The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 365 แอบ
ตอนแรกเด็กแดงยังนึกโชคดีในใจ คิดว่าฟางเจิ้งมีความรู้เรื่องเห็ดจำกัด แต่หลังจากพบว่าเห็ดที่ฟางเจิ้งชี้มีส่วนหนึ่งเป็นเห็ดพิษที่เขาใช้ เขาก็เข้าใจบางอย่างแล้ว…
ฟางเจิ้งเดินไปตลอดทาง ชี้เห็ดห้าสิบกว่าชนิด ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นเห็ดพิษ โดยเฉพาะชนิดสุดท้าย ยิ่งทำให้เด็กแดงจดจำฝังใจกว่าเดิม
“เห็ดที่มีฝาร่มสีแดง และยังมีจุดสีน้ำตาลอมดำ มีสีสันสดใสน่ามองนี้ มีชื่อเรียกว่าหงอนไก่แดง เนื้อสัมผัสเห็ดชนิดนี้ก็แน่นมาก ผู้คนเห็นแล้วจะน้ำลายสอ แต่อย่าแตะมันจะดีที่สุด บางคนผิวหนังเป็นภูมิแพ้ พอเอามือสัมผัสจะบวมแดงเพราะโดนพิษ พิษของเห็ดชนิดนี้เป็นราชาพิษของเห็ดทั้งมวลในยุคนี้ โลกธรรมชาติก็แบบนี้ละ ของยิ่งสวยมากเท่าไร ก็ยิ่งบรรจุพิษร้ายแรงได้ง่ายมากเท่านั้น ขอไม่บอกว่าเป็นกฎที่ตายตัว แต่ก็เหมาะจะใช้กับพืชส่วนใหญ่” ฟางเจิ้งพูดจาฉะฉาน
แต่เด็กแดงหน้าแดงแล้ว วันนี้ซุปที่เขาต้มใช้เห็ดหงอนไก่แดงจำนวนมาก เพราะกลัวว่าฟางเจิ้งจะไม่ตาย! ตอนนี้ฟางเจิ้งจำแนกออกมาได้ เด็กแดงรู้ว่าหลบไม่ได้แล้วจึงไม่หลบ แต่เงยหน้าขึ้นพูด “อาจารย์ ในเมื่อท่านรู้ว่าในซุปเห็ดมีพิษแล้วเหตุใดถึงยังดื่ม?”
ฟางเจิ้งชะงักฝีเท้า เด็กแดงหัวใจบีบรัด คิดในใจว่า ‘จบสิ้นแล้ว ไอ้สารเลวหัวโล้นนี่จะต้องสวดมนต์หนึ่งปีแน่…เฮ้อ มาเถอะ ขอแค่ไม่ตาย ปีหน้าข้าจะเป็นชายชาตรี!’
ฟางเจิ้งมองความดื้อรั้นที่เป็นประกายในดวงตาโตของเด็กแดง ปลงอนิจจังอยู่ในใจหลายครั้ง เด็กแดงก็ยังเป็นราชาปีศาจ ไม่ว่าปกติจะเสแสร้งบ้องแบ๊วอย่างไร แสร้งเชื่อฟังอย่างไร แต่ความจริงด้วยเนื้อแท้ของเขาก็ยังทำอะไรโดยไม่สนวิธีการ เพียงมุ่งแสวงผลลัพธ์ ไม่สนใจขั้นตอน แต่ฟางเจิ้งรู้ว่าเด็กแดงยังไม่ถึงขั้นช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปเรียกฝนเอง คงไม่ช่วยคนอื่นเอง เพียงแต่ว่านิสัยซึ่งบ่มเพาะมาจากช่วงชีวิตอันแสนยาวนานของเขาไม่อาจเปลี่ยนได้ในเวลาสั้นๆ ได้แต่ค่อยเป็นค่อยไป
ดังนั้นแล้วฟางเจิ้งจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ขอถามนาย นายอยากวางยาอาจารย์ให้ตายจริงๆ หรือไม่รู้ว่าเห็ดมีพิษ?”
