The Monk that wanted to renounce asceticism บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 44
ตอนที่ 44 ฆาตกร
ฟางเจิ้งตะลึงค้าง เขาไม่เคยบอกเบอร์โทรศัพท์กันใครนี่! อีกฝ่ายรู้ได้ยังไง?
พออ่านที่อยู่ที่ส่งมาก็พบว่าส่งมาจากมหาวิทยาลัยจี๋หลิน! ชื่อผู้ส่งฟางอวิ๋นจิ้ง! ฟางเจิ้งพลันเข้าใจทันทีว่านักศึกษาพวกนั้นส่งมาให้เขา!
‘นักศึกษารวยกันจริงๆ! มิน่าถึงอยากเรียนมหาวิทยาลัยกัน แต่นักศึกษาพวกนี้ก็ดีนะ วันหลังจะสวดมนต์อวยพรให้พวกเขา ขอให้การเรียนพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายแข็งแรง’ ขณะเดียวกับที่ฟางเจิ้งคิดอยู่ในใจก็ถามระบบ “ระบบ นี่เป็นของที่ คนอื่นให้หา ฉันรับได้ใช่ไหม?”
“ติ๊ง! นี่คือโชควาสนาจากญาติโยม รับได้”
ฟางเจิ้มย่อมไม่เกรงใจ อีกอย่างหูทั่นดูรีบร้อนมาก เขาไม่อยากเสียเวลาแล้วจึงเซ็นรับมา!
หูทั่นเห็นฟางเจิ้งรับสบายๆ จึงฉีกใบเสร็จ เก็บปากกาเตรียมเอ่ยลา แต่ตอนนี้เองภาพตรงหน้าฟางเจิ้งเปลี่ยนไป!
ตรงตีนเขา หูทั่นขับรถสามล้อบนถนนเล็กระหว่างหมู่บ้าน พลันมีคนกระโดดออกมาพูดเสียงดัง “หยุด!”
ต่อมารถไฟฟ้าพลิกคว่ำ!
หูทั่นหัวปักลงไปกลางแถวร่องน้ำ ดีที่เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วแถวร่องน้ำจึงไม่มีน้ำ แต่สั่งสมใบไม้ร่วงจำนวนมากจึงนุ่มนิ่ม หูทั่นเลยไม่เป็นอะไร ส่วนเจ้าคนที่ร้องตะโกนให้หยุดเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีไป
เดิมทีฟางเจิ้งคิดว่าจะจบแล้ว แต่รถขนส่งถูกถีบเปิดออก คนหนึ่งวิ่งออกมาจากในนั้น มองไม่เห็นว่ามีหน้าตาอย่างไร แต่หัวใหญ่มาก! ในมือถือบางอย่าง
หูทั่นคลานขึ้นมาร้องโวย “ใครน่ะ? ทำไมเลวจังวะ?”
“หุบปาก!” คนหัวใหญ่พูดตอบ
“แกเป็นใคร? ทำไมอยู่ในรถขนส่งของฉัน? ขโมยเหรอ? รีบจับขโมยเร็ว! จับขโมย!” หูทั่นร้องเสียงดัง ข้างในยังมีของส่งด่วนอีกหลายชิ้นที่ต้องส่งตอนบ่าย! หากถูกขโมย เขาก็อย่าได้หวังโบนัสในปีนี้เลย
คิดได้ดังนั้นหูทั่นจึงร้องดังกว่าเดิม
“หุบปาก! ฉันให้แกหุบปาก! อย่าร้อง!” อีกฝ่ายตะโกนด้วยความโกรธ
หูทั่นกลับไม่สน ยังคงร้องอย่างนั้น สรุปมีคนมาจริงๆ อีกฝ่ายวิตกจึงยกมือขึ้น!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น หูทั่นหัวระเบิดออก เลือดกระจาย มันสมองทะลัก! ตาสองข้างเหลือกขาว นอนแผ่เป็นตัว大บนพื้น แน่นิ่งไป
อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ใช้สองขาเตะศพหูทั่นซ่อนเอาไว้แล้วพูดพึมพำ “โทษทีน้องชาย ให้แกหุบปากก็ควรหุบปาก แกตายฉันรอด ฉันก็ต้องให้แกตายอยู่แล้ว” พูดจบคนนั้นก็วิ่งไปอย่างเร็วรี่
เห็นถึงตรงนี้ฟางเจิ้งพลันได้สติกลับมา แต่หูทั่นเดินออกจากวัดลงเขาไปแล้ว
‘ฉันต้องไป ถึงยังไงมันก็มีปืน! นี่มันอะไรกัน?’ ฟางเจิ้งสับสนเล็กน้อย เขาเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เล็ก แม้นายพรานเมื่อก่อนจะมีปืนลมยิงนกกับกระบอกล่าหมูป่า แต่ต่อมาประเทศนำเข้าปืนมาจึงถูกริบจนหมด ดูจากขนาดปืนของเจ้านั่นแล้วไม่ใช่ปืนลมยิงนก แต่เป็นปืนจริง!
