The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 363 ซุปเห็ด
“ถึงครั้งนี้นายจะพาคนกลับใจ แต่ก็ช่วยชีวิตทางอ้อมไว้มากมาย บุญกุศลเลยไม่น้อย แต่ฉันขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งจับรางวัลครั้งนี้ไปก่อน สั่งสมไว้อีกค่อยจับทีเดียว ตอนนี้นายมีน้ำมีอาหาร มีพระพุทธรูปสามองค์ ไม่ขาดอะไรแล้ว สั่งสมไว้จับรางวัลใหญ่ดีกว่า” ระบบพูด
ฟางเจิ้งคิดๆ ดูแล้ว ระบบก็พูดมีเหตุผลจริงๆ ตอนนี้เขาสวมจีวรขาวจันทร์ มีรองเท้าข้ามฟาก ในมือมีลูกประคำพุทธ ทั้งยังมีพระพุทธรูปสามองค์ มู่อวี๋ใหญ่ ของกินก็มีน้ำบริสุทธิ์ ข้าวผลึก และไผ่หนาว…ทุกอย่างทำให้ตอนนี้ไม่ขาดแคลนของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอะไรเลย แน่นอน ไม่ได้หมายความว่าของเล็กๆ น้อยๆ ครบครันแล้ว แต่เทียบกับของเล็กน้อยพวกนี้ เขาขาดของชิ้นใหญ่มากกว่า! ต้องสั่งสมบุญกุศลเพื่อจับรางวัลใหญ่จึงจะเป็นเรื่องจำเป็นมาก
ดังนั้นฟางเจิ้งเลยตอบไปว่า “ได้ เอาตามนายว่าเลย”
พูดจบ ฟางเจิ้งเก็บมือถือ บิดขี้เกียจแล้วเอ่ยขึ้น “จิ้งซิน ข้าวยังไม่เสร็จอีกเหรอ อาจารย์หิวแล้ว”
“อาจารย์ ใกล้จะเสร็จแล้ว! วันนี้เราศิษย์พี่ศิษย์น้องมีเซอร์ไพรส์ใหญ่จะให้ท่าน!” เด็กแดงตะโกนมาจากในครัว
ฟางเจิ้งอึ้งไป เซอร์ไพรส์ใหญ่? พวกเขาจะทำเซอร์ไพรส์? ฟางเจิ้งอยากรู้แล้ว คิดจะเข้าไปดูในครัวสักหน่อย
แต่กระรอกกระโดดออกมา กางกรงเล็บขวางอยู่ตรงปลายเท้าฟางเจิ้งเหมือนกับตัวอักษรต้า (大) พลางร้องขึ้นว่า “อาจารย์ ท่านยังดูไม่ได้ ต้องรอให้เราศิษย์พี่ศิษย์น้องทำเสร็จก่อนถึงจะดูได้”
ฟางเจิ้งเหลือบมองห้องครัวแวบหนึ่ง ประตูห้องครัวปิดอยู่ บนหน้าต่างมีเจ้าลิงนอนหมอบ ส่วนที่เหลือโดนบังหมด มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นท่าทีมีลับลมคมในของเจ้าพวกนี้แล้ว ฟางเจิ้งสนใจอยากรู้อยู่บ้างจริงๆ
“จิ้งควน เอ่อ…เรามาตกลงกันดีไหม? นายบอกอาจารย์มา พวกเขากำลังทำอะไรกันแน่?” ฟางเจิ้งนั่งยองลง ถามเอาใจกระรอก
ผลคือเจ้ากระรอกไม่ติดกับเลย มันส่ายหน้าด้วยความไม่ย่อท้อที่จะยืนหยัดต่อความถูกต้อง “ไม่บอก! ศิษย์พี่ศิษย์น้องคุยกันแล้วว่าห้ามบอกเรื่องนี้เด็ดขาด!”
“บอกไม่ได้จริงๆ เหรอ” ฟางเจิ้งถามพลางหัวเราะเบาๆ
“บอกไม่ได้!” กระรอกตอบด้วยความแน่วแน่มาก!
“บอกไม่ได้จริงๆ?”
“บอกไม่ได้!”
“พูดไม่ได้เหรอ?”