เด็กแดงตะลึงงัน นัยน์ตาขยับประกายวาวไม่แน่นิ่ง มองฟางเจิ้งพลางถามทีละคำ “อาจารย์ ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเห็ดมีพิษ ท่านจะเชื่อหรือไม่?” ถามจบ เด็กแดงสำนึกเสียใจแล้ว อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ตนเข้าใจหลักการอย่างหนึ่งนานแล้ว ฟางเจิ้งไม่ใช่คนโง่แน่นอน! ตรงกันข้ามเขาฉลาดมาก เข้าใจเรื่องราวมากมาย ตนเชื่อว่าฟางเจิ้งจะต้องมองเข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้งเหมือนกัน
ฟางเจิ้งตบๆ หัวเด็กแดงแล้วพูดตอบ “นายคือศิษย์ของอาตมา ถ้าอาตมาไม่เชื่อคำพูดของศิษย์ แล้วใครจะเชื่อ? ไปเถอะ ไปเก็บเห็ดมาหน่อย เย็นวันนี้ตุ๋นซุปให้พวกศิษย์พี่นายกินสักหม้อ ไม่อย่างนั้นโรคใจแคบของพวกเขาน่าจะกำเริบอีก อาจารย์ไม่อยากให้พวกเขาคิดว่าอาจารย์ลำเอียง”
พูดจบฟางเจิ้งก็เดินไป ถือโอกาสเก็บเห็ดดอกหนึ่งบนพื้นขึ้นมาด้วย…
เด็กแดงมองแผ่นหลังของฟางเจิ้ง ตะลึงค้างกับที่ ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้? นี่มัน…ลวกเกินไปรึเปล่า…
เด็กแดงตามอยู่ข้างหลังฟางเจิ้ง เงียบมาตลอดทาง จนเมื่อฟางเจิ้งกำลังเก็บเห็ดดอกที่สาม ในที่สุดเด็กแดงก็หยุด พูดเสียงเบาว่า “อาจารย์ ความจริงแล้วข้าอยากวางยาพิษท่านให้ตาย…”
ฟางเจิ้งตัวสั่นเล็กน้อย หยุดอยู่กับที่ ก่อนจะตอบกลับเบาๆ “อ้อ”
จากนั้นฟางเจิ้งเก็บเห็ดต่อไป
เด็กแดงมองฟางเจิ้งด้วยสีหน้ามึนงง สารเลวหัวโล้นนี่ไม่ลงโทษเขา? ไม่สวดมนต์? กระทั่งไม่พูดสั่งสอนเขาด้วย? นี่ไม่ตรงกับหลักเหตุและผลเลย! ทว่ายิ่งฟางเจิ้งไม่พูดอะไร เด็กแดงยิ่งสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงสับสน มันคือการก้าวข้ามผ่านไปแบบคร่าวๆ ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเหมือนกับในอดีต…ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกแย่มาก เสียใจมาก มองแผ่นหลังฟางเจิ้งยังรู้สึกปวดใจนิดๆ…หรือว่าเขาจะทอดทิ้งเราแล้ว? ถึงขั้นขี้เกียจสั่งสอนเลย?
เด็กแดงไม่รู้ว่าทำไมตนถึงมีความคิดแบบนี้ แต่เขาจัดการความคิดนี้ไม่ได้ อีกทั้งยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายนาทีต่อมาก็ถึงจุดสูงสุด เด็กแดงทนไม่ไหวอีก พูดขึ้นว่า “อาจารย์ หรือว่าท่านไม่อยากตำหนิข้า ท่านไม่สวดมนต์สั่งสอนข้าหน่อยรึ?”
ในที่สุดฟางเจิ้งก็หยุดลง เอ่ยขึ้นเรียบๆ “ทำไมนายถึงคิดว่าอาจารย์ควรตำหนินาย? หรือควรจะสวดมนต์สั่งสอนล่ะ?”
“ข้าวางยาพิษท่านเลยนะ ข้าทำผิดแบบนั้นแล้ว ท่านกลับไม่สนใจไยดีเลย?” เด็กแดงร้อง
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นพลันยิ้ม หมุนตัวกลับมามองเด็กแดงพลางหัวเราะเบาๆ ถามต่อว่า “วัตถุประสงค์ของการตำหนิหรือสวดมนต์สั่งสอนนายคืออะไร?”
