The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 368 หยุด!
พวกเด็กสาวยืนอยู่ด้านข้างด้วยหน้าตาตื่นเต้น ในมือถือขนม แบ่งออกเป็นสองฝ่าย กำลังพูดอะไรกันเบาๆ มีเด็กสาวผู้อ่อนโยนคนหนึ่งช่วยพวกผู้ชายรับเสื้อผ้ามาวางรวมกัน และคอยเฝ้าให้อย่างระมัดระวัง
เด็กสาวที่มีนิสัยหยาบหน่อยตะโกนเป็นพักๆ “สู้ๆ!”
จากนั้นดึงดูดสายตาต่างเพศมาไม่ได้น้อย พวกผู้ชายต่างฮึกเหิมเหมือนฉีดเลือดไก่เพราะเสียงตะโกนนี้ เฝ้ารอให้การต่อสู้เริ่มขึ้นเร็วๆ จะได้แสดงฝีมือ ให้พวกสาวๆ หลงใหล แล้วโอบพาสาวกลับบ้าน
ตอนนี้เอง หมาป่าเดียวดายพูดขึ้นมา “อาจารย์ ท่าทางเจ้าพวกนี้ดูคุ้นตามากเลย”
“นายเคยเห็นเหรอ” ฟางเจิ้งงุนงง หมาป่าเดียวดายอยู่บนเขามาชั่วชีวิต จะเคยเห็นคนข้างนอกได้หรือ? นี่มันมหัศจรรย์ไปแล้ว
หมาป่าเดียวดายส่ายหน้าตอบ “ไม่เคยอยู่แล้ว แต่สีหน้าท่าทางพวกเขาคุ้นตามาก เริ่มฤดูใบไม้ผลิทุกปี ตอนที่ฝูงวัวป่าแย่งคู่กัน ไอ้บ้ากามพวกนั้นก็เป็นแบบนี้กันหมด แต่ละตัวอยากจะชนคู่ต่อสู้ทั้งหมดให้ตายต่อหน้าวัวตัวเมียใจจะขาด ศิษย์ชอบดูการต่อสู้แบบนี้ที่สุด ทุกครั้งที่สู้กันจะมีหนึ่งถึงสองตัวพิการ แล้วจากนั้นก็จะได้กินมื้อใหญ่กัน”
ฟางเจิ้ง “…”
ฟางเจิ้งไม่ถือว่าเข้าใจบาสเกตบอลมากนัก ตอนเรียนเคยดูและเคยจับบาสมาหลายครั้ง ต่อมาเพราะไม่ค่อยชำนาญเลยไม่ก้าวหน้า จึงถอยไปแนวหลังเป็นกองเชียร์แทน
ตอนนี้เห็นสนามบาสอีกครั้ง เห็นร่างเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ ฟางเจิ้งเกิดความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต เดินมาอยู่รอบนอกสนามบาสโดยไม่รู้ตัว ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ คอยดูอยู่เงียบๆ
การมาของฟางเจิ้งดึงดูดสายตาของพวกเด็กหนุ่มเด็กสาว เสื้อผ้าแบบนี้กับหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ดูเด่นตาเกินไปจริงๆ พวกเด็กสาวไม่กล้าเข้าใกล้ฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดาย เอาแต่มองจากไกลๆ พูดคุยอะไรกันเงียบๆ…
“หลวงจีนหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอ…”
“ฉันไม่ชอบหัวโล้นเลย เธอดูสิ หัวเขาสะท้อนแสงด้วย แต่ว่า…หัวโล้นแบบนี้มองแล้วสบายใจจัง”
“รู้สึกว่าสงบและสง่างามมาก บนโลกมีคนแบบนี้ด้วย? นี่ใช่หลวงจีนจริงๆ รึเปล่า”
“ไม่รู้ดิ ชุดสวยมาก”
“นั่นหมาป่าหรือหมา?”