“บอกไม่ได้ว่าพวกเรากำลังต้มซุปเห็ดอยู่…เอ่อ อาจารย์ ท่านหลอกศิษย์ ฮือๆ…ท่านไม่ได้ยินอะไรใช่ไหม!” กระรอกพบว่าถูกหลอก จึงเกาะขากางเกงฟางเจิ้งปีนขึ้นมาบนบ่า ดึงหูฟางเจิ้งแล้วเริ่มทำตัวไร้ยางอาย…
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็หัวเราะเสียงดัง รีบพูดเสียงดังกังวาน “อืม อาจารย์ไม่ได้ยินอะไรเลย ฮ่าๆ…”
ตอนนี้เอง ประตูใหญ่ห้องครัวเปิดออก ตามมาด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นโชยมา ฟางเจิ้งดมทีแรกก็รู้สึกว่าน้ำลายจะไหลแล้ว หันหน้าไปมองก็เห็นเด็กแดงถือซุปร้อนๆ ชามใหญ่เดินออกมา ในหม้อมีของสีแดงสีเหลืองและหลากสีลอยอยู่
ตึง เด็กแดงวางชามใหญ่ลงบนโต๊ะ พูดยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ว่าจิ้งควนพึ่งพาไม่ได้ จะต้องถูกอาจารย์หลอกแน่ๆ อาจารย์ มาดูนี่สิ นี่คือผลงานช่วงเช้าของพวกเรา เป็นของดีทั้งนั้น”
กระรอกได้ยินแบบนั้น หน้าเล็กๆ ก็แดงเรื่อ ดีที่มีขนยาว คนนอกเลยมองไม่เห็นหน้าแดงของมัน
ฟางเจิ้งเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ ก่อนถามด้วยสีหน้าพูดไม่ออก “จิ้งซิน ใครเป็นคนเก็บเห็ดมา?”
“พวกเราสี่คนลงเขาไปด้วยกัน ไปเก็บที่ภูเขาทงเทียน เป็นอย่างไร ดูดีหรือไม่? หอมไหม? จิ๊ๆ นี่มีสีสันและกลิ่นหอมครบเลย ฮ่าๆ…” จิ้งซินยิ้มอย่างลำพองใจ
ฟางเจิ้งยิ้มบอก “สวยจริงๆ ดมแล้วก็หอม ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกนายถึงคิดจะไปเก็บเห็ดกัน?”
เด็กแดงหน้าแดง ตอบว่า “อาจารย์ ข้าปวดท้อง ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” พูดจบก็วิ่งไปแล้ว
ฟางเจิ้งได้แต่ถามกระรอก ลิง และหมาป่าเดียวดาย
หมาป่าเดียวดายนอนหมอบอยู่ข้างโต๊ะ พูดพลางน้ำลายสอ “ศิษย์น้องบอกว่าหลายวันมานี้อาจารย์เหนื่อย เลยไปเก็บเห็ดมาบำรุงร่างกายท่าน”
“อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้เอง” ฟางเจิ้งยิ้มหยีตามองเห็ดหลากสีในหม้อ ลิง กระรอกและหมาป่าเดียวดายไม่เข้าใจเด็กแดง แต่ฟางเจิ้งเข้าใจมาก เด็กนี่เป็นคนดีขนาดนี้เลย? รักเขาสุดหัวใจ? มีโอกาสสูงมากที่เจ้านี่จะให้ซุปเห็ดส่งเขาไปแดนสุขาวดี!
แต่ฟางเจิ้งไม่ได้พูดอะไร เพียงยิ้มบอก “ศิษย์น้องพวกนายมีจิตใจกตัญญูแบบนี้แล้วคงลำบากน่าดู ในเมื่อศิษย์น้องพวกนายกตัญญูต่ออาจารย์ อาจารย์ก็จะไม่เกรงใจแล้ว”
พูดจบ ฟางเจิ้งแอบถามระบบ “พี่ระบบ จีวรขาวจันทร์นี่แก้พิษได้ไหม?”
“แน่นอน” ระบบพูด
ฟางเจิ้งดีใจใหญ่ รีบดื่มไปอึกหนึ่ง แต่ก็ได้ยินระบบพูดต่อว่า “แน่นอนว่าแก้พิษไม่ได้ เสื้อผ้าก็ยังเป็นเสื้อผ้า กันการทำร้ายจากภายนอก แต่กันจากภายในไม่ได้ คำถามแค่นี้นายยังถามอีก นายโตมายังไงกัน เรียนจบอนุบาลรึเปล่า?”