“เอ่อ…” เด็กแดงตะลึงกับคำถามจริงๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร
ฟางเจิ้งยิ้มกล่าว “ตำหนิก็ดี สั่งสอนก็ดี นั่นเพียงแค่ให้นายเข้าใจว่าทำผิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อนายรู้แล้วว่าตนผิด ทำไมอาจารย์ต้องตำหนิ? ทำไมจะต้องสั่งสอน? นี่ไม่ใช่การสอนจระเข้ว่ายน้ำหรือ?”
“เอ่อ…” เด็กแดงตะลึงค้างอยู่กับที่อีกครั้ง
ฟางเจิ้งเงยหน้ามองฟ้าพลางเอ่ย “แน่นอน ถ้านายอยากฟังคำสวดมนต์ อาจารย์ยินดีอย่างยิ่งที่จะสวดให้สักสองท่อน อยากฟังไหม?”
“อาจารย์ นี่ก็สายแล้ว ท่านดู พวกเรายังต้องเตรียมซุปเห็ดตอนเย็นอีก เรายุ่งขนาดนี้ อย่าสวดเลยดีกว่า” เด็กแดงเห็นฟางเจิ้งไม่ได้โกรธจริงๆ จึงถอนหายใจโล่งอก รีบตอบกลับไป
ฟางเจิ้งยกมือตบหลังหัวเด็กแดงทีหนึ่ง ด่ายิ้มๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นยังไม่ไปเก็บเห็ดอีก?”
“ขอรับ!” ครั้งนี้เด็กแดงไม่โกรธ แต่แสยะปากยิ้มก่อนพุ่งออกไป เก็บไปพลางยิ้มไปพลาง
ฟางเจิ้งมองท่าทีเซ่อซ่าของเด็กแดงอยู่ข้างหลังเงียบๆ และก็ยิ้มซื่อๆ ตามเช่นกัน
ไม่นาน ลิง หมาป่าเดียวดาย และกระรอกก็วิ่งมา เห็นเด็กแดงกำลังเก็บเห็ดจึงมาร่วมกลุ่มเก็บเห็ดด้วยกัน ตอนนี้เก็บเห็ดอะไรมามั่วไปหมดแล้ว
ตอนนี้เอง กระรอกส่งเสียงมาจากข้างหลัง “อาจารย์ๆ ศิษย์เจอเห็ดดอกใหญ่สวยมากด้วย!”
ฟางเจิ้งหันไปมอง เห็นเห็ดใหญ่มากวิ่งโยกเยกเข้ามา! เห็ดนี่มีขนาดสองฝ่ามือได้! เห็ดใหญ่วิ่งมาอยู่ตรงหน้าฟางเจิ้ง ก่อนที่กระรอกจะโผล่หัวมาจากข้างหลังเห็ด ที่แท้ก็เป็นเจ้าตัวน้อยแบกเห็ดยักษ์วิ่งมา
ฟางเจิ้งมองเห็ดยักษ์สีแดงฉานดอกนี้ ถามด้วยสีหน้าหมดคำจะพูด “จิ้งควน นายเอาเห็ดแบบนี้มาได้ยังไง?”
กระรอกตอบกลับอย่างมีเหตุผล “ในบรรดาเห็ดที่ศิษย์น้องสี่เก็บมาตอนเช้ามีชนิดนี้อยู่ แต่ของฉันใหญ่กว่า! ดูสวยกว่าของเขาเยอะเลย…ดมกลิ่นแล้วก็ท่าทางไม่เลว เป็นยังไง? อาจารย์ ท่านไม่ชอบกินเหรอ? แต่ว่าตอนกลางวันท่านกินได้อร่อยมากนะ?”
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย จะอธิบายอย่างไรดี? ฟางเจิ้งเลยเอาตะกร้าใส่เห็ดออกมาเงียบๆ เก็บเห็ดหลากสีทั้งหมด จากนั้นก็แอบโยนทิ้งไประหว่างทาง…