“หมามั้ง น่าจะไม่มีใครกล้าพาหมาป่าเข้าเมืองหรอก”
“ก็ใช่…แต่ดูน่ากลัวนิดๆ นะ ตัวใหญ่เกิน ถ้าเกิดมันกัดสักที…”
แม้พวกเด็กสาวจะคุยกันเสียงเบา แต่ฟางเจิ้งกลับฟังเข้าใจ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนอยู่ใกล้เคียงภูเขาเอกดรรชนีชินกับหมาป่าเดียวดาย จึงย่อมไม่กลัวมันและไม่เป็นไร แต่ถ้าคนรู้ว่ามันเป็นหมาป่านั่นก็เป็นปัญหาแล้ว คิดได้ดังนั้นฟางเจิ้งเลยแอบเตะหมาป่าเดียวดายที่กำลังขยับไปมาอยู่ข้างๆ “จิ้งฝ่า ส่ายหาง”
“ทำไมเหรอ?” บางครั้งตอนที่หมาป่าเดียวดายดีใจเป็นพิเศษมันจะส่ายหาง แต่หลังจากเห็นสุนัขพวกนั้นในหมู่บ้านส่ายหางทั้งวันแล้ว มันก็ไม่ส่ายหางอีก เพราะรู้สึกว่าทำแบบนั้นลดราคาตัวเองลงมาก…มันคือหมาป่าตัวผู้ที่เคยเป็นจ่าฝูงหมาป่ามาก่อน! จะไปเหมือนหมาพวกนั้นได้อย่างไร
“ถ้านายไม่อยากถูกขังอยู่ในลังก็ส่ายหางซะ อีกอย่างตอนเจอคนให้ทำตัวโอนอ่อนหน่อย ที่นี่คือใต้ภูเขา หมาเป็นที่นิยมมากกว่าหมาป่า” ฟางเจิ้งกล่าว
“ศิษย์รู้สึกว่าส่ายหางมันดูโง่มาก” หมาป่าเดียวดายพูด
“นายโง่ไม่โง่ไม่เกี่ยวกับส่ายหาง…”
“อาจารย์ ท่านกำลังบอกว่าศิษย์โง่มาตลอดรึเปล่า?”
“เปล่า จริงๆ แล้วอาตมาอยากจะบอกว่าตอนนายส่ายหางดูเท่มาก”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน…” ฟางเจิ้งพยักหน้าอย่างมั่นใจมาก เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยประโยคหลังที่ว่า ‘เทียบกับหมาพวกนั้นแล้วเท่มาก’ ก็เท่านั้น
ผลคือหมาป่าเดียวดายได้ยินแบบนั้นก็ดีใจ ส่ายหางขึ้นมา
พวกเด็กสาวที่อยู่ไกลๆ เห็นดังนั้นเลยซุบซิบกันอีกครั้ง
“เธอดูสิ มันส่ายหางแล้ว! ฉันได้ยินว่าหมาป่าไม่ส่ายหาง หมาถึงจะส่ายหาง”
“ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน จิ๊ๆ…ขนเงิน ตัวใหญ่แบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์อะไร พูดจริงๆ นะ มันสวยมาก”
พวกเด็กสาวพากันพยักหน้า หลังจากมั่นใจว่าเป็นหมาแล้ว ความกลัวต่อหมาป่าเดียวดายลดลงไปหลายส่วน หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นคุยเรื่อยเปื่อย…
พวกเด็กสาวสนใจฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดายแบบนี้ พวกผู้ชายจึงไม่ทนแล้ว นี่จะแย่งงานกันรึเปล่า? แล้วพวกเขาจะแข่งกันทำไม? คิดจริงๆ หรือว่านี่คืองานอดิเรกและการแก้แค้นง่ายๆ? ดึงดูดสายตาพวกสาวๆ และหาแฟนต่างหากคือเป้าหมายที่แท้จริง! ตอนนี้แต่ละคนตัดผมทรงใหม่ เปลี่ยนชุดนักรบใหม่ พยายามบีบกล้ามเนื้อเล็กๆ ออกมา ยังไม่ทันให้สาวๆ หลงใหลก็โดนหลวงจีนกับหมาแย่งซีนไป! หลวงจีนนี่ไม่เท่าไร ดีเลวอย่างไรก็เป็นคน แต่สู้หมาไม่ได้นี่มันยังไง
เพื่อดึงความสนใจกลับมา หวังคุนเลยเอ่ยขึ้น “เฉินเหว่ย อย่าพูดมาก อุ่นเครื่องจบแล้ว เริ่มได้!”