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นพลันหน้าเขียว ลืมความดีใจไปแล้ว ระบบสารเลวนี่เก่งเรื่องการพูดแบบเว้นวรรคที่สุด! และเขา เหมือนจะดื่มไปแล้ว…
“ระบบ ทำไมไม่บอกแต่แรก ฉันดื่มไปแล้วนายเพิ่งบอก? นี่จะฆ่าอาตมารึไง? ในที่สุดอาตมาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเลือกอาตมา นายหลอกร่างสถิตหลายคนก่อนหน้าจนตายหมดแล้ว จึงเดินทางไกลเพื่อมาหลอกอาตมา!” ฟางเจิ้งอยากจะร้องไห้ทว่าไม่มีน้ำตา
“ไม่บอกแต่แรก? ฉันบอกเร็วแล้วนะ แต่นายตะกละเอง จะโทษฉันเหรอ? แน่นอนว่าร่างสถิตหลายคนก่อนตายเร็วจริง ถ้านายอยากเหมือนกับพวกเขา ฉันก็ไม่ถือสาถ้าจะหาร่างสถิตใหม่อีก”
“ถือว่านายชนะ!” ฟางเจิ้งรู้สึกปวดท้องไม่หยุด เลยรีบคลึงลูกประคำ เคลื่อนความคิดใช้อิทธิวิถี มีอักษรตัวใหญ่หลายตัวลอยขึ้นมาในความคิด…ร้อยพิษไม่รุกล้ำ!
ต่อมา ความรู้สึกเจ็บท้องหายไปตามที่คิด
ฟางเจิ้งพลันถอนหายใจโล่งอก ด่าทอระบบในใจยกใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นก็อึ้งไป
เห็นแต่หมาป่าเดียวดาย กระรอก และลิงกำลังมองเขาตาปริบๆ
หมาป่าเดียวดายเลียริมฝีปาก กล่าวว่า “อาจารย์ เอ่อ…พวกเราขอชิมหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้!” ฟางเจิ้งปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ซุปเห็นพิษนี่เกือบฆ่าเขาตาย แถมยังต้องใช้พลังของลูกประคำกับอิทธิวิถีถึงจะแก้ได้ ถ้าเจ้าพวกนี้ดื่มไป เขาจะต้องสิ้นเปลืองพลังแห่งลูกประคำกับบุญกุศลเยอะกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ฟางเจิ้งยังต้องใคร่ครวญให้ลึกไปอีกขั้น…
“อาจารย์ อย่าขี้เหนียวนักเลย ซุปเห็ดนี่หอมมาก ให้หน่อยได้ไหม?” เจ้าลิงมองฟางเจิ้งอย่างรอคอย
กระรอกเข้ามาใกล้ กะพริบดวงตาโตวาววับน่ารัก “อาจารย์ เจ้าลิงกับเจ้าหมาป่าเดียวดายตัวใหญ่ จะต้องกินซุปเห็ดของท่านเยอะแน่ แต่ท่านดูฉันนี่ ตัวเล็ก ท้องเล็กกินอะไรไม่ได้เยอะหรอก ท่านให้ฉันกินหน่อยได้ไหม?”
เจ้ากระรอกอ้าปากปุ๊บก็ขายศิษย์พี่สองตัวไปพร้อมกันแล้ว ได้สายตามองค้อนสวนกลับมาทันใด แต่เจ้าตัวน้อยไม่สนใจเลย ยังคงเบิกตาโตสดใสแวววาวมองฟางเจิ้งด้วยสีหน้ากระหายอยาก
แต่ว่า…
ฟางเจิ้งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ได้! นี่คือสิ่งที่ศิษย์น้องนายทำด้วยกตัญญูต่ออาจารย์ อาจารย์จะให้คนอื่นได้ยังไง? แน่นอน ถ้าศิษย์น้องนายยอมให้พวกนายกิน อาจารย์จะไม่ถือสาให้กินสักอึก” พูดจบ ฟางเจิ้งก็เรียกเด็กแดง “จิ้งซิน นายจะให้อาจารย์แบ่งซุปกับพวกศิษย์พี่นายหน่อยไหม?”