เรื่องใหญ่แล้ว! หนึ่งฟางเจิ้งเป็นห่วงความปลอดภัยของหูทั่น สองห่วงความปลอดภัยของคนในหมู่บ้าน คนอันตรายแบบนี้อยู่ใกล้หมู่บ้านมันอันตรายเกินไป! คิดได้ดังนั้นฟางเจิ้งจึงตามไป!
ดีที่หูทั่นเหนื่อยจริงๆ ลงเขาไม่เร็ว ซ้ำฟางเจิ้งยังมีวิทยายุทธ์กับตัว ก้าวเดินราวกับเหาะเหิน ไม่นานก็ตามทัน
“ไต้ซือ ตามมาทำไมครับ?” หูทั่นเป็นกังวล จะตามมาทำไมกัน?
ฟางเจิ้งยิ้ม “หูทั่นใช่ไหม?”
“ครับ มีอะไรเหรอ?” หูทั่นมองฟางเจิ้งอย่าระแวง ในป่าเขาแบบนี้มีหลวงจีนอยู่แค่รูปเดียว เขาจึงกังวลอยู่บ้างจริงๆ
ฟางเจิ้งกล่าวบทสวดไปประโยคหนึ่ง “อมิตพุทธ โยม เราสองคนพบกันถือมีวาสนาต่อกัน อาตมาขอพูดหน่อยได้ไหม?”
“เชิญไต้ซือพูดเลยครับ” หูทั่นถาม
ฟางเจิ้งกล่าวต่อ “ลงเขาครั้งนี้ ถ้ารถพลิกคว่ำตกลงไปกลางร่องน้ำที่มีใบไม้ ให้แกล้งสลบ อย่าปีนขึ้นมา”
“ไต้ซือ พูดแบบนี้ทำไม? จะแช่งคนอื่นให้ตกไปในร่องน้ำเหรอ” หูทั่นพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ฟางเจิ้งพูดต่อ “จำคำอาตมาไว้ หากเกิดขึ้น โยมทำตามที่อาตมาบอก หากไม่เกิด ก็ถือว่าอาตมาล้อเล่นแล้วกัน”
หูทั่นรู้สึกแค่ว่าหลวงจีนนี่แปลกๆ จึงอยากออกจากที่นี่ให้เร็วหน่อย
“รอเดี๋ยว ขอใช้ปากกากับกระดาษของโยมหน่อยได้ไหม?” ฟางเจิ้งเรียกหูทั่นไว้
หูทั่นรำคาญอยู่เล็กน้อยแล้ว ถึงเขาจะถือการบริการลูกค้าไว้สูงสุดมาโดยตลอด แต่เรื่องในวันนี้ทำให้เขาหมดความอดทนในที่สุด แต่ก็ยังส่งกระดาษกับปากกาให้ฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขียนไปว่า “มีคนอันตรายเข้ามาในหมู่บ้าน แจ้งตำรวจ” ลงนามฟางเจิ้ง
จากนั้นฟางเจิ้งก็คืนปากกาให้หูทั่นก่อนกล่าวอมิตพุทธ “โยมเดินทางปลอดภัย”
หูทั่นรีบลงเขาไป
ฟางเจิ้งผิวปาก หมาป่าเดียวดายวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ไกลๆ จากนั้นส่งกระดาษโน้ตให้มันคาบไว้ “ส่งไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เอ่อ นายไม่รู้จักผู้ใหญ่บ้านใช่ไหม? เอาเถอะ ฉันจะวาดแผนที่ให้แล้วกัน”