“รอนายพูดประโยคนี้อยู่เลย! หลิวไห่ ทำงาน” เฉินเหว่ยตะโกนไปทางเด็กหนุ่มร่างท้วม
เด็กหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีดำพยักหน้า ก่อนถือลูกบาสเดินเข้ามา คนสองฝั่งพลันแบ่งกันยืนเป็นสองข้าง เฉินเหว่ยกับหวังคุนประชันหน้ากัน เตรียมจะจั๊มพ์บอลแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้ การประชันทางด้านนี้จะเริ่มแล้ว พวกผู้หญิงจึงถูกดึงดูดความสนใจกลับมา แต่เหมือนว่าขนมจะหายไปเร็วกว่าเดิม
ฟางเจิ้งมองด้วยความตื่นเต้นนิดๆ ไม่ใช่เพราะบาสเกตบอลสนุก แต่เพราะความรู้สึกนี้กับกลิ่นอายของหนุ่มสาวที่เปี่ยมล้นต่างจากความรู้สึกตอนเคาะระฆังยามเช้าในวัดบนเขาโดยสิ้นเชิง มันแปลกใหม่มาก มีความรู้สึกหวนรำลึกถึงอดีต สบายใจมาก…
ส่วนหมาป่าเดียวดายไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไร เอาแต่งึมงำว่า “ผู้ชายพวกนี้ไม่ไปแย่งสาวรอบๆ แต่มาแย่งบอลลูกเดียว…โง่เง่า!”
ป้าบ!
ฟางเจิ้งตบหัวหมาป่าเดียวดายไปทีหนึ่ง หมาป่าเดียวดายหุบปากไปในฉับพลัน แต่มันไม่มีใจจะดูแข่งบาสแล้ว เลยนอนหมอบ เพ่งมองไปรอบๆ ด้วยความเบื่อหน่าย
หลิวไห่โยนลูกบาสขึ้นสูง หวังคุนกับเฉินเหว่ยตะโกนด้วยความโกรธพร้อมกับกระโดดขึ้น เฉินเหว่ยตัวสูง การจั๊มพ์บอลคือจุดแข็งของเขา ใช้ฝ่ามือตบลูกบาสไปตรงหน้าทีม การแข่งบาสอันดุเดือดจึงเริ่มต้นขึ้น
ทักษะบาสของหวังคุนไม่เลว ทะลวงซ้ายขวาไปได้อย่างอิสระราวกับราชาบนสนามบาส มิน่าก่อนหน้านี้ถึงโอหังขนาดนั้น
ทว่าเฉินเหว่ยตัวสูง ยืนอยู่ใต้แป้นบาสประหนึ่งเข็มตอกเทพสมุทร ขวางหวังคุนไว้ข้างนอกได้หลายครั้ง เด็กหนุ่มทั้งสองฝ่ายโกรธจริงๆ แล้ว ตะคอกด้วยความโมโหไม่หยุด ประกอบกับเสียงเชียร์ของพวกเด็กสาว ทั้งสนามจึงเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายวัยหนุ่มสาวและความเร่าร้อน ความรู้สึกนั้นเยี่ยมมากจริงๆ
ฟางเจิ้งกำลังชมอย่างมีความสุข ก็พลันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนด้วยความโมโหว่า “กลางวันไม่หลับไม่นอนกัน ตะโกนอะไรอยู่ได้วะ?”
หลังเสียงตะโกน มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามารบกวนการแข่งขันในสนามบาส พวกหวังคุนและเฉินเหว่ยเลยต้องหยุดลง
“คุณอา พวกเราเล่นบาสกัน ไม่ผิดกฎหมายนี่?” หวังคุนเป็นแบบอย่างของประมุขผู้ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน เพิ่งเริ่มแข่งก็ถูกคนขัดแล้ว จึงไม่พอใจมาก