ้นไปสามฉื่อมีเทพเจ้า ทำอะไรต้องมีขีดจำกัด คุยกันด้วยเหตุผล แต่เหล่าเหลียงต่างออกไป เขาไม่เชื่ออะไรเลย เชื่อแค่ปืนในมือตนและเงินในกระเป๋าเท่านั้น! สิ่งอื่นในสายตาเขาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไร้สาระ!
ฟางเจิ้งส่ายหน้าอีกครั้ง “อาตมาทำได้!”
เวลาต่อมา มีแสงแห่งพุทธวูบวาบในดวงตาฟางเจิ้ง ตามด้วยเสียงดังโครมประหนึ่งดวงดาวเปลี่ยนทิศ ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด พระอาทิตย์ที่เดิมทีดวงใหญ่ยังลอยอยู่แต่เหมือนสิ้นแสงลง และคล้ายถูกคลุมด้วยกระจกสีหมึก เหลือเพียงเค้าโครง เปล่งแสงออกมาไม่ได้มากนัก ส่องไม่ถึงฟ้าดินข้างล่าง
ขณะเดียวกันป่าไม้รอบๆ ส่งเสียงดังโครมคราม กลายเป็นเรียบเตียน…ทั้งโลกเหมือนมีกลิ่นอายความตายหนาแน่น
จากนั้นมีเสียงโครงกระดูกประกอบกันดังขึ้นมา ตามด้วยมือกระดูกขาวยื่นมาจากใต้พื้นดิน ในมือลากโซ่เหล็กขึ้นสนิมกระดำกระด่างเส้นหนึ่ง เมื่อออกแรงดึงจะได้ยินแต่เสียงดังสนั่น อากาศสั่นไหว ประตูบานใหญ่ปรากฏขึ้นอีกด้านของโซ่เหล็ก! นั่นคือประตูสำริดบานใหญ่ บนประตูเป็นสนิม เหมือนไม่ได้เปิดมาหลายปีแล้ว ด้านบนยังมีรูปแกะสลักนูนของภูตผีร้ายจำนวนมาก สองข้างประตูเป็นผู้ดูแลนรกร่างสูงใหญ่สองคน สองมือจับที่สองด้านของประตูใหญ่ เหมือนต้องใช้แรงทั้งหมดถึงจะค้ำยันประตูใหญ่นี้เอาไว้ได้
เหนือประตูเป็นอักษรสีเลือดตัวใหญ่ดูเด่นตาเป็นพิเศษ ‘ประตูนรก!’
ทว่าสิ่งที่มีสีสันกว่าประตูนรกคือหลวงจีนจีวรขาวที่ยืนอยู่ใต้ประตูอันน่าสะพรึงนี้!
“นี่มันอะไรวะ?” เหล่าเหลียงที่เรียกตัวเองว่าไม่กลัวฟ้าดินเกิดความกลัวจริงๆ แล้ว! เขาไม่เชื่อในภูตผีเทวดาเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน! ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเยอะ ย่อมคิดว่าร้อยภูตผีหลีกทางให้ ไม่มีใครหรือผีตนใดจัดการเขาได้! แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นประตูนรกในตำนาน เขากลัวแล้วจริงๆ
“อมิตาพุทธ อย่างที่ประสกเห็น นี่คือเส้นทางสู่นรก ประสกถามไม่ใช่รึว่าใครจัดการกับประสกได้ วันนี้อาตมาจะใช้สิทธิ์เดินทางข้ามแดน จัดการประสกแทนฟ้าดินเอง!” ฟางเจิ้งเอ่ยเน้นทีละคำ
เหล่าเหลียงถอยไปช้าๆ กำปืนไว้แน่น “กะ…แกอย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!”
ฟางเจิ้งมองเหล่าเหลียงอย่างสงบนิ่ง ก่อนเดินไปหาเหล่าเหลียงช้าๆ เดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ พลางเอ่ยว่า “อมิตาพุทธ ประสก ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง”
“กลับแม่แกสิ!” เหล่าเหลียงตกใจจนแทบบ้าแล้ว ฟางเจิ้งเข้ามาใกล้ ทำให้เขาตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม ยกมือขึ้นจะลั่นไก!
ปัง!
เหล่าเหลียงเฝ้ารอให้กระสุนสังหารหลวงจีนประหลาดรูปนี้ จะได้หนีออกไปจากโลกพิลึกนี่! แต่ว่า…
แก๊งๆ
กระสุนโลหะยิงโดนตัวหลวงจีนจีวรขาว สะเก็ดไฟกระเด็นไปรอบๆ แต่กลับทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลย! เมื่อเห็นถึงตรงนี้ เหล่าเหลียงสิ้นหวังจริงๆ แล้ว หมุนตัวจะวิ่งหนีไป
“โง่เขลาเบาปัญญา อาตมาช่วยประสกกลับใจไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลงไปสำนึกในนรกเถอะ” สิ้นเสียงฟางเจิ้ง ผีร้ายตัวยักษ์เหนือประตูผีพลันยื่นมือมาข้างหนึ่ง มือใหญ่ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุดคว้าตัวเหล่าเหลียงไว้แล้วโยนเข้าปาก ก่อนกลืนลงไปภายใต้สายตาตื่นกลัวของเหล่าเหลียง!
“อาจารย์ ท่านฆ่าคนนี่” เด็กแดงร้องด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาอยากให้ฟางเจิ้งทำผิดศีลเยอะๆ ให้ดีที่สุดคือถูกเตะออกจากพุทธศาสนา เขาจะได้หลุดพ้นตาม
แต่ว่า…
ฟางเจิ้งชำเลืองมองเด็กแดงทีหนึ่ง “คนดีกับคนเลวมีเส้นทางเดินต่างกัน วิญญาณดีเข้าประตู วิญญาณร้ายเข้าปาก แต่ปากนั่นไม่ได้สบายขนาดนั้นหรอกนะ นายอยากลองไหม? อาจารย์ช่วยให้นายสัมผัสประสบการณ์ได้”
“อาจารย์ วันนี้ดวงอาทิตย์กลมจริงๆ” เด็กแดงเงยหน้ามองฟ้า
ฟางเจิ้งหมดคำจะพูด ดวงอาทิตย์ไม่กลมตั้งแต่เมื่อไร? ตอนเกิดสุริยคราสก็แค่บดบังสายตาเท่านั้น เดิมทีมันก็กลมอยู่แล้วนี่?
ส่วนกระรอก วินาทีที่ประตูนรกเปิดออก มันตกใจจนขนลุกซู่ มุดเข้าไปตัวสั่นอยู่ในอกเสื้อฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งก็ช่วยอะไรไม่ได้ กระรอกยังคงเป็นเจ้าตัวขี้ขลาด ถ้าจะให้มันยอมรับสิ่งต่างๆ มากมายในคราวเดียว เห็นทีจะสร้างความลำบากให้มันอยู่บ้าง