ฟางเจิ้งวาดแปรนแผนที่ของหมู่บ้านบนพื้น ทำสัญลักษณ์ของบ้านผู้ใหญ่บ้านไว้ก่อนตบหัวหมาป่าเดียวดาย ให้มันรีบไป
เดิมทีเขาให้กระดาษโน้ตกับหูทั่นได้ แต่เขากลัวว่าหูทั่นจะกลัวหรืออาจจะอยากรู้อยากเห็น กลับไปแล้วตรวจดูห้องบรรทุกข้างหลังรถสามล้อจนทำให้โจรตกใจกลัวฆ่าเขา นั่นทำให้เขากลัวจริงๆ
หมาป่าเดียวดายไปแล้วฟางเจิ้งก็ยังไม่วางใจ แต่เขาก็ทำได้เท่านี้ มากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
พอกลับเข้ามาในวัด ฟางเจิ้งเข้าไปในอุโบสถ สวดมนต์ต่อพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม “พระโพธิสัตว์กวนอิม ผมรู้ว่าท่านไม่ดูแลเรื่องนี้ แต่ก็อยากให้ท่านช่วยปกป้อง อย่าให้เกิดเรื่องอะไรกับคนในหมู่บ้านเลย แล้วก็พนักงานส่งของคนนั้น ช่วยปกป้องให้เขาปลอดภัยด้วย”
ครั้งนี้ฟางเจิ้งไม่ได้ทำเพื่อบุญกุศล จับรางวัลหรือพยายามช่วยคน เขาอยากช่วยจริงๆ แต่มีกฏเหล็กห้ามลงเขา ทำให้เขามีพลังก็จริงแต่ใช้ไม่ได้ทุกที่ มิเช่นนั้นคงใช้วิทยายุทธ์ของเขาลอบลงมือจัดการได้อย่างแน่นอน
“ระบบ ทำไมในอนาคตที่ฉันเห็น นอกจากหูทั่นแล้วถึงเห็นของคนอื่นไม่ชัดล่ะ?” ฟางเจิ้งถามด้วยความสงสัย
“ระดับเนตรสวรรค์ต่ำเกินไป นายเห็นได้แค่คนที่ลำบาก เผชิญอันตรายเท่านั้น คนอื่นๆ จะเห็นแค่เค้าโครง ถ้าอยากเห็นชัดก็รีบยกระดับเนตรสวรรค์ซะ” ระบบตอบ
ฟางเจิ้งลูบกระเป๋า ได้แต่เขินอาย…
ขณะเดียวกันหูทั่นลงเขาแล้ว เนื่องจากเสียเวลามากเขาต้องรีบกลับไป เลยรีบขึ้นรถขับออกไปทันที
ช่วงที่ผ่านหมู่บ้านก็ไม่เจอใคร จึงออกจากหมู่บ้าน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางถนนหลวงโดยไม่ปรึกษาใคร
ขับไปขับมาหูทั่นก็ชำเลืองมองร่องน้ำข้างๆ แวบหนึ่ง นึกถึงคำพูดฟางเจิ้ง หากรถพลิกคว่ำตกลงไปในร่องน้ำที่มีใบไม้…
“ในนั้นมีใบไม้ขนาดนี้ ตกลงไปก็จะเหมือนกับที่หลวงจีนนั่นบอก ฉันคงไม่รถคว่ำจริงๆ หรอกใช่ไหม…” หูทั่นพึมพำด้วยความระแวงคิดมั่วไปเรื่อย